ฉินเฟิงในเวลานี้มีทุนอย่างเมืองลอยฟ้าที่สามารถใช้ต่อสู้กับกวงเว่ยได้  

 

 

 

 

 

อีกทั้งเขายังใช้พลังของตัวเอง ก่อให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้น 

 

 

 

 

 

เจิ้งเฉียนเพียงคิด ก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ 

 

 

 

 

 

เธอย้อนนึกไปถึงคำของฉินเฟิงในวันนั้น ก่อนที่เขาจะจากไป 

 

 

 

 

 

‘วันนี้พวกเขาขับไล่ผมได้แล้วมันทำไม? ในวันข้างหน้า ผมจะหาวิธีเอาคืนพวกเขาเอง!’ 

 

 

 

 

 

และฉินเฟิงในวันนี้ สามารถทำได้ตามวาจา ไม่ผิดไปจากที่เขาเคยลั่นเอาไว้เลย! 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินคำของเจิ้งเฉียน ทุกสายตาก็พลันเบนมาตกลงบนร่างของเธอ 

 

 

 

 

 

เจิ้งเฉียนสัมผัสได้ถึงพลังสมาธินับไม่ถ้วนที่ตรึงเข้ามา แม้ในหัวใจเธอจะเริ่มเกิดความกังวล แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของฉินเฟิง เธอก็รู้สึกว่า คนพวกนี้มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย 

 

 

 

 

 

อย่างน้อย หากเป็นพวกเขา ย่อมไม่สามารถบรรลุความสำเร็จดั่งเช่นฉินเฟิงได้! 

 

 

 

 

 

และฉินเฟิง คือหัวหน้าของเจิ้งเฉียน เป็นคนที่เธอไว้ใจ ยอมรับให้เป็นลูกพี่ของเธอ! 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานี้ ในหัวใจของเจิ้งเฉียนเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

 

 

 

 

 

ซางฮันเอ่ยปาก “คุณรู้จักเขาด้วยหรือ?” 

 

 

 

 

 

เจิ้งเฉียนยืนขึ้น โค้งกายแสดงความเคารพซางฮัน เริ่มกล่าว “ฉันชื่อว่าเจิ้งเฉียน เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งยกระดับเป็นเลเวล C ในปีนี้ และยังเป็นรองหัวหน้ากองทหารรับจ้างที่ฉินเฟิงเป็นคนสร้างขึ้น ในช่วงเวลานั้น ฉันอยู่ห้องข้างๆกับหัวหน้าฉินเฟิง ตอนนั้นทางพันธมิตรมนุษยชาติได้ส่งผู้ใช้พลังเลเวล C มามอบอุปกรณ์เชื่อมต่อจิตสำนึกให้แก่เขา … ” 

 

 

 

 

 

เจิ้งเฉียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างไร้ซึ่งความลังเล ชี้แจ้งให้เห็นว่ากวงเว่ย , เล่ยหยิง และหลี่จื่อซานร่วมมือกันทำร้ายฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

สีหน้าของซางฮันยิ่งฟังก็ยิ่งน่าเกลียดลงเรื่อยๆ อันที่จริงเธอเริ่มจะคาดเดาออกแล้ว! 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน เบื้องหลังกวงเว่ย สีหน้าของเล่ยหยิงกลายเป็นซีดขาว เขาเข้าใจชัดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

 

 

 

 

 

–ฉินเฟิงสามารถพลิกสถานการณ์ได้แล้วในตอนนี้! 

 

 

 

 

 

ผลงานของฉินเฟิงมันยิ่งใหญ่เกินไป ทางพันธิมตรเลยอยากจะปรองดอง และเมื่อค้นพบว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับฉินเฟิง เป็นธรรมดาที่จะหาผู้ร้ายมาลงโทษ มอบความเป็นธรรมให้แก่ฉินเฟิง เพื่อเรียกคะแนนจากเขา 

 

 

 

 

 

และตอนนี้ ผู้ร้ายตัวเป้งย่อมไม่พ้นเล่ยหยิง และกวงเว่ย! 

 

 

 

 

 

เล่ยหยิงคิดจะหลบหนี แต่ทันใดนั้นเอง พลังสมาธิพลันตรึงลงบนร่างเขา วินาทีต่อมา เก้าอี้ชุดหนึ่งพลันปรากฏขึ้นข้างๆกวงเว่ย พร้อมกับร่างของเล่ยหยิง ถูกลากลงไปนั่งรวมกัน 

 

 

 

 

 

พลังสมาธิของเล่ยหยิงถูกตรึง ไม่ต่างจากการกักขัง หากเล่ยหยิงถอนตัวจากโลกแห่งจิตสำนึกในเวลานี้ จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บเฉียบพลัน และไม่สามารถรักษาได้ 

 

 

 

 

 

สรุปสั้นๆคือคิดหนีตอนนี้ คงไม่ทันแล้ว! 

 

 

 

 

 

ได้แต่ทำใจยอมรับ และมาดูกันก่อน ว่าตนจะถูกลงโทษอย่างไร เพราะยังไงเหตุการณ์นี้ไม่มีคนตาย ฉะนั้นไม่น่าได้รับโทษร้ายแรง 

 

 

 

 

 

เล่ยหยิงทำได้เพียงคิดแบบนี้ ขบฟันกรอดด้วยความอดทน 

 

 

 

 

 

“ยังมีใครอีกไหม? ได้ยินว่าข้อสรุปนั่นเกิดขึ้นในโลกแห่งจิตสำนึก ในเวลานั้นใครกันที่ได้รับหน้าที่ตรวจสอบฉินเฟิง จงออกมาให้คำอธิบายเกี่ยวกับมัน” ซางฮันกล่าว 

 

 

 

 

 

เหอเล่อหมิงยืนขึ้นและกล่าวตามตรง “เมื่อสามเดือนก่อน ฉินเฟิงได้รับคำแนะนำจากหวังโจว ตั้งใจมาเข้ารับตำแหน่งผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ แต่ในเวลานั้น นายพลกวงเว่ยได้ทำการแนะนำอีกคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งประวัติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเทียบกับฉินเฟิงได้เลย ดังนั้นฉินเฟิงจึงถูกยัดข้อหา … ” 

 

 

 

 

 

เหอเล่อหมิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นชี้ไปยังฟูเหวินจูและกล่าว “นายพลฟูก็อยู่ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ ฉันได้ทำการคัดค้านแล้ว แต่นายพลกวงยึดมั่น ดึงดันข้อเสนอของตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็แนะนำฉันว่าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องอยู่เฉย ไม่รายงานเรื่องนี้แก่ทางพันธมิตร เรื่องนี้ฉันขอรับผิด เอง!” 

 

 

 

 

 

ฟูเหวินจูอยากจะร้องไห้ ตอนนั้นเป็นเขาลากเหอเล่อหมิงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ เหอเล่อหมิงกลับแก้แค้น ลากเขาลงมาบ้าง 

 

 

 

 

 

ฟูเหวินจูรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างใจดำ คิดแค้นฝังลึก มิใช่มนุษย์! 

 

 

 

 

 

“นายพลฟู มีอะไรต้องการจะเสริมอีกไหม?” ซางฮันหันไปมองอีกฝ่าย 

 

 

 

 

 

“มะ .. ไม่มี เป็นอย่างที่เขาพูดเลย!” ฟูเหวินจูได้แต่เอ่ยคำนี้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง 

 

 

 

 

 

“งั้นก็ดี ตอนนี้ความจริงทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยแล้ว ฉินเฟิงถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม ตามกฏระเบียบ ต้องเพิกถอนประกาศจับเขา และมอบบัญชีส่วนตัวคืน” 

 

 

 

 

 

ซางฮันออกคำสั่งโดยใช้อำนาจของเธอโดยตรง เรียกคืนสถานะของฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

“แต่ เรื่องมันยังไม่จบ!” ซางฮันสาดสายตามองกวงเว่ยและเล่ยหยิงด้วยความเย็นชา เปิดปากอีกครั้ง “ฉินเฟิงได้รับความทุกข์ระทม เป็นธรรมดาที่ต้องชดใช้ เพื่อปลอบใจเขา มิฉะนั้น หากอีกฝ่ายที่สามารถยึดเมืองลอยฟ้า ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของพันธมิตรองค์กรมืด เสริมกำลังรบให้แก่พวกมัน ฉันในตำแหน่งจ้าวพรมแดน คงถูกผู้คนหัวเราะจนฟันร่วง!” 

 

 

 

 

 

ผู้คนต่างพากันพยักหน้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือมอบสถานะคืนให้แก่ฉินเฟิง แต่เรื่องต่อมา ว่าจะทำอย่างไรให้ฉินเฟิงหายโกรธแค้น นั่นก็สำคัญ 

 

 

 

 

 

“งั้นตอนนี้ พวกเรามาดูกันต่อ” 

 

 

 

 

 

ซางฮันเล่นภาพวิดีโออีกครั้ง 

 

 

 

 

 

ปรากฏว่าเป็นภาพของฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนเมืองลอยฟ้า กำลังสนทนากับกวงเว่ย 

 

 

 

 

 

บทสนทนานี้ ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นของจริง วิดีโอนี้ช่วยยืนยันคำพูดของเห่อเล่อหมิงและฟูเหวินจูได้เป็นอย่างดี 

 

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น บทสนทนาทั้งหมดนี้ ยังถูกบันทึกไว้โดยโดรน และส่งมายังซางฮัน 

 

 

 

 

 

ท่ามกลางบรรดาผู้ใช้พลังเลเวล C เกิดความโกลาหลขึ้น 

 

 

 

 

 

ต้องรู้นะว่า ฉินเฟิงไม่ค่อยรู้จักผู้ใช้พลังเลเวล C มากมายนัก แต่เลเวล C ส่วนใหญ่รู้จักเขา 

 

 

 

 

 

เฉิงต้าเฉิง , ฮั่นเฉิงหมิง , เจิ้งเฉียน คนพวกนี้ต่างคุ้นเคยกับฉินเฟิงเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีบางส่วน เคยเห็นฉินเฟิงสังหารเผ่ากริมจริงๆ และได้รับแต้มสงครามเป็นจำนวนมหาศาล 

 

 

 

 

 

เมื่อบุคคลเช่นนี้ถูกใส่ร้าย ทั้งยังรีดไถเงินกว่า 5 ล้านล้าน ซึ่งตรงจุดนี้เหอเล่อหมิงไม่ได้กล่าวไว้ ทำให้ตอนนี้ ทุกคนต่างรู้สึกเจ็บแค้นแทน! 

 

 

 

 

 

หากทุกคนเป็นเหมือนกับกวงเว่ย พอแข็งแกร่งก็ใช้อำนาจในทางมิชอบ ใครทำอะไรไม่พอใจก็ขับไล่ออกไป แบบนี้ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงตาของพวกเขา 

 

 

 

 

 

ซางฮันเอ่ยปากอีกครั้ง “เอาล่ะๆ ตอนนี้มาหารือกันดีกว่า ฉันว่าคำขอของฉินเฟิงฟังสมเหตุสมผล พวกเราควรอนุมัติดีหรือไม่?” 

 

 

 

 

 

กลุ่มเลเวล B เริ่มสนทนาเกี่ยวกับปัญหานี้ 

 

 

 

 

 

“เรื่องที่ฉินเฟิงร้องขอค่าชดเชยเป็นเงิน ฉันเห็นด้วย” 

 

 

 

 

 

“ชดใช้เป็นเงิน ถือว่าเหมาะสม” 

 

 

 

 

 

“ถูกต้อง สมควรมอบให้เขาไป เพราะถ้าฉินเฟิงเรียกร้องบทลงโทษอื่นๆ อย่างเช่นการขับไล่กวงเว่ยหรือเล่ยหยิงออกไป มันจะแย่!” 

 

 

 

 

 

“ฮึ่ม! ไม่ว่าฉินเฟิงจะทรงพลังเพียงใด อัจฉริยะขนาดไหน แต่เขาก็ไม่มีสิทธิร้องขอแบบนั้น จากที่ฉันดู คิดว่ายอมรับข้อเสนอเป็นเงินชดเชยก็ไม่เลว แต่ไม่จำเป็นต้องมอบให้เยอะจนเกินไป สักครึ่งจากที่เขาขอก็พอ! ไม่มีใครตายเสียหน่อย เงินอีกครึ่งสมควรนำไปบริจาค หมุนเวียนในกลุ่มพันธมิตรมนุษย์!” 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิงทำแบบนี้ ถือเป็นการบีบบังคับพันธมิตรมนุษย์อย่างร้ายกาจ เขามันยะโสเกินไปแล้ว!” 

 

 

 

 

 

“บังคับยังไง คุณเองก็เห็นสถานการณ์แล้ว ตอนนี้เป็นพวกเราที่ผิด ทำให้ฉินเฟิงถูกใส่ร้าย ถ้าไม่ให้คำอธิบายที่ดีแก่เขา แล้วแบบนั้นจะให้คนอื่นๆอยู่อย่างหวาดระแวง ว่าจะโดนแบบเดียวกันเมื่อไหร่หรือไร? ทำแบบนั้นพันธมิตรมนุษย์จะสามารถพัฒนาไปได้หรือ?” 

 

 

 

 

 

ฝูงชนยิ่งมายิ่งโวยวาย เริ่มทะเลาะกัน 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยเมื่อเห็นฉากนี้ ก็คลายใจลง 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัด ว่ายังมีบางคนเลือกยืนข้างกวงเว่ย 

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไอ้ ‘สิทธิพิเศษ’ ที่ว่า ทุกคนที่เป็นระดับสูง ใครๆก็ใช้มันกันทั้งนั้น แต่เป็นกวงเว่ยที่ดันสะดุดขาตนเอง และอีกปัจจัยหลักที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินไป 

 

 

 

 

 

หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของฉินเฟิง กวงเว่ยคงไม่ลงเอยเช่นนี้! 

 

 

 

 

 

แม้ฝูงชนจะขัดแย้ง ถกเถียงกัน ดังนั้นเรื่องในคราวนี้ จึงจบลงด้วยการโหวต 

 

 

 

 

 

“เอาล่ะๆ ทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ฉะนั้นพวกเรามาเเริ่มโหวตกันดีกว่า ผู้ใช้พลังเลเวล A มีสิทธิ์คัดค้าน 1 ครั้ง , ผู้ใช้พลังเลเวล B แต่ละคนสามารถลงคะแนนได้ 10 โหวต , ผู้ใช้พลังเลเวล C ได้คนละโหวต —เริ่มได้!” 

 

 

 

 

 

“ฉันขอโหวดให้ชดใช้ฉินเฟิงเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านล้าน!” 

 

 

 

 

 

“เห็นด้วย!” 

 

 

 

 

 

“เห็นด้วย!” 

 

 

 

 

 

“ขอคัดค้าน!” 

 

 

 

 

 

“ขอคัดค้าน!” 

 

 

 

 

 

เล่นหยิง ใบหน้าเขม็งตึงเครียด เฝ้ามองไปยังคะแนนการโหวตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

 

 

 

 

สีหน้าของทั้งสองก็ยิ่งไม่น่าดู 

 

 

 

 

 

กระทั่งกวงเว่ย ซึ่งเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B สีหน้าก็ยังเริ่มซีดเซียว