ตอนที่ 1526 สำนักธาราเมฆ (3)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1526  สำนักธาราเมฆ (3)

หลังจากงานชุมนุมเทพยุทธ์จบลงทุกครั้ง  ก็มักจะมีผู้เยาว์ที่โดดเด่นมากๆบางคนกลายเป็นประเด็นพูดคุยที่ร้อนแรง  แต่ครั้งนี้เรื่องกลับต่างออกไปเล็กน้อย

การถกเถียงที่ดุเดือดที่สุดในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถที่เหนือกว่าทุกคนหรือภูติประจำตัวที่โดดเด่น  แต่กลับพุ่งเป้าไปที่ผู้เยาว์คนแรกที่ได้รับคำเชิญจากสิบสองวิหารทั้งหมด  แต่กลับไม่เลือกพวกเขาเลย  แล้วไปเลือกวิหารหยกวิญญาณที่ตกต่ำแล้วแทน

การกระทำของจวินอู๋เสียในสายตาของผู้เยาว์พวกนี้เป็นความโง่อย่างที่สุด!

คนต้องปีนขึ้นสูงขณะที่น้ำไหลลงล่าง  นี่เป็นกฎที่ผู้เยาว์ทุกคนรู้ดี  แต่ก็มีพวกนอกรีตเลือกทำลายอนาคตที่สดใสของตัวเองและเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่ได้เรื่องอย่างนั้น

ไม่รู้ว่ามีผู้เยาว์กี่คนถูกครอบงำด้วยความอิจฉาที่ไม่สามารถรับใช้วิหารในอุดมคติของพวกเขาได้  ทุกคนต่างปรารถนาจะเข้าไปแทนที่เขาทั้งนั้น

เสียงถกเถียงกันดังขึ้นรอบๆ  แต่สายตาของจวินอู๋เสียยังคงเย็นชาเช่นเดิม  นางยืนอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกท่ามกลางสายลมที่หนาวเย็น  ราวกับเสียงรอบตัวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย

ความเงียบและเฉยเมยของนางทำให้พวกที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านพวกนั้นยิ่งปากกล้ามากขึ้น  คำพูดของพวกเขายิ่งก้าวก่ายรุกล้ำมากขึ้น

“วิชาเสริมวิญญาณบ้าบออะไร  ข้าว่าพวกเจ้าไม่ควรเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินนะ  ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีไอ้โง่ที่ทิ้งคำเชิญจากวิหารปีศาจเพลิงแล้วเลือกเข้าร่วมกับวิหารหยกวิญญาณแทน  ข้าว่า……น่าจะเป็นเพราะข่าวลือถูกบิดเบือนมากกว่า  เรื่องที่ว่าไม่สนใจเข้าร่วมวิหารปีศาจเพลิงนี่มันเหลวไหลทั้งเพ  หมอนั่นไม่ได้มีความสามารถแบบนั้นด้วยซ้ำ!  มีความสามารถที่แปลกประหลาดแล้วยังไง?  หมายความว่าพลังของหมอนั่นก็แค่ขยะไม่ใช่หรือ?  ข้าคิดว่าความแข็งแกร่งของเจ้าหมอนั่นด้อยกว่าเฉียวฉู่ของเราเยอะ!”  เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองจวินอู๋เสียอย่างดูถูก  แล้วหันไปยิ้มกว้างให้เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา

เฉียวฉู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย  เขามองผู้เยาว์ที่ตั้งใจประจบประแจงเขา  แล้วอยากจะทุบเจ้าคนงี่เง่านี่ให้จมดิน

กล้าสงสัยความสามารถของเสี่ยวเสียของเขางั้นหรือ?  ไอ้โง่นี่มันโผล่มาจากไหน?

แม้ว่าในใจเขาอยากจะบีบคอเด็กหนุ่มที่พูดแย่ๆเกี่ยวกับจวินอู๋เสีย  แต่เฉียวฉู่ก็จำคำที่จวินอู๋เสียเตือนพวกเขาไว้ได้  เขาจึงแกล้งทำหน้านิ่ง

“ฮ่า!”  เฉียวฉู่หัวเราะเย้ยหยัน

“แหะๆ  เฉียวฉู่  การแสดงของเจ้าในการแข่งพลังวิญญาณนี่สุดยอดจริงๆ!  มีแค่คนอย่างเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นสมาชิกของวิหารปีศาจเพลิง  ข้าได้ยินว่ามีหกวิหารที่ยื่นคำเชิญให้เจ้า  เรื่องนั้นจริงรึเปล่า?”  เด็กหนุ่มขี้ประจบกล่าวต่อไป

เฉียวฉู่ไม่อยากสนใจเจ้าหมอนี่  แต่เพราะต้องปลอมตัวให้ดี  จึงได้แต่พึมพำส่งๆไปว่า  “อืม”

“ข้าว่าแล้ว……”

เฉียวฉู่รำคาญคนคนนี้เต็มที  เขามองหาร่างที่คุ้นเคยท่ามกลางฝูงชนโดยไม่รู้ตัว  นอกจากจวินอู๋เสียที่เป็น “ที่จับตาของคนนับหมื่น”  เขาก็เห็นพวกฮัวเหยาอย่างรวดเร็ว  ดวงตาของเขามีแววยิ้มแฝงอยู่เมื่อมองเห็นพวกเขา

ขณะที่พวกผู้เยาว์กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ด้วยความตื่นเต้น  ศิษย์จากวิหารปีศาจเพลิงที่รับหน้าที่พาพวกเขามาที่สำนักธาราเมฆก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเข้มงวด

“เงียบ”  ชายคนนั้นพูดเสียงทุ้ม

พวกผู้เยาว์ที่ส่งเสียงดังกันอยู่ก็พากันหุบปากทันที  และหันมามองชายคนนั้นด้วยความกังวลใจ

“สิ่งที่ควรพูด  ผู้อาวุโสก็ได้บอกพวกเจ้าอย่างชัดเจนไปเมื่อวานแล้ว  ดังนั้นข้าจะไม่เปลืองน้ำลายอีก  มีแค่เรื่องเดียวที่ข้าต้องเตือนพวกเจ้าทุกคนเอาไว้  คนที่เข้าร่วมวิหารหยกวิญญาณคนนั้น  ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าคนใดไปหาเรื่องเขา  พวกเจ้าต้องไม่สร้างปัญหาให้เขา”  ชายคนนั้นหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

คำพูดของชายคนนั้นทำให้กลุ่มผู้เยาว์ตกตะลึงทันที