ตอนที่ 501 หอขุนเขาดาบกระบี่
“เมล็ดพันธุ์นี้ตายแล้ว!” นํ้าเสียงฉินหยุนเจือปนความโกรธเด่นชัด
ผู้คนล้วนเผยความประหลาดใจผ่านสีหน้า
“เป็ นเจ้าไม่อาจทําให้มันงอกออกมา จึงกล่าวหาว่ามันตาย! ช่างน่าขัน
ยิ่งนัก!”
เหลียวฉงเจิ้งเผยนํ้าเสียงเหยียดหยาม ใบหน้าขณะนี้เผยความอิ่มเอมใจ
“ผู้อาวุโส หากเมล็ดพันธุ์ที่มอบให้แก่ข้ายังไม่ตาย เช่นนั้นรบกวน
ท่านทําให้เมล็ดพันธุ์นี้งอกออกมาเพื่อยืนยันแล้ว!”
ฉินหยุนส่งมอบเมล็ดพันธุ์กลับคืน จับจ้องเหล่าหวงที่ขณะนี้เผย
ดวงตาบังเกิดความรู้สึกผิด
เหล่าหวงมองทางเหลียวฉงเจิ้ง กล่าวออกด้วยนํ้าเสียงเย็น “ข้าเพียง
รับหน้าที่ดําเนินการทดสอบแข่งขัน หาได้มีหน้าที่ต้องยืนยันว่า
เมล็ดพันธุ์ตายหรือไม่!”
เหลียวฉงเจิ้งพอได้ยินเช่นนี้ เขาจึงหัวเราะออกเสียงดัง “คนธรรมดา
คิดอยากเข้าสํานักเซียนอย่างหุบเขาเซียนโอสถ ช่างเป็นการหวังสูง
เกินไปยิ่งนัก! ในเมื่อไร้ความสามารถ ก็จงพ่ายแพ้กลับไป!”
“เมล็ดพันธุ์นี้ที่ตาย ก็ถือเป็ นเจ้าโชคร้าย!”
ฉินหยุนขณะนี้กําหมัดแน่น บดขยี้เมล็ดพันธุ์ ปลดปล่อยออร่าแห่ง
โทสะรุนแรงออกมา
“ตําหนักพฤกษาดวงดาวพวกเจ้า เรียกเก็บข้าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง
แต่แล้วยังกล้าจัดฉากเล่นปาหี่ต่อข้า! หากข้าไม่ทวงถามหนี้แค้นครั้งนี้
ข้าฉินหยุนไม่ขอเป็นผู้คนอีกต่อไป!”
“ภายหน้า ตําหนักพฤกษาดวงดาวพวกเจ้าต้องจ่ายหนี้แค้นครั้งนี้อย่าง
สาสม!”
แต่ละถ้อยคําของฉินหยุน มันเปรียบดั่งมีดที่แฝงไว้ด้วยออร่าเย็นเยือก
ความรู้สึกกราดเกรี้ยวของเขาขณะนี้ มันทําให้หัวใจต้องเต้นรัวเร็ว
เหลียวฉงเจิ้งไม่คล้ายเก็บมาคิด นํ้าเสียงนี้เปี่ ยมด้วยความเดียดฉันท์
ขณะแค่นเสียงดังตอบ “เจ้าคิดหรือ ว่าคนเช่นเจ้าที่คิดเป็นคนสวน
โอสถ จะทําให้พวกเราต้องชดใช้ได้? ช่างกล่าวคําโอ้อวดโดยไม่ดู
ตนเอง!”
“เหลียวฉงเจิ้งใช่หรือไม่? จดจําเอาไว้ แม้เจ้าเข้าเป็นศิษย์ของหุบเขา
เซียนโอสถ วันหนึ่ง ข้าจะมาเอาชีวิตสุนัขตํ่าต้อยเช่นเจ้า!”
ฉินหยุนขณะนี้โกรธจัด อีกเพียงเล็กน้อยเขาเกือบจะเข้าหุบเขาเซียน
โอสถได้อยู่แล้ว!
แต่แล้ว เหลียวฉงเจิ้งที่เกิดความริษยา ร่วมมือกับผู้อื่นที่รับหน้าที่ ทํา
การหยุดยั้งเอาไว้ในช่วงเวลาสําคัญ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ให้ข้าจดจําเจ้าหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน? คิดว่ามี
สิทธิ์อะไรมาทําให้ข้าต้องจดจําสวะเช่นเจ้าได้?” เหลียวฉงเจิ้งหัวเราะ
ดังไม่หยุด ราวกับพบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็ นเรื่องขบขันที่สุดใน
ชีวิต
มิตรสหายของเขาต่างก็หัวเราะเช่นเดียวกัน
บรรดาศิษย์หญิงของสามสํานักจันทรา ขณะนี้ล้วนรู้สึกผิด!
หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าพวกนางต่อสู้แย่งชิงฉินหยุน เพื่อคิดนําอีก
ฝ่ ายมาเป็นคนสวนโอสถของสํานักตน เหลียวฉงเจิ้งก็คงไม่เกิด
ความริษยานี้ขึ้น
ฉินหยุนมองบรรดาผู้อาวุโสจํานวนหนึ่งที่นี่ ทั้งหมดต่างอยู่ขอบเขต
วรยุทธ์วิญญาณ!
นอกจากนี้ เหลียวฉงเจิ้งยังสวมใส่ชุดเกราะเต๋า หากคิดสังหารให้
ตายในกระบวนท่าเดียวถือเป็ นเรื่องยาก เว้นแต่จะนําร่างอีกฝ่ ายใส่
เข้าไว้ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!
หากเขาไม่อาจสังหารอีกฝ่ ายได้ในหนึ่งกระบวนท่า ย่อมต้องถูกปิ ด
ล้อมและโดนโจมตีโดยบรรดาผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!
“เหลียวฉงเจิ้ง ข้าจะทําให้เจ้าจดจําข้าได้เอง!”
นํ้าเสียงเย็นเยือกเลือนหาย ฉินหยุนหายตัวไปแล้ว!
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ฝ่ ามือของเขาปรากฏออร่าสีดํา มาพร้อมกับ
พลังสั่นไหวรุนแรง เข้าปะทะที่ใบหน้าของเหลียวฉงเจิ้ง
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่น ฝ่ ามือฉินหยุนประทับที่ใบหน้าเหลียวฉงเจิ้งอย่าง
รุนแรง!
พลังอํานาจการตบหน้าระดับนี้ ทําเอาใบหน้าของเหลียวฉงเจิ้งหัน
กลับ ทิ้งฝากรอยฝ่ ามือเอาไว้ หาได้เป็นการสร้างอาการบาดเจ็บใดไม่
ทั้งหมดนี้ก็เพราะได้รับพลังคุ้มกันแกร่งกล้าจากชุดเกราะเต๋า!
“ไว้พบกันใหม่ ครั้งหน้าที่พวกเราพบกัน เมื่อนั้นคือความตายของ
เจ้า!”
นํ้าเสียงฉินหยุนเปี่ ยมล้นด้วยความโกรธดังก้องในห้องโถง มันแทบ
สั่นสะเทือนหัวใจผู้คน
ทางด้านฉินหยุน ขณะนี้เขาออกพ้นจากต้นไม้ใหญ่ เลือนหายตัวตน
ออกจากนครพฤกษาโบราณ
“อ๊าก!” เหลียวฉงเจิ้งที่อึ้งไปครู่ ขณะนี้คํารามร้องเกรี้ยวกราด
แม้เขาสวมใส่ชุดเกราะเต๋า แต่การถูกตบหน้ากลางฝูงชนเช่นนี้ ถือ
เป็นการหยามเหยียดอย่างร้ายแรง!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้จดจํานามของฉินหยุนเอาไว้อย่างขึ้นใจ!
ผู้คนในห้องโถงค่อยรู้สึกตัว พร้อมทั้งจดจําชื่อของฉินหยุนเอาไว้อยู่
ภายใน!
ฉินหยุนเร่งรีบไปจากนครพฤกษาโบราณ เขาได้แต่ต้องจดจําข้อ
พิพาทนี้เอาไว้เพื่อทวงถามในภายหน้า!
ชั่วขณะนี้ เขาได้ทราบ ว่าการเข้าร่วมสํานักเซียนเป็ นเรื่องยากเย็น
อย่างยิ่ง
ในแดนวิญญาณอ้างว้าง หากคิดอยากเฉิดฉาย ก็ต้องมีชาติกําเนิด!
แต่เขาเป็นคนไม่มีชาติกําเนิดใดที่นี่!
ฉินหยุนออกจากนครพฤกษาโบราณ ทําการสอบถามระหว่างทาง
ก่อนมุ่งหน้าไปยังสํานักหมื่นดวงดาว
ขณะนี้ เขาเหลือทางเลือกเพียงเข้าร่วมสํานักดวงดาวที่เหลือ!
ออกเดินทางกว่าสิบวัน เขาค่อยถึงทางเข้าสํานักหมื่นดวงดาว คิด
อยากลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ
กระนั้น เพราะไม่มีภูมิหลังหรือตระกูลชนชั้นสูงใดหนุนหลังเข้ามา
เขาจึงไม่อาจแม้แต่จะเหยียบเท้าเข้าไป!
ฉินหยุนขณะนี้ยังไม่สูญแรงใจ มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเยือกแข็งดวงดาว
เรื่องราวก็เป็นเช่นก่อนหน้า เพราะเขาเป็นคนไม่มีภูมิหลัง และยัง
ครอบครองเพียงหนึ่งชีพจรวิญญาณ ทําให้เขาต้องถูกปฏิเสธอีกครั้ง
หนึ่ง!
ช่วงเวลานับเดือนมานี้ ฉินหยุนเดินทางไปยังเกาะขุนเขาดวงดาว
และสํานักดาบดวงดาว ทั้งสองต่างปฏิเสธเขาทั้งคู่เช่นกัน!
กระทั่งว่าเขาเปิ ดเผยเรื่องวิญญาณยุทธ์สีดําออกมา ก็ยังไม่ได้รับการ
พิจารณาแต่อย่างใด!
เพราะหาได้มีผู้ใดเชื่อจริงจัง ว่าเขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา
เขาครอบครองเพียงหนึ่งชีพจรวิญญาณ และยังไม่มีภูมิหลังใด
เกื้อหนุน ต่อหน้าห้าสํานักดวงดาว เขามีแต่ต้องกลํ้ากลืนรับสายตา
เย็นเยียบและความเหยียดหยันกลับมา!
หากห้าสํานักดวงดาวยากแก่การเข้าร่วม เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
สํานักเซียน!
“พวกมันไม่แม้แต่จะให้โอกาสเราได้เข้าร่วมการทดสอบ!”
ฉินหยุนยืนหยัดบนยอดเขาสูง รับชมเก้าดวงตะวันบนฟากฟ้า หมัด
ขณะนี้กําเอาไว้แน่น
เขานึกถึงเสียงก่นด่าและหยามเหยียดที่ได้รับจากสํานักเหล่านั้น ทว่า
ภายในใจขณะนี้ มันไม่มีความโกรธเพราะเรื่องราวเหล่านั้นอีก
กลับกัน มันเป็นการปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แก่เขา!
“ห้าสํานักดวงดาว ในภายหน้า ข้า ฉินหยุนผู้นี้ จะทําให้พวกเจ้าต้อง
เงยหน้ามองข้า!”
“เป็นพวกเจ้าเหยียดหยามข้าโดยไม่แม้ให้โอกาส!”
“สํานักดวงดาวทั้งห้าไม่อาจเข้าร่วม ข้า ฉินหยุนผู้นี้ จะเป็นบุตรแห่ง
สวรรค์ที่พร้อมเข้าสั่นสะเทือนทั้งแดนวิญญาณอ้างว้าง!”
ห้าสํานักดวงดาวเพียงแต่รับศิษย์จากตระกูลที่มีชื่อเสียง และคนที่
ครอบครองหกชีพจรวิญญาณขึ้นไปเท่านั้น!
ผู้อื่นที่ไม่เข้าเกณฑ์ พวกเขาล้วนปฏิเสธทั้งสิ้น!
กระทั่งว่าเป็นผู้ฝึกตนสายเลือด พวกเขาก็ไม่มีทางสร้างชื่อให้แก่
ตนเองได้หากไม่มีตระกูลชนชั้นสูงเกื้อหนุน!
สําหรับฉินหยุน ผู้ซึ่งไร้ภูมิหลังอย่างแท้จริงในที่นี้ ทั้งยังครอบครอง
หนึ่งชีพจรวิญญาณ เขาจึงได้แต่ต้องอดทนรับต่อการหยามเหยียด!
กระทั่งว่าเขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า มีพลังเต๋าที่เหนือลํ้า
สํานักดวงดาวเหล่านั้นก็ยังไม่แม้แต่ชายตามองเขา!
แดนวิญญาณอ้างว้างกว้างใหญ่ สํานักย่อมมีอยู่มากมาย!
นอกจากสํานักเซียนและสํานักดวงดาว ยังคงมีสํานักระดับรองอีก
มากมายคงอยู่
ฉินหยุนมาถึงนครดาบกระบี่ มันเป็นเมืองขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่ง!
ภายในนครดาบกระบี่ มันมีหอขุนเขาดาบกระบี่ เป็นสํานักที่มี
ชื่อเสียงในระดับรองแห่งหนึ่ง!
ทั้งนี้ มันยังเป็นสถานที่อันดีสําหรับบุตรหลานตระกูลชนชั้นสูง เพื่อ
เข้าร่วมหากพลาดจากสํานักดวงดาว
สาเหตุว่าทําไมฉินหยุนเลือกหอขุนเขาดาบกระบี่ ก็เพราะมัน
โหดเหี้ยม การทดสอบและคัดเลือก มันคือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย!
เพราะเหตุนี้ หอขุนเขาดาบกระบี่จึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!
ฉินหยุนคิดแก้แค้นต่อเหลียวฉงเจิ้ง ความปรารถนาต่อความแข็งแกร่ง
ของเขารุนแรง คิดอยากทําให้ห้าสํานักดวงดาวต้องเงยหน้ามองตนเอง
ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังหอขุนเขาดาบกระบี่!
ฉินหยุนยืนด้านนอกหอขุนเขาดาบกระบี่ มองไปยังประตูเหล็กสีดํา
ของตัวหอใหญ่!
ประตูโลหะนี้สูงกว่าสิบเมตร ทั้งสองบานซ้ายและขวาปิ ดเอาไว้แน่น!
ส่วนที่ชวนตื่นตะลึงที่สุดของประตูนี้ ก็คือประตูซ้ายเต็มไปด้วยกระบี่
ขณะที่ประตูขวาเต็มไปด้วยดาบนานาชนิด!
ป้ายชื่อใดล้วนไม่มี มีแต่ประตูนี้ที่เป็นการบ่งบอกถึงหอขุนเขาดาบ
กระบี่ นี่คือหลักฐานยืนยันการคงอยู่ของหอขุนเขาดาบกระบี่!
เบื้องล่างประตูสูงใหญ่ มีชายร่างสูงสองเมตรครึ่งยืนหยัดสองคน
หนึ่งในนั้นถือกระบี่ อีกหนึ่งนั้นถือดาบ!
“พี่ชายทั้งสอง หากข้าคิดเข้าร่วมการทดสอบต้องทําเช่นไร?” ฉิน
หยุนก้าวเดินไปเอ่ยถาม
“เดินออกทางประตูตะวันออก เจ้าจะได้เห็นนครโบราณที่ทรุดโทรม
หากเจ้าเข้าสู่นครโบราณแห่งนั้น และได้รับดาบหรือกระบี่ เช่นนั้น
เจ้าจะได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมในการเข้าร่วมการทดสอบ!”
ฉินหยุนไม่ถามอื่นใดเพิ่มเติม เพียงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังประตูตะวันออก
ด้วยความเร็วมากลํ้า เพียงไม่นานเขาจึงพบเห็นนครโบราณที่ทรุด
โทรมตรงหน้า!
ผ่านไปสองชั่วยาม ฉินหยุนค่อยมาถึงพื้นที่รอบนอกของนครโบราณ
ประตูนครโบราณปิ ดเอาไว้แน่นหนา ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ
ที่เก้านับร้อยชีวิต ขณะนี้ยืนหยัดด้านนอกประตู ส่วนใหญ่ล้วนเป็น
ศิษย์ของตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น!
หากพลาดจากห้าสํานักดวงดาว หอขุนเขาดาบกระบี่จึงเป็นทางเลือก
ที่ดีที่สุดสําหรับพวกเขา!
บรรดายอดฝีมือรวมตัวกันนอกประตูเมือง สีหน้าล้วนอหังการปรากฏ
เด่นชัด ราวกับพวกเขามั่นใจว่าตนคือผู้ที่ต้องมีชัยเหนือผู้อื่น
พวกเขาล้วนเชื่อ ว่าหอขุนเขาดาบกระบี่เป็นที่สุดในสํานักระดับรอง
ไม่ว่าการทดสอบยากเย็นเพียงใด มันจะไม่มีทางยากไปกว่าห้าสํานัก
ดวงดาวที่ยิ่งใหญ่
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาล้วนเชื่อมั่น ว่าตนจะต้องผ่านการทดสอบ!
ประตูของนครโบราณที่เสื่อมโทรมซึ่งปิ ดมาเนิ่นนาน ขณะนี้กําลัง
จะเปิ ดออกแล้ว
พวกเขาต้องต่อสู้หํ้าหั่น แย่งชิงตําแหน่งผ่านการทดสอบ นี่เป็นความ
โหดร้ายของการทดสอบของที่นี่
ผู้คนยิ่งมายิ่งมาก ขณะนี้เกือบถึงสามพันคนแล้ว
การทดสอบแข่งขันนี้จัดขึ้นเพียงครั้งหนึ่งในรอบปี ฉินหยุนเร่งรีบ
มาจนทันเวลา!
บางคนกระทั่งมารอคอยกว่าสิบวันล่วงหน้า ขณะนี้ชายชุดดําได้
ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูเมือง
“ภายในนครโบราณดาบกระบี่ มันมีดาบและกระบี่ทั้งสิ้นหนึ่งร้อย
เล่ม หากคิดอยากได้รับตําแหน่ง เช่นนั้นจงไขว่คว้าอาวุธมาให้ได้!”
“พวกเจ้าสามารถออกมาได้พร้อมอาวุธชิ้นหนึ่ง หากคิดครอบครอง
มากกว่าหนึ่ง มือพวกเจ้าจะไม่อาจหลงเหลือไว้ใช้งานอีก!”
“ใช้อาวุธที่พวกเจ้าได้รับ และเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่เพื่อเข้า
ร่วมการทดสอบจริงให้ได้!”
“สังหารกันเองถือเป็นข้อพิพาทส่วนบุคคล หอขุนเขาดาบกระบี่พวก
เราไม่คิดรับผิดชอบแต่อย่างใด!”
นํ้าเสียงของชายชุดดําดังก้องได้ยินทั่วถึง ทําเอาแก้วหูหลายผู้คนต้อง
เต้นร่า
ประตูขณะนี้เปิ ดออกแล้ว!
รอยแยกเพียงเพิ่งปรากฏ ก็มีคนหนึ่งพุ่งทะยานเข้าไปแล้ว!
บุคคลที่เร่งรีบออกนําหน้า เป็นชายร่างผอมสูง ขณะพุ่งผ่าน เขาก็ถูก
ชายในชุดเกราะสีทองที่ไล่หลังมาสับฟันร่างไปแล้ว!
ประตูเพียงเพิ่งเปิ ด ก็มีการสังหารเกิดขึ้นแล้ว!
กว่าสามพันคนขณะนี้ กําลังไหลหลั่งเข้าสู่ประตูดั่งสายนํ้าหลาก!
ภายในนครโบราณดาบกระบี่ มันคือซากปรักหักพังที่ทรุดโทรม
เป็นเมืองซึ่งถูกทิ้งร้าง!
ฉินหยุนเมื่อเข้ามาแล้ว เขาค่อยกระโดดขึ้นด้านบนดาดฟ้าอาคารสูง
แห่งหนึ่งด้วยความรวดเร็วยิ่ง
เปรียบดั่งนกกระจอกโบยบิน อย่างรวดเร็ว เขาทะยานคืบหน้าสู่ตัว
นครโบราณ!
เขาถือเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีความเร็วเลิศลํ้า!
เบื้องหน้า ขณะนี้มีหลายสิบร่างกระโดดไปมาในสระนํ้าของนคร
โบราณดาบกระบี่!
สระนํ้าดาบกระบี่ค่อนข้างตื้น มันมีดาบและกระบี่ปรากฏอย่างให้
เห็นเด่นชัด!
ฉินหยุนรับชมหลายสิบคนเร่งรีบทะยานเข้าไป คว้าเอาดาบกระบี่
เหล่านั้นขึ้น เขาถึงกับลอบตระหนก
“แดนวิญญาณอ้างว้างช่างเต็มเปี่ ยมไปด้วยพยัคฆ์ร้ายและมังกรซ่อน
เร้น!” ฉินหยุนถอนหายใจ ขณะนี้เขาถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังของกลุ่ม
แนวหน้า
กระนั้น เขาก็ยังสามารถได้รับกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง!
“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในที่นี้ แข็งแกร่งกว่าที่เคยเจอในแดน
ยุทธ์อ้างว้าง!”
ด้วยกระบี่ยาวในมือ ฉินหยุนพุ่งทะยานไปยังประตู ฉับพลันนี้ หลาย
สิบร่างพลันปรากฏต่อหน้าเขา
เขาย่อมต้องเคยเผชิญหน้าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าในแดนยุทธ์
อ้างว้าง และเหล่านั้นล้วนเป็นคนของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง
รวมถึงสํานักเก้าตะวัน พวกเขาหาได้อ่อนด้อยไม่
กระนั้น พวกเขาเหล่านั้นก็คล้ายยังขาดอะไรไปบ้างหากนํามาเทียบ
เปรียบกับผู้ที่อยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้าง!
แดนวิญญาณอ้างว้างกว้างใหญ่ ผู้คนมากมายหลากหลาย
ประวัติศาสตร์ดินแดนนี้มีมายาวนาน ดังนั้นจึงมีผู้เยาว์พรสวรรค์ดัง
สัตว์ประหลาดซุกซ่อนอยู่มากมาย!
กระทั่งว่าเขาพลาดการเข้าร่วมหนึ่งในห้าสํานักดวงดาว ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเหล่านี้ก็ยังนับว่าแข็งแกร่ง!
ภายในสระนํ้าดาบกระบี่ ทั้งดาบและกระบี่กระจายอยู่ทั่ว บรรดาผู้
ซึ่งไม่อาจได้รับดาบและกระบี่ ขณะนี้เร่งรีบไล่ล่าตามหลังกลุ่มคน
ค้นหาเป้าหมายเพื่อฉกชิง!
“เจ้าหนู ส่งกระบี่ในมือเจ้ามา!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งใบหน้าดุดัน ฉับพลัน
ปรากฏข้างกายฉินหยุน
ฉินหยุนคิดอยากเก็บกระบี่ยาวเข้าสู่มิติเก็บของ แต่เพราะกระบี่นี้มี
อักขระพิเศษ มันไม่อาจเข้าสู่มิติเก็บของได้
ดังนั้นจึงได้แต่ต้องถือไว้ในมือ
“อย่าได้ฝัน!” ฉินหยุนตอบกลับเสียงเย็น
“เช่นนั้นจงตาย!” ชายหนุ่มใบหน้าดุดัน จ้วงแทงใส่ฉินหยุนที่ด้านข้าง
เป็นการแทงเข้าใส่ที่ใบหูของฉินหยุน!
ฉินหยุนกลายเป็นมีโทสะ หลบเลี่ยงดาบของอีกฝ่ าย ควบคุมมีดบิน
ให้ทะยานออก!
ฟุ่ บ! ฟุ่ บ! ฟุ่ บ!
ภายใต้พลังจิตฉินหยุนควบคุม มีดสั้นทั้งสองเล่ม แทงทะลวงผ่าน
ร่างชายหนุ่มใบหน้าดุดันผู้นั้น จนถึงขั้นปรากฏร่องรอยรูเลือดไหล
โชกเอาไว้!
ผู้คนใกล้เคียงที่คิดอยากฉกชิงของในมือฉินหยุน ขณะนี้ พวกเขาเกิด
ความหวาดกลัวเกาะกุม เร่งร้อนมองหาเป้าหมายใหม่กันจ้าละหวั่น!
พวกเขาไม่กล้าต่อกรกับผู้แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ฉินหยุนมุ่งหน้าสู่ประตูเมือง ขณะนี้ได้ยินเสียงการต่อสู้อึกทึกดังที่
ด้านหลัง หลายคนกําลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดาบและกระบี่ที่เพิ่งได้
รับมา!
ในช่วงเย็น ฉินหยุนทะยานออกพ้นจากนครโบราณดาบกระบี่ เมื่อ
พ้นประตูเมือง เท่ากับว่าเขามีคุณสมบัติที่จะไปต่อ!
กระบี่ในมือของเขาขณะนี้กําเอาไว้แน่น ดวงตาจดจ้องที่เก้าดวง
ตะวันใกล้ลาลับฟ้า เป็นเขาคิดกับตนเอง “เหลียวฉงเจิ้ง ข้า ฉินหยุนผู้
นี้ ไม่ช้าจะต้องไปยืนหยัดอยู่ตรงสุดยอดของแดนวิญญาณอ้างว้าง
ทําให้พวกเจ้าทั้งหมดต้องอยู่แทบเท้าข้า!”