“จะอธิบายให้ฉันฟัง? แน่นอน ฉันต้องการคำอธิบายของคุณ แต่ฉันเชื่อว่า คนอื่นๆก็อยากฟังคำอธิบายนั้นเช่นกัน! เข้ามาในโลกจิตสำนึกซะ” 

 

 

 

 

 

คำพูดของซางฮัน น้ำเสียงบ่งบอกว่าเป็นคำสั่งอย่างสิ้นเชิง 

 

 

 

 

 

เพราะใช่ว่าเลเวล A ทุกคน จะสามารถเป็นจ้าวพรมแดนได้ สำหรับเลเวล A ที่ได้รับตำแหน่งจ้าวพรมแดน ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร ภูมิหลังย่อมไม่ธรรมดา 

 

 

 

 

 

สำหรับซางฮัน เบื้องหลังของเธอมีตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณเก่าแก่คอยสนับสนุน ตระกูลซึ่งภายในยุคโลกาวินาศช่วง 200 ปีมานี้ ถือกำเนิดตัวตนเลเวล S ขึ้น 

 

 

 

 

 

ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้ถืออิทธิพลเบ็ดเสร็จ 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยมิกล้าโต้แย้ง ตอบรับทันที 

 

 

 

 

 

เพียงแต่ว่า เรื่องนี้เขาไม่ยอมแบกรับผลกรรมที่ตามมาเพียงคนเดียวแน่! 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยจำเป็นต้องหาทางหนีให้แก่ตัวเอง 

 

 

 

 

 

เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสาร โทรหาเล่ยหยิง 

 

 

 

 

 

เล่ยหยิงเมื่อพบว่าปลายสายเป็นใคร ก็ตอบรับทันที 

 

 

 

 

 

“นายพลกวง มีเรื่องอะไรหรือ ถึงได้โทรมาดึกปานนี้” เล่ยหยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อวันก่อน ดังนั้นปลีกตัวสันโดษเพื่อพักฟื้นบาดแผล 

 

 

 

 

 

แม้ฉินเฟิงจะสามารถยึดเมืองลอยฟ้า และทำลายสถานชุมชนฐานกริมกว่า 10 แห่ง แต่เนื่องจากนั่นเป็นเวลาตี 2 แล้ว เล่ยหยิงหลับอยู่ ดังนั้นไม่ทันเปิดอ่านข่าว 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยพอได้ยินคำเล่ยหยิง ในสมองก็เริ่มเกิดความคิด ดูเหมือนเล่ยหยิงจะยังไม่รู้เรื่องของฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

แบบนี้ก็เสร็จล่ะ! 

 

 

 

 

 

“จงมายังโลกแห่งจิตสำนึก ทางฝั่งนั้นมีอะไรบางอย่างจะประกาศ” กวงเว่ยกล่าวเสียงหม่น 

 

 

 

 

 

เล่ยหยิงตอนแรกสับสน แต่จู่ๆก็นึกถึงอะไรบางอย่างออก เลียบๆเคียงๆถามไป “นี่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือใช่ไหม?” 

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การสื่อสารระหว่างพวกเขาทั้งสอง ก็มีแค่เรื่องนี้ 

 

 

 

 

 

เพียงแต่ว่า เล่ยหยิงเพิ่งได้เผชิญหน้ากับฉินเฟิงมา ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก้าวกระโดดชนิดน่าสะพรึง ดังนั้น เมื่อคิดว่าเป็นเรื่องนี้ ทั้งๆที่ควรดีใจ มันกลับทำให้เล่ยหยิงหวาดกลัวที่จะครอบครองสี่เมืองทะเลเหนือแทน 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยกล่าวเสียงจม “ฉันบอกให้มาก็มา อย่าพูดให้มากความ มาถึงแล้วก็รู้เอง!” 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B , ทรงพลังเป็นอย่างมาก , ครอบครองอำนาจที่สามารถบดขยี้ผู้คน เล่ยหยิงไม่กล้าโต้แย้ง เร่งปฏิบัติตาม ใช้พลังสมาธิทำการเชื่อมต่อทันที 

 

 

 

 

 

สำหรับผู้ใช้พลังระดับสูง พวกเขามีศักยภาพทางกายภาพมากกว่าคนปกติทั่วไป ดังนั้นเวลานอนส่วนใหญ่จึงถูกแทนที่ด้วยการฝึกฝน แม้นี่จะเป็นกลางดึกช่วงตี 2 แต่ก็ยังมีผู้ใช้พลังมากมายอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึก 

 

 

 

 

 

ทันทีที่เข้ามา กวงเว่ยก็พบแถบแจ้งเตือนปรากฏขึ้นในบัญชีส่วนตัวของเขาทันที 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยสูดหายใจลึก กดตอบรับการแจ้งเตือน ภาพตรงหน้ากลายเป็นพร่ามัว เมื่อวิสัยทัศน์กลับคืน เขาก็พบว่าตนอยู่ในโถงประชุมใหญ่ 

 

 

 

 

 

เบื้องหน้าโถงประชุม ปรากฏที่นั่งมากมาย และตำแหน่งกลางห้องเป็นซางฮันนั่งอยู่ที่นั่น ทั้งกายปราศจากซึ่งความโกรธ และแรงกดดัน 

 

 

 

 

 

แม้ผู้หญิงเบื้องหน้าคนนี้จะดูไม่ต่างจากคนธรรมดา แต่คู่ดวงตาของเธอแสนลึกล้ำราวกับคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก อย่างไรก็ตาม เวลานี้มันแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

ผมของเธอถูกหวีอย่างพิถีพิถัน สวมใส่เครื่องแบบทหารที่ดูงดงามและเป็นเอกลักษณ์ 

 

 

 

 

 

และตรงหน้าอกของเธอ ติดตราชนิดพิเศษที่ไม่เหมือนใครเอาไว้ 

 

 

 

 

 

เลเวล A ตำแหน่งจ้าวพรมแดน 

 

 

 

 

 

และอีกฝั่งที่นั่งแยกออกไปทางซ้ายขวาเธอ ทั้งหมดล้วนเป็นคนรู้จักของกวงเว่ย 

 

 

 

 

 

ผู้ใช้พลังเลเวล B หวังโจว , ฟูเหวินจู , เหอเล่อหมิง นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้พลังเลเวล B จากทางตอนเหนืออีกมากกว่า 30 คน 

 

 

 

 

 

ผู้ใช้พลังเหล่านี้กระจายตัวกันอยู่คนละพื้นที่ทั้งใกล้ไกล แต่ตราบใดที่ใช้ตัวเชื่อมจิตสำนึก ทั้งหมดสามารถมารวมตัวกันที่นี่ได้อย่างง่ายดาย 

 

 

 

 

 

กลุ่มเลเวล B ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่นั่ง มีกวงเว่ยเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขา  

 

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เก้าอี้ของกวงเว่ยยังไม่เหมือนของคนอื่นๆ คล้ายปลีกแยกออกมา นี่ชวนให้เขารู้สึกไม่สบายใจ 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ เบื้องหลังเขา ยังมีเลเวล C อีกกว่าหลายร้อยคน 

 

 

 

 

 

หากกวงเว่ยตั้งใจมอง จะพบว่าในบรรดาเลเวล C ทั้งหมดในที่นี้ ทุกคนคือคนที่ร่วมปฏิบัติการปราบปรามเผ่ากริม 

 

 

 

 

 

ไม่เว้นกระทั่งเจิ้งเฉียน รองหัวหน้ากองทหารรับจ้างเฟิงหลี 

 

 

 

 

 

เล่ยหยิงก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน 

 

 

 

 

 

เหล่าสมาชิกมากันถ้วนหน้า 

 

 

 

 

 

ซางฮัน เธอนั่งอยู่ด้านบนสุด และปรากฏตัวขึ้นเป็นคนแรก ระหว่างเฝ้ารอกวงเว่ยราวๆ 10 นาที ระหว่างนั้นคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยกันตามมาสมทบ 

 

 

 

 

 

กระทั่งบางคนที่ไม่ได้รับเชิญก็ยังมาเข้าร่วม โถงประชุมเริ่มขยับขยายออกไปเรื่อยๆ เพิ่มที่นั่งตามจำนวนโดยอัตโนมัติ 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ซางฮันไม่รออีกต่อไป หลังจากเห็นกวงเว่ยมาถึง ก็กล่าวทันที “ตอนนี้จะขอประกาศเนื้อหาของการประชุม” 

 

 

 

 

 

“เมืองหลงฉวนล่มสลายเมื่อสามชั่วโมงก่อน และเผ่ากริมที่ยึดครองมัน ทั้งหมดถูกล้างบางโดยบุคคลนิรนามซึ่งสามารถยึดเมืองลอยฟ้าได้ เนื่องจากสถานะของเขาคนนี้พิเศษมาก ดังนั้น พวกเราเลยต้องมาหารือกัน ว่าการปรากฏตัวของบุคคลเช่นนี้ ทางเราสมควรจัดการอย่างไรดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมืองลอยฟ้า … สามารถสังหารได้กระทั่งเลเวล A !” 

 

 

 

 

 

คนอื่นๆทั้งหมดเริ่มย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นทันที 

 

 

 

 

 

ราชาอัคคีชุ่ยเหลียน ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟเลเวล A ต้องจบชีวิตลง 

 

 

 

 

 

สีหน้าของซางฮันมิได้แสดงออกถึงความโศกเศร้า เธอยังคงสงบและมั่นคง หากสังเกตดีๆจะพบว่ากำลังเผยร่องรอยของความเย็นชาออกมา 

 

 

 

 

 

แม้ซางฮันกับชุ่ยเหลียนจะเกี่ยวดองกันแล้ว แต่สามีคนนี้ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็อยู่ด้วยกันแค่เพียงผิวเผิน มันก็แค่การแต่งงานระหว่างตัวตนทรงอำอาจ ในความเป็นจริงแล้วชุ่ยเหลียนมีคู่รักหลายคน ดังนั้นซางฮันเองก็ไม่ยอมทุ่มเท หรือซื่อสัตย์ต่อชุ่ยเหลียนจนตัวตายเช่นกัน 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นคนแข็งแกร่ง! 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องบางเรื่อง ซางฮันแม้ไม่อยากยุ่ง แต่ก็จำเป็นต้องทำ 

 

 

 

 

 

เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันธ์กับแค่ชุ่ยเหลียน 

 

 

 

 

 

“งั้นพวกเราลองมาดูกัน” 

 

 

 

 

 

ซางฮันไม่พูดพร่ำ ดึงข้อมูลของฉินเฟิงออกมาแสดงโดยตรง 

 

 

 

 

 

ภาพสามมิติของฉินเฟิงปรากฏขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้เห็นและอ่านข้อมูลของอีกฝ่าย 

 

 

 

 

 

แน่นอน ข้อมูลล่าสุดในช่วงสองสามเดือนหายไปแล้ว  

 

 

 

 

 

【ฉินเฟิง】 

 

 

 

 

 

【วันเกิด 】: 8 พฤศจิกายน , ปี 201 แห่งยุคใหม่ 

 

 

 

 

 

【ผู้ปกครอง 】: ไม่มี 

 

 

 

 

 

【ที่อยู่】 : เขตสามเฉิง , เมืองเฉิงหยาง , สถานชุมชนเฉิงเป่ย , สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 

 

 

 

 

 

【ช่วงเวลาปลุกพลัง】 : เดือนมิถุนายน , ปี 217 แห่งยุคใหม่ 

 

 

 

 

 

【บันทึกภารกิจ】 : บรรลุ 8 ภารกิจของผู้ใช้พลัง 

 

 

 

 

 

หลังจากนั้น รายละเอียดแต่ละภารกิจ ไล่ตั้งแต่การต่อสู้บนภูเขาพ่อแม่ลูก , เมืองหาน , สถานชุมชนผิงหยุน รายละเอียดทั้งหมดถูกเขียนไว้ ขณะที่แต่ละบันทึกของภารกิจ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

 

 

 

 

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 218 ฉินเฟิงได้มาถึงปราการชาตง และทำการรับรองเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D 

 

 

 

 

 

ฝูงชนในโถงประชุมร้องอุทานด้วยความตกใจ 

 

 

 

 

 

พัฒนาการเช่นนี้ มันจะรวดเร็วเกินไปแล้ว! 

 

 

 

 

 

เมื่ออ่านรายละเอียดถึงจุดนี้ กระทั่งเจิ้งเฉียนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก็ยังอดตกใจไม่ได้ 

 

 

 

 

 

‘ฉันรู้มาตลอดว่าหัวหน้ายังเด็ก แต่ไม่คิดฝันเลย ว่าจะยังเด็กขนาดนี้ เขาเพิ่งปลุกพลังได้แค่หนึ่งปี? งั้นตอนนี้เขาก็อายุแค่ 17 เท่านั้นเองสิ?’ 

 

 

 

 

 

ในหัวใจของเจิ้งเฉียน หลงเหลือเพียงคำๆเดียวที่สามารถใช้อธิบายฉินเฟิง — ลูกรักของพระเจ้า! 

 

 

 

 

 

สุดยอดลูกรักที่สวรรค์โปรดปราน! 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสุดท้ายที่บันทึกเกี่ยวกับบุคคลมากพรสวรรค์ผู้นี้ ช่างเป็นเรื่องโง่เง่านัก 

 

 

 

 

 

【บันทึก】 : ปี 218 เดือน 5 วันที่ 3 , ฉินเฟิงต้องสงสัยว่าจงใจชะลอการต่อสู้ครั้งใหญ่ ทำให้พันธมิตรมนุษย์สูญเสียผู้ใช้พลังนับพัน สถานการณ์นี้ร้ายแรงนัก ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ กลับหวาดกลัวการลงโทษและหลบหนี ดังนั้นถูกประกาศจับ! 

 

 

 

 

 

ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป ฉินเฟิงก็ถูกขับออกจากพันธมิตรมนุษย์ 

 

 

 

 

 

สีหน้าของทุกคน เปลี่ยนแปลงไปต่างๆนาๆ 

 

 

 

 

 

ซางฮันกล่าวเสียงจม “ก่อนออกหมายจับ ฉินเฟิงได้บรรลุภารกิจปราบปรามถึง 3 รอบ , รอบแรกสังหารกริมไป 200 ตน , ภารกิจรอบสองสังหารเผ่ากริมไปกว่า 2,800 ตน และรอบที่สาม ลงมือสังหารเพียงลำพัง มีพยานหลักฐานคือวิดีโอว่าเขาสังหารกริมไปมากกว่า 500 ตัว! ฉันขอถาม ว่านี่เป็นการชะลอสงครามให้ล่าช้าออกไปยังไง?” 

 

 

 

 

 

เสียงของซางฮัน บีบคั้นจิตใจผู้คน 

 

 

 

 

 

ในเวลานั้นเอง คนๆหนึ่งยืนขึ้นทันใด 

 

 

 

 

 

“นั่นเพราะเขาถูกใส่ร้าย!” 

 

 

 

 

 

–เป็นเจิ้งเฉียน! 

 

 

 

 

 

เจิ้งเฉียนตอนนี้ เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น! 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงในฐานะหัวหน้าของเธอ สามารถเข้ายึดครองเมืองลอยฟ้าได้อย่างกะทันหัน! 

 

 

 

 

 

แม้ไม่รู้ว่าฉินเฟิงใช้วิธีการอะไร แต่อีกฝ่ายมักยากจะคาดเดา ดังนั้นเรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ 

 

 

 

 

 

ฉะนั้น มันถึงเวลาแล้ว ที่ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย!