ตอนที่ 377 รังเกียจความสกปรก

ตอนที่ 377 รังเกียจความสกปรก

 

“ตอนนี้ผมก็หาอยู่ไม่ใช่รึไง?” พี่สี่จ้าวกล่าว “เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรผมวางแล้วนะ ถ้าซานหยากับซื่อหยาเลิกเรียนก็ให้กลับมาทบทวนบทเรียน คุณก็อย่าเอาแต่สั่งให้พวกเด็ก ๆ ทำงานบ้านล่ะ!”

 

“คุณเป็นอะไรของคุณ เป็นบ้าไปแล้วเหรอ คุยกันดี ๆ ทำไมถึงได้พูดถึงซานหยาซื่อหยาล่ะ ตอนอยู่บ้านฉันยังไม่เห็นคุณพูดถึงสักคำเลย” พี่สะใภ้สี่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูดเช่นนี้

  

“ผมทำไม ผมเห็นลูกสาวพี่ภรรยาสามของเจ้าหกอายุไม่ถึงขวบก็เริ่มจำตัวอักษรแล้วนะ! ผมจะไม่ร้อนใจได้เหรอ?” พี่สี่จ้าวพรรณนาอย่างมีเหตุผล

 

อันที่จริงเป็นเพราะเขาได้รับแรงกระตุ้นจากที่คุยสัญญากับโจวหมิ่น เขาจึงตระหนักได้ในทันทีว่าการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

หลังจากวางสาย พี่สะใภ้สี่จ้าวก็บ่นกับเย่ฉูฉู่ว่า “พี่สี่ของเธอนี่มันสมควรตายนะ ได้เงินมาแค่นั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีแล้ว ยังมีหน้ามาบอกให้ลูกสาวเรียนหนังสือทุกคนอีก ทำอย่างกับเขามีเงินเยอะงั้นแหละ!”

“พี่สะใภ้สี่ ตอนนี้ไปเรียนหนังสือก็ใช้เงินแค่ไม่เท่าไรเองนะคะ”

 

“น้องสะใภ้หก พวกเราเทียบกับเธอไม่ได้หรอก ต่อให้จ่ายน้อยกว่านี้ก็คือเงินอยู่ดี” พี่สะใภ้สี่พูดอย่างมีเหตุและผลว่า “ถ้าไม่ต้องจ่ายเงินให้ลูกสาวทั้งสามคน ก็มีแต่ได้กับได้! อีกอย่าง เด็กผู้หญิงจะไปเรียนหนังสือทำไม!”

เย่ฉูฉู่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจจริง ๆ เธอถูกเสี่ยวไป๋หยางขัดเกลาจนกลายเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ไปแล้ว ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปว่า “พี่สะใภ้สี่พูดถูก ถ้าไม่กินไม่ดื่มคงประหยัดเงินยิ่งกว่า แถมยังประหยัดได้มากกว่าด้วยนะ!”

พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับสำลัก ภายในใจเกิดความสงสัยว่าปกติเย่ฉูฉู่มักจะเป็นคนหัวเราะร่าเริงและคุยง่ายมาก เหตุใดวันนี้คำพูดคำจาถึงได้ดูคล้ายกับพี่สี่จ้าวล่ะเนี่ย

 

“ไม่กินไม่ดื่มจะใช้ชีวิตยังไงล่ะ…”

 

“ประหยัดเงินไง ยิ่งไม่มีชีวิตก็ยิ่งประหยัดเงิน”

 

พี่สะใภ้สี่จ้าวรับรู้ได้ว่าเย่ฉูฉู่โกรธเข้าแล้ว จึงแอบบุ้ยปากอยู่ในใจ ลูกสาวของฉันจะเรียนหรือไม่เรียนหนังสือเกี่ยวอะไรกับหล่อนไม่ทราบ!

เพียงแต่ตอนนี้พี่สี่จ้าวกำลังหาเงินจากพี่ชายและพี่สะใภ้ของเย่ฉูฉู่ หล่อนจึงไม่กล้าทำอะไรเย่ฉูฉู่ อีกอย่างหลังจากนี้ก็ยังต้องมาโทรศัพท์ที่นี่ด้วย จึงแย้มยิ้มกล่าวว่า “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ต่อให้เสียดายเงินมากกว่านี้ก็ต้องให้ลูก ๆ ไปเรียนหนังสือ น้องหกก็เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ไปเรียนหนังสือมันผิดกฎหมาย เรื่องผิดกฎหมายพวกเราไม่ทำหรอก”

 

เย่ฉูฉู่ยอกย้อนจบก็รู้สึกได้ว่าน่าเบื่อ มาคิดเล็กคิดน้อยกับคนแบบพี่สะใภ้สี่ไปเพื่ออะไรกันเนี่ย

  

“ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้ลูกสาวก็ต้องไปเรียนหนังสือ” เย่ฉูฉู่พูดพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

พี่สะใภ้สี่จ้าวอยู่คุยครู่หนึ่ง เป็นเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเย่ฉูฉู่แล้วจึงอุ้มอู่หยากลับไป เสี่ยวไป๋หยางกับอู่หยายังเล่นกันไม่หนำใจ จึงไม่อยากให้กลับ อู่หยาเองก็ไม่อยากกลับเช่นกัน ท้ายที่สุดก็ถูกพี่สะใภ้สี่จ้าวบังคับให้กลับ

  

เสี่ยวไป๋หยางร้องไห้ในทันที เย่ฉูฉู่ปลอบใจอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด ท้ายที่สุดจึงอุ้มเดินออกไปข้างนอก หลังจากได้เล่นหิมะกับเจ้าลิงน้อยครู่หนึ่งจึงหยุดร้องไห้

ช่วงค่ำตอนที่จ้าวเหวินเทากลับมา เย่ฉูฉู่ก็เล่าถึงเรื่องที่ลูกชายไม่ยอมเชื่อฟังขึ้นมา จ้าวเหวินเทาตีเสี่ยวไป๋หยางด้วยน้ำหนักมือปานกลาง กล่าวว่า “งั้นคุณก็ให้อู่หยาอยู่เล่นที่นี่สักหน่อยสิ ถึงเวลาค่อยให้พี่สะใภ้สี่มารับกลับบ้าน”

เย่ฉูฉู่มองจ้าวเหวินเทาปราดหนึ่ง “อู่หยายังต้องกินนมนะ”

 

“อู่หยาก็น่าจะกินข้าวได้แล้วมั้ง อู่หยาอายุมากกว่าเสี่ยวไป๋หยางอีกนะ กินข้าวก็ทำให้อิ่มได้” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ

เย่ฉูฉู่มองเขาปราดหนึ่ง “งั้นคุณก็เช็ดฉี่เช็ดอึแล้วกันนะ!”

 

จ้าวเหวินเทารู้สึกผิดขึ้นมาในทันที ทำไมเขาถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียได้ ภรรยาของเขาฝึกเสี่ยวไป๋หยางให้เลิกใช้ผ้าอ้อมตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู่หยาเลย

  

“ภรรยา ผมผิดไปแล้ว” จ้าวเหวินเทารีบยอมรับผิด

 

“ชิ พูดให้น่าฟังใคร ๆ ก็พูดได้ ปากบนกระทบปากล่าง ง่ายจะตายไป!” เย่ฉูฉู่พูดเสียงเรียบ “คุณได้เป็นคุณอาแสนดี แต่คนที่ต้องเช็ดล้างคือฉัน! ฉันไม่เสียดายเรื่องกินเรื่องดื่ม แต่ฉันกลัวฉี่กลัวอึ ขนาดลูกตัวเองฉี่อึฉันยังไม่ชอบความสกปรกเลย คุณมาบอกให้ฉันไม่รังเกียจฉี่กับอึลูกของพี่ชายคุณ ฉันทำไม่ได้หรอก!”

 

“ภรรยาจ๋า ผมผิดไปแล้ว” จ้าวเหวินเทารีบพูด “ผมก็แค่พูดไปงั้นเอง…”

“สิ่งที่ฉันเกลียดมากที่สุดก็คือการพูดไปงั้น ทั้งครอบครัวก็คงจะพูดกันหมดว่า คุณอาไม่มีปัญหาอะไร แต่อาสะใภ้กลับไม่ยอม” เย่ฉูฉู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “อาทำไม่ได้ อาสะใภ้ทำได้ต่างหากล่ะ…ภรรยา คุณเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้โมโหขนาดนี้ล่ะ!”

  

“ไปถามลูกชายคุณสิ!” เย่ฉูฉู่หันไปจ้องลูกชายปราดหนึ่ง ก่อนจะยกอาหารมาวางบนโต๊ะ

 

จ้าวเหวินเทาถามเสี่ยวไป๋หยาง “เจ้าลูกชาย ทำไมลูกถึงทำให้แม่โกรธล่ะ?”

 

เสี่ยวไป๋หยางยิ้ม ดึงแก้มของจ้าวเหวินเทาเล่นพลางส่งเสียงเรียก “ปา ๆๆๆ!”

เย่ฉูฉู่ทำโจ๊กข้าวฟ่าง แป้งจี่ และผัดมันฝรั่งเส้นหนึ่งจานเป็นอาหารมื้อค่ำ เธอยกอาหารพลางกล่าว “คุณพาลูกไปฉี่หน่อย อย่าให้เขาฉี่ระหว่างกินข้าวนะ”

จ้าวเหวินเทารีบพาเสี่ยวไป๋หยางไปฉี่ที่กระโถน กระซิบพึมพำกับลูกชายว่า “เจ้าลูกชาย แม่ของลูกเข้มงวดมากขึ้นทุกวันเลยนะ ตอนนี้ก่อนจะกินข้าวก็ยังต้องฉี่อีก ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”

 

เสี่ยวไป๋หยางตอบกลับ น่าเสียดายที่เขายังพูดประโยคยาว ๆ ได้ไม่ชัดเจน จ้าวเหวินเทาจึงฟังความหมายของเขาไม่เข้าใจ

เสี่ยวไป๋หยางเบ่งฉี่เล็กน้อยก็ทำท่าจะกลับเข้าไป

 

จ้าวเหวินเทากล่าว “เจ้าลูกชาย ฉี่อีกหน่อยนะ ไม่งั้นถ้าไปนั่งฉี่ตอนกินข้าวคงได้ถูกแม่บ่นอีกแน่ ๆ เลย”

 

เสี่ยวไป๋หยางมองพ่อของเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะเบ่งฉี่อีกครั้ง

จ้าวเหวินเทาหอมลูกชายฟอดใหญ่ “ลูกชายพ่อเก่งจริง ๆ!” จากนั้นก็อุ้มมาอวดเย่ฉูฉู่

 

เย่ฉูฉู่กล่าว “ล้างมือรึยัง?”

“ลืมเลย…”

“ไปล้างมือ”

“อือ ลูกชาย พวกเราไปล้างมือกันนะ”

สองพ่อลูกล้างมือเสร็จก็เดินกลับมา เย่ฉูฉู่เริ่มบ่นเรื่องที่ลูกชายทำตัวไม่เอาไหน “พออู่หยามาหาที่บ้านก็ไม่ยอมให้อู่หยากลับ ตอนอู่หยากลับเขาก็เอาแต่ร้องไห้ วันนี้ก็เหมือนกัน ข้างนอกอากาศหนาวขนาดนั้น พูดยังไงก็ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้าน จะออกไปหาอู่หยาให้ได้ ไฉไฉ่เล่นเป็นเพื่อนก็ไม่ยอม น่าโมโหจริง ๆ!”

จ้าวเหวินเทาก้มหน้าพูดกับเสี่ยวไป๋หยาง “ลูกชาย ทำไมลูกถึงดื้อล่ะ?”

  

เสี่ยวไป๋หยางกินโจ๊กด้วยท่าทางนิ่งสงบ

 

แต่เจ้าลิงน้อยกลับส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ ขึ้นมา

 

“แล้วสุดท้ายเป็นยังไง?” จ้าวเหวินเทาถาม

 

“จะเป็นยังไงล่ะ ก็พาออกไปเล่นหิมะข้างนอกแป๊บนึงน่ะสิ เล่นจนมือเขียวแข็งโป้กกว่าจะยอมกลับเข้าบ้าน” เย่ฉูฉู่เล่า “นิสัยของเด็กคนนี้ดื้อรั้นเกินไปแล้ว เหมือนคุณไม่มีผิดเลย!”

จ้าวเหวินเทาถึงกับหมดคำพูด พูดถึงลูกอยู่นะ ทำไมถึงโยงมาถึงเขาได้ล่ะ อีกอย่าง เขาดื้อเหรอ? เขานิสัยดีจะตายไป!

“เสี่ยวไป๋หยาง ทำไมลูกถึงทำให้แม่โกรธล่ะ หลังจากนี้ห้ามทำแบบนี้แล้วนะ ข้างนอกหนาวจะตายไป จริงไหม? อู่หยาก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน ลูกจะห้ามไม่ให้อู่หยากลับบ้านไม่ได้นะ” จ้าวเหวินเทาพูดกับลูกชายอย่างมีเหตุผล

ไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋หยางฟังเข้าใจหรือไม่ เขาทำแค่เพียงกินข้าว แต่กลับไม่สนใจใครทั้งนั้น

เย่ฉูฉู่พูดต่อไปว่า “พอพี่สะใภ้สี่เห็นแบบนี้ก็ไม่ยอมปลอบอู่หยา มีหลายครั้งที่เสี่ยวไป๋หยางไม่ยอมให้อู่หยากลับ พี่สะใภ้สี่ก็เลยพูดว่าจะให้อู่หยาเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวไป๋หยางอยู่ที่นี่ก่อน แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไร ลูกชายของคุณนี่ชอบหาเรื่องให้ฉันจริง ๆ!”

จ้าวเหวินเทาตอบ “ไม่เป็นไร คุณไม่ตกลงก็บอกไปตรง ๆ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“ฉันก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไม่ตกลง ลำพังแค่เลี้ยงเสี่ยวไป๋หยางฉันก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว มีเด็กเพิ่มมาอีกคนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย” ระหว่างที่เย่ฉูฉู่พูดน้ำเสียงก็ผ่อนคลายลง “พี่สะใภ้สี่ก็จริง ๆ เลย ต่อให้เป็นลูกสาว แต่ก็เป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร ดูแลความสะอาดให้ลูกไม่ได้เชียวเหรอ? คุณยังไม่เห็นสภาพของอู่หยา เด็กตัวเล็ก ๆ แต่กลับมีเหาอยู่บนหัวแล้ว เสื้อผ้าก็สกปรกมอมแมมสุด ๆ พี่สะใภ้สี่ยังบอกอีกนะว่าเสื้อแจ็คเก็ตบุนวมที่อู่หยาใส่เป็นของซื่อหยาตอนเด็ก ๆ ไม่เคยถอดออกมาซักแต่กลับให้อู่หยาใส่ทันที ฉันรู้สึกไม่ดีที่จะพูดว่าสกปรก ก็เลยบอกไปว่าใส่ไว้ให้อุ่น ๆ พี่สะใภ้สี่กลับบอกว่าเด็กเล็ก ๆ ไม่กลัวหนาว อยู่ในบ้านก็ยังมีเตาเผา!”

………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อะโห สะใภ้สี่ สรุปแล้วเธอเลี้ยงลูกเป็นไหมเนี่ย หรือว่าเป็นแค่คลอดลูก เลี้ยงลูกได้ซกมกจริงๆ ไม่แปลกที่พี่สี่จะตีจาก

ไหหม่า(海馬)