บทที่ 545 การกลับมาของสาวไฟและสาวน้ำแข็ง

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 545 การกลับมาของสาวไฟและสาวน้ำแข็ง

บทที่ 545 การกลับมาของสาวไฟและสาวน้ำแข็ง

“ผลกระทบของอาณาจักรแห่งพระเจ้าที่มีต่อโลกด้านนอกนั้น แต่ละประเทศจะเป็นคนรับมือและแก้ไขมันเอง ส่วนผลกระทบที่เกิดจะโลกของเกม พระเจ้าของโลกใบนี้ก็จะแก้ไขมันเองเช่นกัน” เซียเหอพูด “ฉันไม่ใช่ผู้เล่น เพราะฉันคงจะให้คำมั่นไม่ได้หรอกว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเธอ บางทีอาจจะทำให้สมดุลระหว่างผู้เล่นเกิดการสั่นคลอน และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว เพราะงั้นฉันถึงได้รอการมาของพวกเธอนั่นแหละ”

“ถ้าหากผู้เล่นก้าวเข้ามายังสถานที่แห่งนี้กันมากขึ้น ข้อจำกัดอย่างสุดท้ายก็จะถูกคลายไป โหมดอิสระจะถูกเปิดใช้งานได้ตามที่ต้องการ…” เซียวเฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำเรื่องนี้อยู่ตัวคนเดียว

ไม่ว่าการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งพระเจ้าจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ในเมื่อมันผ่านการประชุมระดับโลกมาแล้ว นั่นหมายถึงจะไม่มีใครหยุดโครงการนี้ได้อีก แน่นอนว่าเซียวเฟิงเองก็ไม่สามารถหยุดมันได้ เพราะงั้นเขาจึงคิดไปถึงผลกระทบที่โลกของเกมจะได้รับหลังจากที่อาณาจักรแห่งพระเจ้าเสร็จสมบูรณ์

“ใช่เลย ๆ แบบนั้นแหละ!” เซียเหอดูจะกระตือรือร้นมาก ๆ เขาปรบมือและชี้ไปทางเซียวเฟิง “นั่นคือสิ่งที่เธอจะต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นเทพเจ้าของโลกใบนี้! กฎของเกมจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ!”

“แล้วเทพเจ้าอื่น ๆ ล่ะ? ฉันหมายถึง พวก NPC อย่างเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง?” เซียวเฟิงถามกลับ

“อาณาจักรแห่งพระเจ้าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน เทพพวกนั้นก็คงจะค่อย ๆ ถูกลบไป แต่เพราะแต่เดิมแล้วพวกเขาเป็นไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ การจะลบทิ้งทั้งหมดคงต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง เพราะงั้นระหว่างนั้นเนื้อเรื่องในเกมคงจะมีให้เล่นไปเรื่อย ๆ” เซียเหอตอบ

เซียวเฟิงตั้งใจจะถามต่อ แต่บรรยากาศรอบ ๆ ในกระจกนั้นก็เริ่มขาด ๆ หาย ๆ ขึ้นมาแล้ว ภาพของเซียเหอและอาณาจักรแห่งพระเจ้ากำลังถูกตัดขาดไปทีละนิด

“ดูเหมือนว่าเวลาของเธอจะหมดลงแล้ว…ฉันจะรอให้เธอมาถึงอาณาจักรของพระเจ้าเร็ว ๆ ก็แล้วกัน…หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันต้องรอนานหรอกนะ…”

เสียของเซียเหอค่อย ๆ หายไปกับความมืดตรงหน้ากระจก ภาพของอาณาจักรแห่งพระเจ้าที่เซียวเฟิงเห็นหายไปจนหมดสิ้นแล้ว

หลังจากที่กระจกตรงหน้าไม่ได้แสดงภาพอะไรออกมา เซียวเฟิงก็หลุดจากภวังค์ของตนเองอีกครั้ง ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในความมืดมิด ร่างที่ผอมบางกำลังมองเขาจากความมืดนั้น!

“พี่ชาย ไว้เจอกันนะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้า!”

เด็กผู้หญิงปริศนาคนนั้น! โนอาห์! เธอกำลังโบกมือลาเซียวเฟิงอยู่!

สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงตกใจอีกครั้ง เขาไม่คาดคิดเลยว่าโนอาห์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรแห่งพระเจ้าด้วย! มันอดไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องคิดมากกว่านี้อีกหน่อย

อย่างไรก็ตาม เวลาไม่เปิดโอกาสให้เซียวเฟิงได้ถามอะไร เพราะเมื่อระยะเวลาของกระจกศักดิ์สิทธิ์หมดลง ความมืดก็กลืนกินบานกระจกทั้งบาน สภาพแวดล้อมรอบตัวของเซียวเฟิงกลายเป็นภาพของวิหารกลางอีกครั้ง

“ทำไม! ทำไมเทพเจ้าแห่งแสงจึงเลือกเจ้า!” เสียงโวยวายของเทวทูตแห่งพลังกลับมาแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ท่านอาร์คบิชอป ท่านได้พบกับเทพเจ้าแห่งแสงแล้วใช่หรือไม่? พระองค์ท่านได้ส่งสารอะไรผ่านท่านมาหรือเปล่า?” ผิดกับพระสันตะปาปาที่กำลังมองเซียวเฟิงด้วยความตื่นเต้น

ไม่ต่างอะไรกับเหล่าพระสังฆราชชุดแดงที่กำลังล้อมรอบตัวเขาอยู่ ทุกคนแม้จะยังไม่อยากยอมรับความจริงนี้จนแทรกแผ่นดินหนี แต่พวกเขาก็ยอมเก็บความขุ่นเคืองนั้นไว้ด้วยความเชื่อที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าอันแรงกล้า

“แค่ก! มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า แม้แต่เทพเจ้าแห่งแสงเองก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย แต่ท่านได้มอบหมายงานให้ฉันไว้แล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นผู้แจ้งข่าวของพระองค์เอง นั่นหมายถึงจากนี้เป็นต้นไป พวกนายจะต้องฟังคำพูดของฉัน”

เซียวเฟิงอดกลั้นอาการหน้าแดงเอาไว้ หลังจากสูดหายใจลึก ๆ และกระแอมไอออกมาแล้ว เขาก็พูดเรื่องนี้ออกมาหน้าตาเฉย

จริง ๆ นี่ก็ไม่ใช่การอวดดีแต่อย่างใด เพราะสถานะปัจจุบันของเซียวเฟิงเองก็เป็นผู้แจ้งข่าวของเทพเจ้าอยู่แล้ว อ้างอิงจากคำพูดของเซียเหอ เขาคือพระเจ้าที่แท้จริงของโลกแห่งเกมต่อจากนี้จริง ๆ พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เทพเจ้าแห่งแสง

“วะ…ว่ายังไงนะ!?” พระสันตะปาปาและเหล่าสังฆราชอาวุโสต่างก็พากันหน้าเสียและมองตากันเองด้วยความตกใจ

“เป็นไปไม่ได้!” มีเพียงเทวทูตแห่งพลังเท่านั้นที่สบถออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

“นี่เป็นสารจากเทพเจ้าแห่งแสง หากนายไม่เชื่อ ก็ควรจะถามตัวเองได้แล้วว่ายังเป็นข้ารับใช้แห่งแสงสว่างอยู่หรือเปล่า?” เมื่อได้โอกาส เซียวเฟิงจึงตอกหน้าเทวทูตแห่งพลังด้วยคำพูดเหยียดหยามบ้าง

จริง ๆ ต่อให้ไม่ต้องเอาชื่อของเทพเจ้าแห่งแสงมาพูด การที่เทวทูตแห่งพลังไม่สามารถได้รับการตอบรับจากกระจกศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะเป็นหลักฐานมากพอที่จะบอกว่า เทวทูตตนนี้หมดประโยชน์แล้ว เป็นเพียงบ่าวที่ไร้นายเพราะเทพเจ้าแห่งแสงก็น่าจะถูกกำจัดไปแล้วด้วย

“เจ้า…” คำพูดของเซียวเฟิงทำให้เทวทูตแห่งพลังเถียงอะไรไม่ได้จริง ๆ เขาพยายามมองข้ามความจริงที่ตนไม่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าแห่งแสงได้ เพราะถ้าหากติดต่อได้ เขาอาจจะได้คุยกันก่อนหน้าที่จะเจอเซียวเฟิงอีก

“พวกนายทุกคนถอยออกไปก่อน ฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดกับท่านเทวทูตแห่งพลัง” เซียวเฟิงโบกมือให้กับพระสันตะปาปาและพระสังฆราชคนอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาถอยไป

“เรื่องนั้น…” แน่นอนว่าพวกเขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง NPC กลุ่มนี้ก็เลือกที่จะยอมถอยไปตามคำสั่ง

“เจ้า! เทพีแห่งแสงบอกให้เจ้ามาฆ่าข้างั้นเหรอ!?” สีหน้าของเทวทูตแห่งพลังดูไม่ดีเอาเสียเลย เขามองกลับไปยังเหล่าพรรคพวกที่เคยบอกว่าจะคุ้มกะลาหัวให้ที่ตอนนี้ถอยหนีกันไปแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าพวกคนเฒ่าคนแก่แล้วนี้ถูกเซียวเฟิงหลอกเรื่องตัวตนใหม่ของเขาเสียเต็มอก

“ฉันแค่อยากจะถามอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า” เซียวเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“เจ้าอยากรู้อะไร?”

เทวทูตแห่งพลังชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็สร้างเกราะป้องกันเพื่อแยกตนเองและเซียวเฟิงออกจากกลุ่มคน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกล่าวถามกลับไปพลางขมวดคิ้ว “อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับสงครามศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเทพีแห่งแสงสว่างเชื่อใจเจ้ามาก ๆ เจ้าควรจะรู้เรื่องพวกนี้หมดแล้ว”

“นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะถาม ฉันอยากรู้ว่าอาณาจักแห่งพระเจ้าหน้าตาเป็นยังไง” เซียวเฟิงส่ายหน้าอีกครั้งและพูดสิ่งที่ต้องการออกไป

“อาณาจักรแห่งพระเจ้า? ถามอะไรของเจ้าน่ะ มันก็ต้องสวยและงดงามสมกับเป็นที่ที่เหล่าเทพเจ้าอาศัยอยู่แน่นอนอยู่แล้ว! ที่นั่นน่ะสงบสุขและสูงส่ง พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดเป็นผู้ออกกฎควบคุมเองทุกอย่าง วิหารศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสิ่งที่อยู่สูง การมีผู้คนเคารพบูชา เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมมากที่สุด!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่าทีของเทวทูตแห่งพลังก็ดูจะอวดเบ่งขึ้นมาทันที

“ถ้างั้น เกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า ทำไมนายถึงหนีออกมา?” เซียวเฟิงคิดตามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามเพิ่ม เพราะในคำพูดของเทวทูตแห่งพลังนั้น ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกเลยว่ามีสถาปัตยกรรมสมัยใหม่จำพวกตึกอาคารอะไรพวกนี้อยู่ด้วย

และดูเหมือนเซียวเฟิงจะจี้ถูกจุด เพราะเพียงแค่ถามออกไป ความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเทวทูตแห่งพลัง ซึ่งแม้แต่ร่างของเขาก็ยังสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงเบา

“มันเป็นหายนะ…หายนะที่ร้ายแรงที่ไม่สามารถหยุดหรือต้านทานได้เลย! ผู้คนบนอาณาจักรแห่งพระเจ้า ไม่สนว่าจะเป็นใคร ไม่สนว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน ยามที่หายนะนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาไม่มีทางรอดไปได้ แม้แต่พระเจ้าเองก็ไร้ซึ่งพลังต้านทาน ท่านไม่สามารถยื่นมือมาช่วยอะไรได้เลย!”

“ผู้คนเหล่านั้น ถูกเผาไหม้โดยไร้สาเหตุ ทีละคน ๆ จากตอนแรกก็แค่กลุ่มเล็ก ๆ แต่เพียงเวลาไม่นาน มันก็ขยายวงกว้างไปจนทั่วอาณาจักรแห่งพระเจ้า ยิ่งสิ่งนั้นแข็งแกร่ง การเผาไหม้ก็ใช้เวลานานขึ้น แต่ท้ายสุดแล้วพวกเขาก็จะถูกเผาไหม้เป็นจุณ เปลวเพลิงที่ไม่รู้มาจากไหน คร่าชีวิตพวกเราไปจนแทบจะไม่เหลือ ไม่เว้นแม้แต่สถาปัตยกรรม หากทว่ามันเป็นเพลิงที่ไม่ลุกลามด้วยตัวมันเอง เกิดขึ้น เผาไหม้ และมอดสลายไปราวกับไม่เคยมีสิ่ง ๆ นั้นอยู่!”

“พระผู้เป็นเจ้าได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะหยุดยั้งหายนะครั้งนี้แล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผล พวกเขาทำได้เพียงแค่มองคน ๆ หนึ่งค่อย ๆ ถูกเผาไหม้ไปจนตายเท่านั้น นานวันเขาพวกเขาก็ไร้ซึ่งขวัญกำลังใจ และกลายเป็นเหยื่อเพลิงปริศนานี้ไปในที่สุด…”

สิ่งที่เทวทูตแห่งพลังพูดนั้นเรียกความสนใจจากเซียวเฟิงได้ค่อนข้างมาก เพลิงปริศนาที่เผาไหม้สรรพสิ่งไปทีละอย่างนั้น หมายถึงข้อมูลที่ถูกลบหรือเปล่านะ?

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่ได้ขัดอีกฝ่ายแต่อย่างใด เขารอให้เทวทูตตนนี้ค่อย ๆ พูดเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาอย่างใจเย็น

“อาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่สภาวะโกลาหลเต็มตัว เทวทูตหลายตนถูกเพลิงเผาไหม้ ในขณะที่เทวทูตและเทพเจ้าที่ยังเหลือก็พยายามหาหนทางที่จะรักษาชีวิตไว้ บางตนเลือกจะสร้างร่างปลอมขึ้นมามากมายเพื่อหลอกตาเพลิงปริศนานี้ ส่วนเทพเจ้าแห่งแสงผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อหายนะครั้งนี้ลามไปถึงตัวท่าน ท่านก็เลือกที่จะส่งข้าและเทวทูตบางตนให้ลงมายังโลกเบื้องล่าง เพื่อกระจายความศรัทธา เพราะเหล่าผู้ที่เกิดในดินแดนแห่งพระเจ้าเช่นข้าและคนอื่น ๆ นั้น เป็นตัวตนพิเศษที่จะไม่ดับสูญตราบใดที่ยังมีผู้ศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่ ตราบเท่าที่มีสรรพสิ่งเชื่อในตัวพวกข้า พวกเราทุกคน จะไม่มีวันตาย”

เซียวเฟิงพยักหน้าหลังจากรู้เรื่องเช่นนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเกิดวิหารแห่งแสงบนโลกใบนี้ บางทีเทพเจ้าแห่งความมืดเองก็คงจะตกที่นั่งลำบากไม่ต่างกับเทพเจ้าแห่งแสงนักหรอก

“แล้วนายรู้จักพระผู้สร้างหรือเปล่า?” เซียวเฟิงถามเพิ่ม

“พระผู้สร้าง? ตัวตนของเขาเป็นที่ถูกกล่าวถึงก็จริง แต่ไม่มีใครเคยเห็นเขากับตาตัวเองหรอก แน่นอนว่าแม้แต่เทพเจ้าแห่งแสงก็ไม่เคย” เทวทูตแห่งพลังตอบพลางส่ายหน้า

“ถ้างั้น นายสามารถหนีออกจากอาณาจักรแห่งพระเจ้าได้ยังไง แล้วในเมื่อนายหนีออกมาได้ ทำไมเทพเจ้าแห่งแสงถึงหนีมาบ้างไม่ได้?” คำถามถัดไปถูกถามต่อโดยไม่มีเวลาให้เทวทูตแห่งพลังหยุดพักนานนัก

“พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถออกจากอาณาจักรแห่งพระเจ้าได้หรอกนะ แล้วก็พวกข้ามีวิธีพิเศษที่จะลงมาสู่อาณาจักรเบื้องล่างได้กันอยู่แล้ว เพียงแค่พวกข้าต้องสวมเกราะหนาและใหญ่เอาไว้เท่านั้น” เทวทูตแห่งพลังไม่รังเกียจที่จะตอบ เขาสูดหายใจแล้วอธิบายออกมา

“เกราะ? หมายถึงที่นายตัวใหญ่ก่อนหน้านี้น่ะเหรอ? นั่นคือพลังเหรอ?” เซียวเฟิงถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ พวกข้าได้ร่างนั้นมาจากการเล่นแร่แปรธาตุในสมัยโบราณ ด้วยความช่วยเหลือของนักเล่นแร่แปรธาตุหนุ่ม ไม่เพียงแต่เขาจะทำให้เกราะที่สวมนั้นสามารถป้องกันความเสียหายจากการลงมาโลกเบื้องล่างได้แล้ว แต่ยังทำให้พวกข้าสามารถอยู่อาศัยได้ในโลกเบื้องล่างนี้ด้วย แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่เหล่าเทวทูตเช่นข้าทำกันเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าฝั่งปีศาจมีวิธีอย่างไร” เทวทูตแห่งพลังตอบ

“นักเล่นแร่แปรธาตุหนุ่มงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก่อนที่เขาจะถามอะไรต่อเพื่อลงลึกในรายละเอียด ข้อความส่วนตัวก็ปรากฏขึ้นมา

สาวน้ำแข็งและสาวไฟที่ส่งตัวไปในยุโรปก่อนหน้านี้ กลับมาถึงเฉิงไห่แล้ว!

“โอเค เดี๋ยวฉันจะไปก่อน ไว้จะกลับมาอีกทีก็แล้วกัน”

รู้เช่นนั้นเซียวเฟิงก็โบกมือลาเทวทูตแห่งพลัง แม้ว่าเขายังมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามก็จริง แต่เรื่องของทางฝั่งยุโรปเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เผลอ ๆ มันจะสำคัญกว่าเรื่องของทางนี้เสียด้วยซ้ำไป

ส่วนหนึ่งเพราะเทวทูตแห่งพลังไม่สามารถไปไหนได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะออฟไลน์ไปก่อน ต่อหน้าเทวทูตแห่งพลังที่กำลังงุนงงกับท่าทีของเซียวเฟิง เขาใช้วงแหวนอวกาศพาตัวเองกลับไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้าแล้วออฟไลน์

เซียวเฟิงไม่ได้นัดสาวน้ำแข็งและสาวไฟมาเจอที่คฤหาสน์ แต่เขานัดไปเจอที่โรงแรมที่อยู่บริเวณทางเข้าที่ซึ่งเป็นฐานทัพของเฮล! เพราะเขารู้มาว่าพวกเธอทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บกลับมา

“อาการบาดเจ็บนั่นร้ายแรงหรือเปล่า?”

ภายในห้องประชุม เซียวเฟิงกำลังยืนมือไขว้หลังมองไปยังประตู ที่นั่น สาวน้ำแข็งและสาวไฟกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว

“ไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ แค่บาดแผลโดนยิง ไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว”

หลังจากที่พวกเธอหายไปไม่กี่วัน ทั้งสาวน้ำแข็งและสาวไฟต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ และการกลับมาของพวกเธอในวันนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ทันทีที่พวกเธอกลับมาถึงเมืองเฉิงไห่ พวกเธอก็รีบมารายงานเซียวเฟิงเลยโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด ดังนั้นเซียวเฟิงจึงเห็นได้ว่าชุดของพวกเธอนั้นมีรอยขาดเพราะกระสุนเจาะเป็นรูอยู่

“ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเธอ อาวุธธรรมดาไม่น่าจะทำอะไรได้เลยนะ”

ผู้ที่พูดนั้นคือคิงคอง น้ำเสียงของเขาฟังดูอื้ออึง แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความน่าเกรงขาม

ไม่ว่าจะเป็นสาวน้ำแข็งหรือสาวไฟ ทั้งคู่ต่างก็เป็นเทพดัดแปลงรุ่นที่สองเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในแง่กายภาพ พวกเธอจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไรนัก แต่ก็ไม่ได้เปราะบางขนาดที่ปืนผาหน้าไม้ธรรมดา ๆ จะสามารถทำให้พวกเธอบาดเจ็บได้

ที่นี่ นอกจากเซียวเฟิง สาวน้ำแข็ง สาวไฟและคิงคองแล้ว มันยังมีวิหคทมิฬยักษ์ที่แม้จะหุบปีกแล้วก็ยังตัวใหญ่เกือบจะเท่าครึ่งหนึ่งของห้องประชุมอยู่อีกตนหนึ่ง

นกตนนี้คือ เฮ่ยซี หลังจากมันเก็บตัวอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงแต่ร่างกายของมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ใหญ่จนน่าเหลือเชื่อ ทั้งสีขนที่ดำเงามากขึ้นแถมยังหนาดกมากขึ้นไปอีก ราวกับว่ามันกำลังเปลี่ยนจากวัยเด็กและเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็มิปาน

“พวกเราได้เข้าไปในฐานทัพใต้ดินของพวกอเมริกาเหนือมาค่ะ” สาวน้ำแข็งและสาวไฟมองหน้ากันก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างรัดกุม

สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง หากจะพูดคงมีเพียงแค่ว่า พวกเธอทั้งสองคนนี้กล้าเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก สมแล้วที่เป็นบุคคลที่เขามองว่าเก่งกาจที่สุดในเฮล เพราะอย่างที่รู้ ๆ กัน ว่าที่นั่นอันตรายขนาดไหน หากเป็นสมาชิกทั่ว ๆ ไปของเฮลล่ะก็ ไม่มีทางได้รอดกลับมาเช่นนี้แน่

“ได้อะไรมาบ้าง เล่าให้ฉันฟังหน่อย”

ท้ายสุดแล้วเซียวเฟิงก็ไม่ได้กล่าวชมพวกเธอออกไป เขารู้ว่าการที่ทั้งสองบุกเข้าไปในฐานทัพของอีกฝ่ายเช่นนั้น ย่อมต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ ๆ และเป้าหมายนั้นก็มีค่ามากพอที่จะให้พวกเธอยอมเสี่ยง

และเช่นกัน เป้าหมายนั้นก็ทำให้เซียวเฟิงอยากรู้ถึงผลลัพธ์ของมันด้วย