วอร์เร็นยืนเอามือไพล่หลัง เหม่อมองหมู่เมฆนอกหน้าต่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหานักดาบตาเดียวซึ่งยืนอยู่ข้างประตูห้องอ่านหนังสือ “ลอร์บัน จับตาดูลีโอกับเจ้านักเวทนั่น ดูให้ดีว่าพวกมันซื้ออะไรและไปที่ไหนบ้าง” เนื่องจากโอกาสที่ลีโอกับลูเซียนจะเข้าไปหาวาเลนไทน์ด้วยเหตุผลบางประการยังคงมีอยู่เล็กน้อย วอร์เร็นจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะไม่รู้ชัดว่าจุดประสงค์ของสองคนนั้นคืออะไร เขาก็ยังคงจะเขียนจดหมายถึงพวกคนใหญ่คนโตเตือนให้ระมัดระวัง “ขอรับ ท่านลอร์ดวอร์เร็น” ลอร์บันรับคำด้วยความเคารพสุดใจ

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบาร์ และในฐานะที่เขาเป็นองครักษ์ยอดฝีมือคนหนึ่งของวอร์เร็น เขาจึงรู้สึกว่าตัวเขาทำให้นายน้อยผิดหวัง ตอนนี้เขากำลังพยายามซื้อใจวอร์เร็นด้วยท่าทางที่แสดงความเคารพอย่างสูงสุด

ภารกิจนี้ไม่เสี่ยง เนื่องจากลอร์บันไม่จำเป็นต้องยกโขยงองครักษ์เพื่อตามรอยนักเวทชั้นกลาง ซึ่งถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับการฆ่าตัวตาย สิ่งที่เขาต้องทำคือ แค่บอกพวกเจ้าของบาร์ กลุ่มอันธพาลและพวกค้าของเถื่อน ว่าวอร์เร็น นายน้อยของเขาต้องการอะไร ตราบใดที่ลีโอกับลูเซียนยังอยู่ที่อีสต์เฮเวน เขาก็จะรู้ว่าสองคนนั้นอยู่ตรงไหนและทำอะไร

วอร์เร็นมองลอร์บันออกไปพร้อมกับองครักษ์บางส่วน เขาอารมณ์ดีขึ้น เมื่อนึกภาพร่างไร้วิญญาณของนักเวทหนุ่มนอนอยู่บนพื้น ห้อมล้อมด้วยพระคาร์ดินัลจากอาณาจักรเวทมนตร์ เขาก็เดินไปที่บาร์ในห้องนั่งเล่นแล้วรินเหล้ารัมสีทองชั้นดี  ฉลองชัยชนะที่กำลังจะมาถึง

เขาจิบเครื่องดื่มสีเหลืองอำพันนั้น รสเข้มของมันทำให้คอไปจนถึงกระเพาะร้อนผ่าว วอร์เร็นผ่อนลมหายใจคละกลิ่นเหล้าแล้วยิ้มเยาะหยัน “น่าเวทนาจริงๆ… เจ้านักเวทนั่นเป็นหนุ่มรูปงามเอาการทีเดียว ขอเวลาแค่เดือนเดียว ข้าสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นของเล่นชั้นดีได้เลยละ อย่างที่ข้าทำกับหนุ่มสาวหน้าตาดีพวกนั้น”

เมื่อนึกภาพหนุ่มสาวเปลือยเปล่าในห้องลับของคฤหาสน์ วอร์เร็นก็รู้สึกตื่นเต้น เขาจึงวางแก้วไวน์แล้วเตรียมตัวลงไปยังห้องลับนั้นเพื่อระบายความปรารถนาด้วยแส้

เขารู้สึกร้อนเพราะฤทธิ์เหล้า จึงถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกก่อน

เขาคิดว่าเมื่อเข้าไปในห้องแล้วจะทรมานใครก่อนดี ขณะที่จ้องมองตัวเองในกระจกอยู่นั้น จู่ๆ ชายแปลกหน้าสวมเสื้อคลุมสีแดงอมน้ำตาลก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง!

ดวงตาของวอร์เร็นเบิกกว้าง เขากำลังจะหันกลับไปเพื่อป้องกันตัวเอง

แต่แล้วเขาก็รู้ตัวว่าแม้แต่จะหลบสายตาจากชายคนนั้นก็ยังทำไม่ได้ ราวกับว่าดวงตาทั้งสองของเขาเป็นพายุเวทมนตร์!

ในตอนนั้นเอง แสงสีน้ำเงินปรากฏวาบจากอกของวอร์เร็นและช่วยให้สมองของเขารู้สึกปลอดโปร่งขึ้น วอร์เร็นรอดพ้นจากสายตาของเจ้าหนุ่มคนนั้นได้สำเร็จ

ในฐานะบุตรของอัศวินหลวงซึ่งทำงานให้กับกลุ่มค้ามนุษย์อันอื้อฉาว วอร์เร็นจึงมีนิสัยหยิ่งทะนง แต่เขาก็รอบคอบมากด้วย วอร์เร็นได้ซื้อ ‘สร้อยยูนิคอร์น” ซึ่งมีราคาสูงมาก เผื่อว่าจิตใจของเขาถูกควบคุม สร้อยเส้นนี้จะช่วยปกป้องเขาจากเวทมนตร์ระดับล่างๆ ที่มีเป้าหมายคือจิตกับสมองของเขา

ถึงแม้สร้อยคอจะไม่ได้แสดงฤทธิ์ในทันที แต่มันก็ยังคุ้มกันเขาได้!

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่วอร์เร็นหลุดจากมนตร์สะกดและรู้สึกโล่งอก ชายหนุ่มคนนั้นก็เริ่มร่ายคาถาแปลกหูอีกครั้ง พลังประหลาดไหลเข้าร่างของวอร์เร็นทำให้เขาขยับตัวไม่ได้!

เวทมนตร์ระดับสาม ‘เวทตรึงร่าง’!

วอร์เร็นกลัวจนอยากร้อง แต่เขาขยับเขยื้อนไม่ได้แม้กระทั่งปาก

“อย่าประเมินอุปกรณ์เวทมนตร์สูงไปนัก” ลูเซียนหยุดอยู่ข้างหลังวอร์เร็น เขายิ้มน้อยๆ “และอย่าประเมินความรอบคอบของนักเวทต่ำเกินไปด้วย”

การมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวคือลักษณะหนึ่งของนักเวทที่เปี่ยมคุณสมบัติ นักเวทที่มีฝีมือต้องเตรียมพร้อมสิ่งต่างๆ มากมายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้

ขณะที่พูดเช่นนั้น ลูเซียนก็ใช้ ‘เวทหัตถ์นักเวท’ ปลดสร้อยจากคอของวอร์เร็น และลบ ‘ตราประทับพลังจิต’ ของวาร์เร็นในสร้อยเส้นนั้นด้วยทักษะที่ได้จากสภาเวทมนตร์

หลังออกจากบาร์ ด้วยความที่ลูเซียนไม่เชื่อใจคนชั่วไร้ศีลธรรมอย่างวอร์เร็น ก่อนที่ลีโอจะฟื้นตัว ลูเซียนได้ใช้เวทมนตร์ระดับหนึ่ง ‘บริวารล่องหน’ เพื่อติดตามวอร์เร็นและคนของเขาเพื่อดูว่าพวกเขาจะทำอะไร

เรื่องที่ว่าจริงๆ แล้วเรจาเป็นนักเวทนั้นลูเซียนคาดไม่ถึง แต่โชคดี ‘บริวาร’ นั้นทำตามคำสั่งของลูเซียนอย่างเคร่งครัดและอยู่ห่างจากพวกเขาตอนที่เรจาตรวจตราบริเวณโดยรอบ จากนั้น ‘บริวารล่องหน’ ก็แอบตามพวกองครักษ์เข้าไปในคฤหาสน์ของวอร์เร็นซ่อนตัวอยู่ในนั้น แล้วก็ได้เห็นสภาพทั่วทั้งสถานที่ที่ข้ารับใช้ของวาเลนไทน์ขายเขา

หลังจากนั้น เมื่อลอร์บันออกจากคฤหาสน์ ‘บริวารล่องหน’ ก็ออกไปด้วยเช่นกัน มันเจอลูเซียนบนถนน กำลังเชื่อมต่อระหว่างเวทมนตร์กับผู้ร่ายเวทมนตร์

เมื่อได้ฟังสิ่งที่ ‘บริวารล่องหน’ เล่า ลูเซียนจึงตัดสินใจกำจัดปัญหาให้หมด

เนื่องจากข้ารับใช้และองครักษ์เดินเข้าออกคฤหาสน์กันขวักไขว่ ลูเซียนจึงเข้าไปข้างในได้ไม่ยากนัก แต่เพื่อความไม่ประมาท ลูเซียนใช้เวทมนตร์ที่เขาได้พัฒนาขึ้นมา นั่นคือ ‘เวทลวงใจคน’

เมื่อรู้สึกได้ว่าตราประทับพลังจิตในสร้อยคอของเขาถูกพลังจิตอันแข็งแกร่งของลูเซียนทำลาย หน้าของวอร์เร็นก็ซีดเผือด แววตาร้องขอความเมตตา

ดวงตาสีน้ำตาลของลูเซียนมองเข้าไปในดวงตาของวอร์เร็นอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มเกิดความลึกลับและจดจ่อ

ถึงแม้วอร์เร็นยังคงพยายามจ้องตาข่มขู่ลูเซียน เพราะเขาตระหนักว่าการอ้อนวอนไม่ได้ผลอะไร เนื่องจากลูเซียนไม่สนใจ เขามี ‘องค์กรเจตจำนงแห่งธาตุ’ คอยหนุนหลัง กระทั่งทั้งสภาเวทมนตร์

แววตาของวอร์เร็นค่อยๆ เลื่อนลอย แล้วรอยยิ้มชื่นชมก็ปรากฏบนใบหน้า “ท่านขอรับ ข้ายินดีรับใช้ท่านทุกอย่าง”

ลูเซียนยิ้ม

เมื่อเรจากำลังทดลองเวทมนตร์กับเด็กหญิงแคระไร้ประโยชน์ที่วอร์เร็นทิ้งไว้ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทดลอง

“มีอะไร?” เรจาถามเสียงดัง

“ท่านเรจา นายน้อยเรียกหาท่านขอรับ” เสียงคุ้นหูตอบอยู่อีกฟากของประตู “เรื่องเจ้านักเวทนั่นกับลีโอ”

เรจาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพึมพำเสียงเบา “หาเรื่องทำไม? มันเป็นนักเวทชั้นกลางนะ!”

ในฐานะนักเวทชั้นต้น เรจารู้ดีว่าความแตกต่างของพลังของแต่ละชั้นนั้นมากเพียงใด ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างของพลังระหว่างนักเวทในแต่ละขั้นเลย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรจาวางใจวอร์เร็นมากเพื่อให้ได้เงินกับอุปกรณ์เวทมนตร์ เขาจึงเดินออกจากห้องทดลองไปห้องนั่งเล่นของวอร์เร็น

แก้มของวอร์เร็นแดงระเรื่อราวกับเมา เสียงเบากว่าปกติ “ท่านเรจา มาดื่มกันก่อนสิ”

“ข้ากำลังทดลองเวทมนตร์อยู่น่ะ ‘สกายบลู’ สักถ้วยคงจะดี” เรจาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเรจาเดินเข้าไปใกล้บาร์ วอร์เร็นก็ปรี่เข้ากอดเขาเต็มรัก ข้ารับใช้ทุกคนต่างตกใจ วอร์เร็นตะโกนว่า “เรจา ข้ารักเจ้า!”

“อะไรนะ?” เรจางุนงง แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าอันตรายกำลังเข้ามา ถึงแม้เขาจะพยายามสลัดอ้อมกอดของวอร์เร็นอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่หลุด แล้ววอร์เร็นก็ได้ปลุก ‘พร’ ของตนด้วยน้ำยาเวทมนตร์ เรจาไม่สามารถรวบรวมพลังจิตได้เพราะถูกวอร์เร็นกอดอยู่

ในตอนนั้นเอง ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากห้องข้างๆ ห้องนั่งเล่นอย่างแรง ซัดใส่ทั้งสองตรงๆ เกิดการระเบิดใหญ่ทั่วทั้งบริเวณ นอกจากลูกไฟ การระเบิดก็ยังมาจากลูกระเบิดรอบเอววอร์เร็นด้วย ทำให้ผ้าคลุมเวทมนตร์ของเรจาขาดกระจุย

คลื่นระเบิดจางหายไป เหลือเพียงเศษเนื้อของวอร์เร็นกับเรจา

ราวกับฝันร้าย บรรดาข้ารับใช้พยายามวิ่งออกไปข้างนอก แต่เมื่อมีเสียงร่ายเวทมนตร์ดังขึ้นจากห้องนั้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ช้าลงทันที

หลังจัดการศัตรูตัวฉกาจสองคนสำเร็จ ลูเซียนก็เริ่มจัดการสมุนของวอร์เร็น รวมถึงยาโรลิมกับลอร์บันซึ่งกลับเข้ามาทีหลัง

นักโทษที่เป็นมนุษย์กับเอลฟ์ซึ่งอยู่ในห้องได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น พวกเขารอที่นั่นอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะมีใครมาช่วยพวกเขาหรือไม่ แต่ไม่มี พวกเขาจึงพยายามเปิดประตูเวทมทนตร์เอง

ประตูนั้นเปิดง่ายอย่างน่าแปลกใจ เมื่อออกจากห้องได้ พวกเขาก็พบว่าทั่วทั้งคฤหาสน์เงียบราวกับป่าช้า

มนุษย์คนหนึ่งจึงพูดกับคนอื่นๆ เหลือด้วยเสียงอันดัง “รวมตัวกันไว้! ไม่งั้นไอ้พวกสารเลวนั้นจะเอาเราไปขายในอีสต์เฮเวนอีก!”

ทุกคนเห็นด้วยกับมนุษย์ผู้นั้น แล้วพวกเขาก็เริ่มค้นหาทาสคนอื่นๆ อีกในคฤหาสน์และปลดปล่อยคนพวกนั้น

หลังจากนั้น พวกเขาก็ลอบออกไปจากสถานที่แปดเปื้อนมลทินแห่งนี้

ในตอนค่ำ ในคฤหาสน์นอกเมืองเซกรู เจคอปได้ข่าวเรื่องหนึ่ง

“อะไรนะ? ฆ่าวอร์เร็นแล้วทำลายคฤหาสน์ของเขางั้นรึ?!” เส้นเลือดบนหน้าผากของเจคอปปูดโปน

………………………….