แดนนิรมิตเทพ บทที่ 544
พระราชวังหลังนี้กว้างขวางอย่างมาก รอบข้างคือกำแพงภูเขา เห็นได้ชัดว่ายังอยู่ภายในภูเขาศักลามาชิ

ด้านบนสุดของพระราชวังคือปากถ้ำรูปวงรี ตำแหน่งที่ใกล้กับท้องฟ้า มีก้อนหินขนาดใหญ่โผล่ออกมา รูปปั้นทางเข้าทั้งสองข้างของพระราชวัง เหมือนดั่งมือขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงอาทิตย์

ด้านบนสุดของก้อนหินขนาดใหญ่นั้น มีโซ่ที่หนาขนาดเท่าแขนหลายเส้น และแขวนโลงศพสีขาวหยกไว้ แม้เวลาจะผ่านไปมากกว่าสองพันปีแล้ว แต่โลงศพสีขาวหยกนั้นก็ยังดูงดงามเช่นเคย ส่องแสงประกาย ไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด

“ด้านในนั้นก็คือราชินีจิงเจวี๋ยอย่างนั้นหรอ?” ไช่เหวินหย่าเงยหน้ามองโลงศพหยกขาว แล้วอุทานเสียงเบา

เจี่ยงไต้ซือพยักหน้า “น่าจะใช่ครับ”

ทันใดนั้นไช่เหวินหย่าก็พุ่งออกไป วิ่งขึ้นไปยังแท่นหินที่คดเคี้ยว “ดอกฮิกันบานะต้องอยู่ในโลงศพหยกขาวแน่นอน มันเป็นของฉัน ใครก็ห้ามแย่งกับฉันเด็ดขาด!”

เจี่ยงไต้ซือรีบตะโกนว่า “คุณหนูกลับมาซะ อย่าได้บุ่มบ่ามครับ!”

“พวกนายสองคนรีบไปพาตัวคุณหนูกลับมาซะ!” เจี่ยงไต้ซือออกคำสั่งใส่บอดี้การ์ดสองคนที่นิ่งอึ้ง

“ครับ!” จากนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองคนถึงได้สติ แล้วรีบไปดึงตัวไช่เหิวนหย่าไว้

บอดี้การ์ดคนหนึ่งจับเธอไว้ พูดว่า “คุณหนูครับ อย่าใจร้อนครับหากว่าด้านบนมีกับดักจะทำอย่างไรครับ? คุณคอยตามหลังเจี่ยงไต้ซือดีกว่านะครับ!”

ไช่เหวินหย่าลักเขาออก ตะคอกด่าทอว่า “ปล่อยฉัน ฉันต้องได้ดอกฮิกันบานะ ฉันเห็นมันแล้ว ดอกฮิกันบานะอยู่ในโลงศพนั้น ใครก็ห้ามขวางฉัน!”

ไช่เหวินหย่าบ้าคลั่ง ผลักบอดี้การ์ดคนนั้นไปยังบนแท่นหินที่อยู่ด้านหลัง

ชั่ววินาทีที่ขาข้างหนึ่งของอบอดี้การ์ดเหยียบลงบนแท่นหิน เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็เกิดขึ้น

แสงสีแดงสายหนึ่งไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ใด พุ่งเข้าไปที่ตัวของบอดี้การ์ด แล้วตัวบอดี้การ์ดก็ลุกไหม้ กลายเป็นมนุษย์ไฟคนหนึ่ง

“อ๊าก! คุณหนูครับ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยครับ….” บอดี้การ์ดกรีดร้องแล้วยื่นมือหาไช่เหวินหย่า แต่ยังไม่ทันได้ยื่นออกมาสุดแขน ก็ได้ล้มพับลงพื้นและสลายกลายเป็นผุยผง

บอดี้การ์ดคนนั้นที่ยังไล่ตามไช่เหวินหย่าไม่ทัน หยุดนิ่งกับที่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วตะโกนใส่ไช่เหวินหย่าว่า “คุณหนูครับ รีบกลับมาสิครับ!”

ทันใดนั้นไช่เหวินหย่าได้สติ ส่งเสียงกรีดร้องออกมา แล้วรีบวิ่งกลับ

เมื่อไช่เหวินหย่าวิ่งกลับมาแล้วก็หลบที่ด้านหลังของเจี่ยงไต้ซือ แล้วทุกคนก็มองผุยผงที่เป็นรูปร่างคนตรงด้านล่างแท่นหินแห่งนั้นอย่างหวาดกลัว ด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้นครับ?” หยวนชิงซานหันไปมองเฉินโม่ แล้วถามอย่างหวาดกลัว

เฉินโม่มองดูรอบด้าน แล้วหันไปมองผุยผงรูปร่างคนบนพื้นที่ยังมีสะเก็ดไฟเล็กน้อย แล้วส่ายหัวพูดว่า “ฉันเองก็ไม่มั่นใจ”

“เป็นคำสาปหรือเปล่าครับ?” บอดี้การ์ดคนหนึ่งสองขาสั่นไหวเอ่ยถามออกมา ยังไงซะภาพเหตุการณ์น่าอนาถที่ไฟลุกไหม้คนเมื่อกี้นี้มันน่าสะพรึงกลัวสำหรับคนธรรมดาพวกนี้อย่างมาก

เจี่ยงไต้ซือสีหน้ามีดขรึม พูดเสียงเย็นชาว่า “คำสาปบ้าบออะไรกัน ฉันจะดูสิว่าตัวอะไรมันกำลังก่อเรื่อง!”

เจี่ยงไต้ซือก้าวขาเดินออกไปสองก้าว จากนั้นก็หยิบเอาแผ่นหยกรูปทรงปากว้าออกมา เจี่ยงไต้ซือใช้นิ้วแตะบนแผ่นหยกปากว้า แผ่นหยกส่องแสงสีเขียวออกมา แล้วเจี่ยงไต้ซือก็ถูกแสงสีเขียวครอบคลุมไว้ทั่ว

หยวนชิงซานพูดอย่างตะลึงว่า “เจี่ยงไต้ซือคนนี้คือไต้ซือบำเพ็ญวิชา!”

“ไต้ซือบำเพ็ญวิชา?” เฉินโม่มองเจี่ยงไต้ซืออย่างสนใจ วิชาที่เจี่ยงไต้ซือแสดงออกมาเมื่อกี้นี้ มีความคล้ายกับผู้บำเพ็ญวิชา