บทที่ 546 ปัญหาในยุโรป
บทที่ 546 ปัญหาในยุโรป
“เบื้องหลังลูอิส มีน่า คือตระกูลบรีซค่ะ” คำพูดของสาวไฟทำเอาเซียวเฟิงปากกระตุกได้เลย
“ก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่ก็น่าสนใจอยู่” เซียวเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย ตระกูลบรีซนั้นถือเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ พวกเขาควบคุมอำนาจและทรัพยากรกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งทวีปนั้นแบบลับ ๆ ส่วนที่เขารู้เรื่องนี้ได้ก็เพราะเมื่อครั้งที่เฮลยังมีตัวตนอยู่ ธุรกิจของเขากับตระกูลบรีซนั้นค่อนข้างจะเกี่ยวดองกันอย่างมาก
เซียวเฟิงเดาเอาไว้ว่าน่าจะมีผู้คอยสนับสนุนลูอิส มีน่าอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผู้สนับสนุนคนนั้นจะเป็นตระกูลใหญ่โตเช่นนี้
“พวกเราเข้าไปหมายจะหยุดยั้งตระกูลบรีซตามที่ท่านได้แนะนำไว้ก่อนหน้า แผนการในครั้งนั้นคือการเข้าไปยุติความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลบรีซและลูอิส มีน่า แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ” สาวน้ำแข็งพูดเสริม
นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แม้แต่เซียวเฟิงยังต้องพยักหน้ารับ เพราะตระกูลบรีซนั้นทรงพลังยิ่งกว่าหน่วยทหารไหน ๆ ต่อให้เฮลจัดทีมเพื่อรับมือกับตระกูลนี้โดยเฉพาะ มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเรามีชัยเหนือกว่าเลย
“ลูอิส มีน่า น่าจะติดต่ออยู่กับสมาชิกตระกูลบรีซที่มีฐานะค่อนข้างสูง และความสัมพันธ์ของเธอและคนคนนั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นคนรัก ค่ะ เพราะเมื่อตอนที่พวกเราตามหาร่องรอยของเขา พวกเราพบบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา และค่อนข้างเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยทีเดียว!” สาวน้ำแข็งพูด
“เรื่องอะไร?” เซียวเฟิงขมวดคิ้ว แต่ด้วยความสวยของลูอิส มีน่า เขาเลยไม่ได้ตกใจเสียเท่าไหร่หากเธอจะสามารถตกเอาหัวใจของสมาชิกระดับสูงของตระกูลบรีซมาได้
“มันเกี่ยวข้องกับโลกของเกมค่ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้ทางตระกูลบรีซกำลังสนใจในโลกของเกมอยู่ เป้าหมายของพวกเขาอยู่ที่ผู้เล่นระดับสุดยอดของเกมตอนนี้ มองผิวเผินมันไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ฉันรู้สึกได้ว่า บางทีตระกูลบรีซอาจจะกำลังจะทำสิ่งที่เหมือนการสร้างเทพเจ้าเทียมอีกครั้ง โดยมีหนูทดลองเป็นผู้เล่นเหล่านี้ค่ะ” สาวไฟพูด
“เทพเจ้าเทียมงั้นเหรอ…มีหลักฐานอะไรหรือเปล่า?” เรื่องนี้ทำให้เซียวเฟิงต้องหรี่ตาแคบ ดูเหมือนจะเริ่มได้กลิ่นอายของความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาเสียแล้ว
ไม่มีใครไม่รู้ว่าโครงการเทพเจ้าเทียมนั้นโหดร้ายขนาดไหน เพราะทุกคนในองค์กรเฮลนั้นคือร่างทดลองที่รอดชีวิตจากโครงการดังกล่าว
แต่แม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาจากโครงการนั้นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็น ‘ผลงานที่สำเร็จ’ กันทั้งหมด เพราะบางคนก็กลายเป็นผู้พิการไปเลย ไม่ว่าจะหูหนวก ตาบอดหรือเป็นใบ้ มันเป็นผลกระทบที่ร้ายแรง
มีเพียงร่างทดลองระดับสูงเท่านั้นที่จะได้ชีวิตกลับคืนมา และสองจากหลายร้อยร่างทดลองที่ประสบผลสำเร็จจริง ๆ ก็มีเพียงเซียวเฟิงจากโครงการเฟสแรก และโหยวหมิงจากโครงการเฟสสองแถมโหยวหมิงเองก็ยังเป็นเพียงร่างโคลนด้วย
“หลักฐานที่จับต้องได้ไม่มีเลยค่ะ ฐานทดลองของตระกูลบรีซนั้นซ่อนอยู่ในฐานทัพทหารอีกทีหนึ่ง เรายังฝ่าเข้าไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ได้เบาะแสทั้งหมดที่พอจะหาได้มาแล้ว” สาวน้ำแข็งส่ายหน้าแล้วพูด
“เบาะแสแบบไหน?” เซียวเฟิงถามต่อด้วยความสนใจ
“ธอร์ค่ะ…ธอร์ที่เป็นผู้เล่นระดับเทพในเกม ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในร่างทดลองของโครงการเทพเจ้าเทียมรุ่นที่สามแล้วก็…พวกเรารู้สึกได้ถึงแรงกดดันแบบเดียวกับที่เฮฟเว่นมีอยู่ภายในฐานทหารแห่งนี้ด้วย หากไม่ใช่ว่าพวกเรา แน่นอนแล้วว่าเฮฟเว่นถูกทำลายไปแล้ว บางทีอาจจะเข้าใจได้ว่าที่นี่เป็นฐานใหม่ของเฮฟเว่นก็ได้” สาวน้ำแข็งพูดต่อ แววตาของเธอแสดงความหวาดกลัวออกมา
“เทพเจ้าสายฟ้าน่ะเหรอ? ไม่หรอก เจ้านั่นไม่ใช่เทพเจ้าเทียมหรอก หลังจากที่ฉันได้สู้ด้วยมาบ้าง คนคนนั้นน่าจะเป็นแค่เอสเปอร์ที่มีความสามารถในการใช้ไฟฟ้าได้เล็กน้อยเท่านั้น” คราวนี้เซียวเฟิงส่ายหน้าบ้าง จากประสบการณ์ของเขา เทพเจ้าสายฟ้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น และผลจากการต่อสู้หลายต่อหลายครั้งก็ช่วยทำให้สมมติฐานนี้ค่อนข้างหนักแน่น
เรื่องที่เทพเจ้าสายฟ้าเป็นผู้ใช้พลังนั้นไม่น่าสงสัยอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าเขาเรียกสายฟ้าฟาดเหมือนในหนังได้นั้นก็ออกจะเกินจริงอยู่ หากไม่มีวิทยาศาสตร์ช่วย ใช่แล้ว…เขาทำสิ่งที่ว่าได้แน่ ๆ แต่ต้องพึ่งอุปกรณ์ช่วย หรือไม่ก็ต้องอยู่ในบรรยากาศที่เป็นใจ ถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว การจะเรียกสายฟ้าฟาดหรือเสกพายุให้มาโจมตีเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ขนาดนั้น
ในขณะที่วิทยาศาสตร์กำลังไขกระจ่างความลับของเวทมนตร์ ตัวมันเองนั่นแหละที่น่ากลัวยิ่งกว่า
อย่างมากพลังของเทพเจ้าสายฟ้าที่ได้รับการบ่มเพาะแล้วก็อาจจะแข็งแกร่งมากขึ้นก็ได้ โดยเฉพาะเวลามาอยู่ในโลกของเกม ยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถเข้าใจและควบคุมสกิลจำพวกสายฟ้าต่าง ๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ และการที่เขาสามารถควบคุมไฟฟ้าได้ เกมที่มีสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เป็นหัวใจหลักจึงทำให้เขาได้เปรียบคนอื่น ๆ ด้วย!
ไม่ว่าจะเป็นเกมคอมพิวเตอร์สมัยก่อนหรือมิธ ผู้เล่นจะสามารถควบคุมตัวละครของตนเองได้ผ่านสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งในยุคก่อนหน้ามิธนั้นพวกเขาจะส่งสัญญาณเหล่านี้ผ่านอุปกรณ์นำเข้าสัญญาณอย่างเมาส์หรือคีย์บอร์ด แต่ตอนนี้ พวกเขาสามารถส่งสัญญาณผ่านกระแสประสาทได้เลยโดยตรง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบจะเปลี่ยนไปเป็นการนำเข้าคำสั่งจากกระแสประสาทแทนแล้ว แต่ทุกคนต่างก็จะยังมีปัญหากันอยู่ อย่างเช่น อัตราความเสถียรที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน หากจะแทนที่ด้วยศัพท์เก่า ๆ มันก็คือ ดีเลย์
กระแสประสาทของแต่ละคนนั้นมีข้อบกพร่องในจุดนี้กันทั้งหมด แม้มันจะไม่ได้ใหญ่จนเป็นปัญหาที่ต้องแก้ แต่ถ้าหากใครสามารถเชื่อมต่อได้เสถียรที่สุด มันก็ย่อมดีกับคนคนนั้นมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์ก็จะยิ่งเหมือนบงการร่างกายตนเองอยู่จริง ๆ
ทว่าสิ่งนี้ในสายตาของผู้เล่นระดับสูง นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ การที่ตัวละครในเกมและกระแสประสาทของพวกเขาขาดความเสถียรไป แม้จะเป็นเพียง 0.01 วินาที มันก็อาจจะทำให้พวกเขาเสียเปรียบในการต่อสู้ได้เลย
ความสามารถของเทพเจ้าสายฟ้านั้นค่อนข้างจะได้เปรียบเรื่องนี้ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น การที่เขาบงการกระแสไฟฟ้าได้อ่อน ๆ มันทำให้ดีเลย์ที่เกิดขึ้นภายในเกมนั้น น้อยกว่าคนอื่นอีกเป็นสิบเท่า! ซึ่งเท่านี้มันก็มากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าได้แล้ว!
หากศักยภาพของผู้เล่นแบ่งได้เป็นผู้ที่มีศักยภาพสูงและต่ำ เทพเจ้าสายฟ้าก็จะยังคงจัดว่าอยู่ในระดับเทพเจ้าเหมือนเดิม เพราะความได้เปรียบสิบเท่าของดีเลย์ที่มีน้อยกว่าคนอื่น รวมไปถึงทักษะในการควบคุมสายฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ที่เขาชำนาญมาตั้งแต่เกิด มันยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ไม่ยาก!
ในท้ายที่สุด เขาก็ก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 แห่งเขตอเมริกาเหนือ ภายใต้ชื่อ…เทพเจ้าสายฟ้าได้!
ความเสถียรที่เทพเจ้าสายฟ้ามีนั้น แม้แต่เซียวเฟิงที่เห็นว่าเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยังไม่เทียบเท่าเลย แต่เพราะความสามารถของเซียวเฟิงคือ การตระหนักรู้และการคาดเดาล่วงหน้า มันเลยทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีที่หนักหน่วงของเทพเจ้าสายฟ้าได้อย่างแม่นยำ
นี่ยังไม่รวมถึงความสามารถอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับสุดยอด เพราะงั้นแล้ว เซียวเฟิงเองก็ไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้าสูงสุดในหมู่เทพเจ้าด้วยกันเองนักหรอก
ส่วนซีเหมินชุยเสวียนั้น เขาได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้เล่นระดับเทพเจ้าได้หลังจากที่ตัวเขาสามารถทลายขีดจำกัดร่างกายของมนุษย์ไปได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าความสามารถพิเศษของเขาจะเป็นอะไร แต่ในเมื่อเขาสามารถทลายขีดจำกัดของร่างกายไปได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ศักยภาพหลาย ๆ อย่างของซีเหมินชุยเสวียเองก็คงจะสูงกว่าคนทั่วไปมากแล้วแน่ ๆ
จำนวนของผู้เล่นที่รวมทุกเซิร์ฟเวอร์แล้วมีมากกว่าพันล้านคน แต่ถึงอย่างนั้นภายในเกมก็มีผู้เล่นระดับพระเจ้าอยู่ไม่ถึงสิบคนเท่านั้น ซึ่งนี่สามารถอธิบายปัญหาได้มากมายเลยทีเดียว ท่ามกลางผู้เล่นปริมาณมหาศาล แน่นอนว่ารวมถึงผู้เล่นดวงหนาที่ปะปนอยู่ในคนเหล่านี้ด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะมีสกิลระดับเทพ มีสัตว์เลี้ยงระดับตำนาน หรือมีอาร์ติแฟกต์ทั้งตัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าแต่อย่างใด ดีไม่ดีบางคนก็เป็นแค่ใครที่ไหนไม่รู้ที่มีของดีอยู่กับตัวด้วย
เพราะงั้นแล้ว นี่เป็นสิ่งยืนยันว่า ต่อให้ผู้เล่นคนหนึ่งจะมีไอเทมที่ดีขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถเป็นผู้เล่นระดับเทพเจ้าได้!
ผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นระดับนี้ได้นั้น ต้องมีสิ่งที่ทำให้พวกเขาอยู่เหนือกว่าคนอื่นได้ นั่นคือ ‘สกิลวิเศษ’
เซียวเฟิงได้ทำการทดลองเรื่องนี้เมื่อครั้งที่เขากำลังเบื่อหน่ายด้วยการถอดอาวุธอุปกรณ์ทั้งหมดบนตัวออกและเทียบพลังการต่อสู้กับตอนที่ยังสวมใส่อยู่ สิ่งที่เขาพบก็คือ เขาสูญเสียพลังไปเพียง 30,000 หน่วยเท่านั้น ทั้งที่อุปกรณ์เหล่านี้ที่เซียวเฟิงครอบครองต่างก็เป็นระดับอาร์ติแฟกต์ที่อยู่อันดับต้น ๆ ของเซิร์ฟเวอร์กันทุกชิ้น แต่ถึงอย่างนั้นนั่นกลับไม่ใช่หัวใจหลักที่ทำให้เซียวเฟิงแข็งแกร่งแต่อย่างใด
เขาคำนวณเพิ่มเติมจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาครอบครองอยู่ในเกม ที่ซึ่งส่งผลให้พลังการต่อสู้ของเขาสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ สัตว์เลี้ยง สกิล หรือสิ่งอื่น ตัวเลขค่าพลังของสิ่งเหล่านี้ น่าจะอยู่กันที่ราว ๆ 70,000 – 80,000 หน่วยเท่านั้น
แล้วถ้าผู้เล่นคนนั้นมีคลาสลับอย่างเซียวเฟิง ก็น่าจะได้เพิ่มอีกสัก 10,000 หน่วย ดังนั้นแล้วคนเหล่านี้ไม่มีทางที่จะมีพลังเกิน 100,000 หน่วยอย่างที่พวกผู้เล่นระดับเทพเจ้ามีกันอยู่ได้อย่างแน่นอน
หรือถ้าจะอธิบายง่าย ๆ ต่อให้อุปกรณ์หรือสิ่งที่เซียวเฟิงครอบครองตกไปอยู่ในมือของผู้เล่นธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่อาจจะหนีพ้นเงื้อมมือของซือเยี่ยจิ๋งและถูกฆ่าจนต้องกลับไปเกิดที่หมู่บ้านเริ่มต้นได้แน่ ๆ นี่คือ ความแตกต่างของความแข็งแกร่งของตัวบุคคล
ซึ่งเรื่องนี้เอง เซียวเฟิงก็คิดไว้ตั้งแต่เข้ามาในโลกของเกมแล้วว่า พื้นฐานพลังในการต่อสู้ของผู้เล่นแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวผู้เล่นเอง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งที่เกมมอบให้จะไม่ใช่น้อย ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ตัวช่วย ท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นที่คิดจะพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ไปจนจบก็จะไม่มีวันได้ก้าวขึ้นเป็นระดับพระเจ้าได้
“ถ้าเป็นแค่ผู้ใช้พลังฉันก็คงจะไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ…แต่ถ้าเกิดเขาเป็นผู้ที่ได้ผ่านโครงการพระเจ้าเทียมรุ่นสามล่ะก็ ท่านอาจจะต้องจับตาดูเขาเป็นพิเศษแล้วล่ะ” สาวน้ำแข็งพูดเตือนอย่างรอบคอบ
สมมุติฐานที่เธอตั้งนั้นทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้ว เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้เสียทีเดียว ดังนั้นหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาจึงพูดต่อ “ผู้เล่นระดับพระเจ้าในเกมเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเกมแล้ว พวกเขาไม่น่าจะถูกจับไปเป็นหนูทดลองให้กับโครงการเทพเจ้าเทียมได้ ส่วนเรื่องฐานทัพลับนั่น…อันนั้นฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นฐานวิจัยลับได้อีกเช่นกัน เรื่องความรู้สึกที่พวกเธอสัมผัสได้มันเป็นแบบไหน?”
“มันค่อนข้างจะคล้ายกับของพวกเฮฟเว่นเลยค่ะ เหมือนว่าพวกเรากลับไปอยู่ในเฮฟเว่น ทุกการกระทำของเรากำลังถูกจับตามองอยู่” สาวไฟคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้นแล้วพูดออกมา
“ถูกจับตามองเหรอ? แบบที่เหมือนสมองจะระเบิดหรือเปล่า?” เซียวเฟิงขมวดคิ้วมากขึ้น ทั้งสาวไฟและสาวน้ำแข็งไม่น่าจะรับรู้ความรู้สึกผิดพลาดอย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเธอบอกว่ารู้สึกเหมือนโดนจับตามอง นั่นหมายถึงในฐานทัพนั้นต้องมีอะไรสักอย่างอยู่จริง ๆ!
เพราะในเฮฟเว่น ผู้คนที่มาจากเฮลจะรู้สึกเหมือนถูกจับตามองและถูกควบคุมอยู่เสมอ
“ไม่ค่ะ” สาวน้ำแข็งส่ายหน้า
“แล้วมีข้อมูลอื่นอีกไหม?” เซียวเฟิงพยักหน้ารับรู้แล้วถามต่อ
“ข้อมูลนี้เราพบเจอในห้องนิรภัยรายชื่อผู้ติดต่อของคฤหาสน์ค่ะ ตระกูลบรีซกำลังสืบเรื่องของคนคนหนึ่งอยู่ และคนคนนั้นเกี่ยวข้องกับโลกของเกมที่ซึ่งหายตัวไปก่อนหน้านี้หลายเดือนด้วยค่ะ” สาวน้ำแข็งรีบตอบ
“คนที่กำลังถูกสืบคือใคร?”
“หัวหน้าฝ่ายเกมดีไซน์ของมิธชื่อ เซียเหอ ค่ะ!” พลันเมื่อสาวไฟตอบมาเช่นนั้น เซียวเฟิงก็รีบหันไปมองเธอทันที
“พวกนั้นอยากได้อะไรจากเซียเหอ?” เขาไม่รอช้าที่จะถาม
“เรื่องนั้นยังไม่รู้ค่ะ มีเพียงเรื่องเดียวที่เราพอจะรู้มาคร่าว ๆ”
“ว่ามาซิ”
“มันเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเซียเหอค่ะ ตามข้อมูลคือ ครั้งหนึ่งเซียเหอเคยมีลูกสาว แต่เด็กคนนี้ต้องทนแบกรับความทรมานมาตั้งแต่กำเนิด เธอจากไปเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ สิ่งที่ทำให้พวกเราสนใจมากที่สุดคือ ชื่อลูกสาวของเซียเหอค่ะ” สาวไฟและสาวน้ำแข็งหันมองหน้ากันและกัน
“ชื่อลูกสาวของเซียเหอ? ทำไมเธอถึงสนใจชื่อเด็กคนนั้น?” เซียวเฟิงเองก็สนใจเช่นกันในตอนนี้
“เด็กผู้หญิงคนนั้น…ชื่อว่า โนอาห์ ค่ะ” สาวน้ำแข็งตอบเสียงเบา
อีกครั้งที่คำตอบของสาว ๆ เหล่านี้ทำให้หัวใจเซียวเฟิงเต้นไม่เป็นจังหวะ ความคิดมากมายโผล่เข้ามาในหัวเพียงชั่วพริบตา แต่เขากลับไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรได้เลย
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า?” สภาพในหัวของเซียวเฟิงตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งแบบดิ่งลึกนัก เพราะงั้นเขาจึงถามเพิ่มเติมไปก่อน
“ข้อมูลชิ้นสุดท้าย เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างเขตแดนที่กำลังดำเนินอยู่ค่ะ ตระกูลบรีซได้ส่งชาวต่างชาติเข้ามาในเขตฮัวเซียจริง ๆ และคนคนนั้นก็มีหน้าที่คอยส่งข้อมูล เช่นเดียวกับลูอิส มีน่า ผู้หญิงที่เข้ามาในเขตฮัวเซียของพวกเรา ชื่อว่า หลี่เหยียน ค่ะ” สาวไฟพูด
“หลี่เหยียน? เมียใหม่ของเซียกวงเหว่ย? แม่เลี้ยงของเซียวหลิง?” เซียวเฟิงชะงัก เป็นไปได้ไหมว่าทั้งสามคนนี้เป็นคนเดียวกัน?
“ใช่ค่ะ” ตอนนั้นเอง สาวไฟก็พยักหน้าตอบคำถามราวกับรู้ว่าเซียวเฟิงกำลังสงสัยอะไรอยู่
“ฉันควรจะตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เหยียนและลูอิส มีน่าให้มากกว่านี้จริง ๆ” เซียวเฟิงถอนหายใจ