ตอนที่ 90 บนโลกนี้มียามหัศจรรย์แบบนี้ด้วยหรือ?

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

กู้จิ้งไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจเหนือแผ่นดินนี้ เธออยากรู้เพียงแค่ว่ายาวิเศษคืออะไร และอนุคนนั้นป่วยเป็นอะไรเท่านั้น ช่วยไม่ได้ มันเป็นอาชีพของเธอนี่นา

เช็ดปากเสร็จ เธอก็วิ่งไปชวนเถ้าแก่เนี้ยร้านอาหารข้างๆ คุย “อาสะใภ้หวัง ตระกูลลั่วแห่งเหอหนานคืออะไรหรือ? แล้วยาวิเศษคืออะไร?”

กู้จิ้งอุดหนุนกิจการของอาสะใภ้หวังบ่อยๆ ทั้งสองฝ่ายคุ้นเคยกันไม่น้อย นางจึงยอมเล่าให้เธอฟัง

“ตระกูลลั่วแห่งเหอหนานเป็นตระกูลใหญ่ทางภาคเหนือ ได้ยินว่าตระกูลนี้มีที่ดินมากมาย มีเงินทองเยอะแยะ แถมยังมีคนเป็นขุนนางไม่น้อยอีกด้วย”

“อ้อ หมายความว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเกียรติภูมิสินะ”

“ใช่ๆๆ ได้ยินว่าเมื่อสี่ปีก่อน คุณชายตระกูลลั่วแห่งเหอหนานได้ยาวิเศษมา ว่ากันว่ามันสามารถรักษาได้ทุกโรคเลยทีเดียว”

“บนโลกนี้มียามหัศจรรย์แบบนี้ด้วยหรือ?”

“ข้ารู้เสียที่ไหน ข้าเองก็ได้ยินคนอื่นเล่ามาเหมือนกัน ว่ากันว่ายานั่นช่วยได้แม้กระทั่งชีวิตของเด็กในท้องผู้หญิงที่ตายไปแล้วเชียวนะ”

“…งั้นหรือ?”

ทำไมเรื่องนี้ฟังคุ้นๆ นะ?

“ได้ยินว่าคุณชายตระกูลลั่วได้ยาวิเศษมาสองเม็ด ตอนนั้นนายท่านตระกูลลั่วมีไข้สูง ดูท่าจะไม่รอดแล้ว แต่กินยาวิเศษไปแค่เม็ดเดียวอาการก็ดีขึ้นทันที”

“…ยังมีอะไรอีก?”

เธอยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่า…ยาวิเศษนี่น่าจะเป็นยาเพนิซิลลินของเธอ

ตอนนั้นยาเพนิซิลลินของเธอหายไปจากแผงสองเม็ดและไม่เคยกลับมาอีกเลย จากนั้นเธอก็ทิ้งไว้ให้เซียวเถี่ยเฟิงอีกสามเม็ด เห็นได้ชัดว่าเซียวเถี่ยเฟิงไม่ได้กิน แบบนี้ก็เท่ากับว่ายาเพนิซิลลินของเธอต้องขาดไปห้าเม็ด

แต่เมื่อเดือนก่อน หลังจากยาเพนิซิลลินที่ใช้หมดไปแล้วปรากฏขึ้นในกระเป๋าอีกครั้ง ยาแผงใหม่กลับมียาขาดไปแค่สี่เม็ด

นี่หมายความว่ายังไง หมายความว่ายาเม็ดหนึ่งถูกใช้ไปแล้วน่ะสิ

เป็นยาหนึ่งในสองเม็ดที่หายไป หรือเป็นหนึ่งในสามเม็ดที่ให้เซียวเถี่ยเฟิงไปกันแน่?

นึกถึงเซียวเถี่ยเฟิง เธอก็อดถอนใจไม่ได้

แต่ชั่ววินาทีต่อมาเธอก็บอกตัวเองว่า ช่างเถิดๆ อย่าคิดถึงเขาเลย พวกผู้ชายนี่ต้องคิดถึงให้น้อยๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นจะทำให้หมดตัวได้

คิดถึงยาวิเศษดีกว่า

เนื่องจากคุณชายตระกูลลั่วคนนั้นเคยปรากฏตัวที่เมืองจูเฉิง แถมยาวิเศษของเธอก็หายไปในช่วงนั้นพอดี เธอจึงมีเหตุผลที่จะสงสัยว่า คุณชายลั่วอาจจ่ายเงินก้อนโตซื้อยาวิเศษของเธอไปแล้วเอาไปเก็บไว้ จนกระทั่งนายท่านลั่วมีไข้สูงถึงได้นำยาวิเศษมาใช้เม็ดหนึ่ง จากนั้นก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น

หากเป็นเช่นนี้จริง ตอนนี้อนุของอู่อ๋องป่วยหนัก คุณชายลั่วคนนั้นย่อมต้องถูกบีบบังคับให้นำยาวิเศษมาช่วยอนุของอู่อ๋องแน่

“แบบนี้ก็ดี ในที่สุดยาเพนิซิลลินของฉันก็จะขาดแค่สามเม็ดแล้ว”

เธอพึมพำกับตัวเอง

หากมีวันไหนยาอีกสามเม็ดถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เธอก็จะได้รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเซียวเถี่ยเฟิงแล้ว

กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น ผู้คนมากมายวิ่งหนีไปกันคนละทิศละทาง พอเพ่งมองดูก็พบว่าเป็นคนของทางการกำลังไล่จับผู้คน ใครบางคนตะโกนขึ้นว่า ‘จับคนรับใช้ของตระกูลลั่วให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว’

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ประหลาดใจมาก คนที่อยากรู้อยากเห็นบางคนถึงกับไปสอบถามดู

“ได้ยินว่ายาวิเศษมีปัญหา ทำให้อนุของอู่อ๋องอาการหนักยิ่งกว่าเดิม…”

“คุณชายตระกูลลั่วแห่งเหอหนานอะไรนั่นไม่มีเจตนาดี กล้าเอายาพิษมาให้อนุของอู่อ๋องกิน คราวนี้เกรงว่าตระกูลลั่วแห่งเหอหนานคงต้องจบสิ้นแล้ว…”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ ตอนแรกยังงุนงงอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นเธอก็เข้าใจ

ยาเพนิซิลลินเป็นยาวิเศษ แต่ก็อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ในทางที่ไม่ดีได้ เช่นช็อกเพราะมีอาการแพ้รุนแรง หรือถ้าหนักหนายิ่งกว่านั้นก็อาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่ยาเพนิซิลลินในมือของเธอไม่ใช่ยาเพนิซิลลินรุ่นแรก แต่เป็นยารุ่นที่สาม หรือก็คือยาที่มีส่วนผสมหลักเป็นเบต้า แลคแทมซึ่งแตกต่างจากยาเพนิซิลลินรุ่นแรก ดังนั้นจึงทำให้มีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อยลงมาก นอกจากนี้ จากการวิจัยยังค้นพบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในยาเพนิซิลลินดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเจือปนในยา ยาที่อยู่ในมือของเธอเป็นยาที่มีคุณภาพสูงและมีสารเจือปนต่ำ แบบที่ไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบทางผิวหนังในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาเสียด้วยซ้ำ

นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอกล้านำยาชนิดนี้มาใช้ในสมัยโบราณ

แน่นอน มีโอกาสน้อยย่อมไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาสเลย

นับแต่เธอมาอยู่ในยุคอดีต ทุกครั้งที่ใช้ยาเพนิซิลลินก็ได้ผลเสมอ จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครเกิดอาการแพ้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าตระกูลลั่วแห่งเหอหนานจะดวงซวยแบบนี้

ทำไมถึงได้เคราะห์ร้ายแบบนี้นะ…?

หมอในสมัยโบราณย่อมไม่รู้ว่าอะไรคืออาการแพ้ยา ในเมื่อไม่รู้สาเหตุ พวกเขาย่อมไม่มีหนทางรักษา ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ช่วยชีวิตคนเหมือนดับไฟ กู้จิ้งไม่กล้าลังเลอยู่อีก เธอรีบคว้าล่วมยาวิ่งไปที่จวนของอู่อ๋องทันที

ที่หน้าจวนอู่อ๋องมีทหารเฝ้ารักษาอยู่อย่างแน่นหนา ตอนที่เธอไปถึงพวกทหารคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งมาถึงพอดี

พอมองไปก็พบว่า คนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดดูคุ้นตาไม่น้อย เขาก็คือคุณชายซึ่งสวมชุดขาวปักลายดอกไม้ที่เคยพบที่เมืองจูเฉิงเมื่อสี่ปีก่อนนั่นเอง ยามนี้คุณชายลั่วที่เคยสง่างามถูกง้าวพาดเอาไว้บนคอ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อสีขาวเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ดูกระเซอะกระเซิงมาก

ใบหน้าของคุณชายลั่วเต็มไปด้วยความคับแค้น เขาร้องตะโกนว่า “ท่านอ๋อง นี่เป็นยาวิเศษจริงๆ ผู้น้อยไม่กล้าเอายาปลอมมาหลอกท่านอ๋องแน่! ยาวิเศษนี้เคยช่วยชีวิตบิดาของข้า แค่กินก็หายเป็นปกติทันที!”

แต่ไม่มีใครสนใจฟังเขาสักคน ทหารที่ถือง้าวยาวเอาไว้ในมือคนนั้นใช้ง้าวกระแทกคุณชายลั่วแรงๆ ครั้งหนึ่ง ทำให้เขาเกือบจะหกล้มหน้าคว่ำ

หลังจากคุณชายลั่วถูกคุมตัวผ่านไป กู้จิ้งก็เห็นหมอกลุ่มหนึ่งซึ่งสะพายล่วมยาเอาไว้บนบ่าถูกคนของจวนอู่อ๋องคุมตัวเข้าไปในจวน

บังเอิญคนหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนที่รู้จักพอดี เธอจึงรีบเดินไปหา “ท่านหมอเฉิน ให้ข้าตามไปด้วย”

ท่านหมอเฉินกับกู้จิ้งนับได้ว่าไม่วิวาทไม่รู้จักกัน ตอนแรกเขาไม่ชอบหน้ากู้จิ้งที่เป็นผู้หญิงแต่กลับมาเปิดร้านหมอรักษาผู้คน ก็เลยมีเรื่องเข้าใจผิดมากมาย ต่อมาเขาเกือบจะตรวจอาการคนไข้ผิด แต่โชคดีที่กู้จิ้งช่วยชี้แนะ ถึงได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดใหญ่หลวงขึ้น นับแต่นั้นมา ท่านหมอเฉินกับกู้จิ้งก็กลายเป็นสหายต่างวัยกัน

ท่านหมอเฉินเห็นกู้จิ้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาฉวยโอกาสที่ทหารที่ด้านข้างไม่ทันสังเกตรีบเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “เจ้ามาทำไม รีบไปซะ เร็วเข้า!”

กู้จิ้งรีบพูดว่า “เห็นใครๆ พูดกันว่าอนุของอู่อ๋องล้มป่วย ฉันอยากไปตรวจดูบ้าง บางทีฉันอาจมีหนทางรักษาก็ได้”

คิดไม่ถึงว่าท่านหมอเฉินกลับร้อนใจขึ้นมา “อนุของอู่อ๋องล้มป่วยมาสิบกว่าวันแล้ว เชิญหมอมีชื่อมารักษาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เจ้าจะมีปัญญาไปรักษาได้ยังไง ตอนนี้ได้ยินว่าถูกตระกูลลั่ววางยาพิษ สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่ เจ้ารีบไปซะเถอะ ถ้ารักษาอาการป่วยไม่ได้ อาจจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ! เราเองก็จนปัญญา ตอนนี้เข้าไปก็ได้แต่เสี่ยงโชคดูเท่านั้น”

“บางทีฉันอาจจะมีหนทางก็ได้”

แต่เห็นได้ชัดว่าท่านหมอเฉินไม่เชื่อ “อย่าๆๆ เจ้ารีบไปเถอะ เจ้าอายุยังน้อย พวกเขาไม่มีทางไปจับเจ้ามาแน่!”

ในตอนนั้นเอง คนของจวนอู่อ๋องคนหนึ่งบังเอิญหันมาทางด้านนี้พอดี เขาจึงตะคอกว่า “ทำอะไรกัน กระซิบกระซาบอะไร? เจ้าเป็นใคร?”

กู้จิ้งก้าวออกไปข้างหน้าพลางตอบว่า “ฉันเป็นหมอ!”

แต่ท่านหมอเฉินกลับชิงกล่าวขึ้นก่อน “นางเป็นลูกสาวของข้า!”

คนของจวนอู่อ๋องสงสัย “สรุปว่าเป็นหมอหรือเป็นลูกสาวของเจ้ากันแน่? ทำท่าลับๆ ล่อๆ คิดจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรอย่างนั้นรึ?”

ท่านหมอเฉินรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านหลี่ นางเป็นลูกสาวของข้า ข้าเป็นหมอ ลูกสาวของข้าก็เลยคิดว่าตัวเองเป็นหมอด้วย แต่นางอายุยังน้อย วิชาแพทย์ยังไม่เข้าขั้น รักษาคนไม่เป็นขอรับ”

กู้จิ้งรีบแย้ง “ฉันรักษาคนเป็น ให้ฉันตามพ่อเข้าไปด้วย”

อยู่ดีๆ ก็มีพ่อในชั่วพริบตา

หัวหน้าหลี่มองท่านหมอเฉินทีมองกู้จิ้งที จากนั้นจึงโบกมือ “ได้ๆๆ เข้ามาสิ!”

กู้จิ้งถอนใจโล่งอก

หากเป็นอาการแพ้ยาเพนิซิลลินจริง เธอต้องไปตรวจดู เพราะเธอเป็นคนเอายาเพนิซิลลินมาที่นี่ หากมันเป็นสาเหตุทำให้คนอื่นเกิดอาการแพ้จนเป็นอะไรไป เธอคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่

ท่านหมอเฉินได้แต่ส่ายหน้าพลางถอนใจอย่างจนปัญญา

เขาอยากให้หมอหญิงเยาว์วัยผู้นี้หนีรอดจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้จากใจจริง แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ดึงดันจะเข้ามายุ่งเกี่ยวให้ได้ราวกับคนโง่เช่นนี้? อู่อ๋องเป็นใคร เขากล้าตั้งตนเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้ ย่อมไม่กลัวที่จะฆ่าคน เกิดไม่พอใจขึ้นมาเขาอาจจะฆ่าหมอทั้งหมดก็ได้

ทุกคนก้าวเข้าไปในจวนอู่อ๋องพร้อมด้วยความในใจที่แตกต่างกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้จิ้งได้เห็นจวนของชนชั้นสูง หอสูงประตูโค้ง ดอกไม้ใบหญ้า ภูเขาจำลอง ภาพวาดบนผนัง ล้วนใหญ่โตโอ่อ่า คล้ายกับอี๋เหอหยวน[1]ที่เธอเคยไปเที่ยวมาก่อน

กู้จิ้งมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังสนใจสิ่งปลูกสร้างรอบด้านเอามากๆ