เดิมคิดว่ากวงเว่ยสามารถยึดเมืองลอยฟ้าได้แล้ว แต่ไม่นึกเลย ว่าเมื่อเข้าไปได้ไม่ถึงห้านาที กลับเป็นเขาที่ถูกเตะลงมา 

 

 

 

 

 

“จะอยู่เฉยทำบื้ออะไร รีบไปรับท่านนายพลเร็วเข้า!” ผู้ใช้พลังเลเวล C ตะคอกเรียกสติ 

 

 

 

 

 

“อา! เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เข้าใจ .. ” นักบินรับคำไม่หยุด เร่งขับฮอลศึกไปรับตัวกวงเว่ยอย่างรวดเร็ว 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร แต่การโจมตีนี้ ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของเขา 

 

 

 

 

 

และที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ หากยังคิดสู้ต่อ ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย 

 

 

 

 

 

พัฒนาการของฉินเฟิง ก้าวกระโดดอย่างน่าหวาดกลัว! 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงขอบเมืองลอยฟ้า จากมุมสูงของเมือง เสียงกำลังภายในถูกส่งออกมา 

 

 

 

 

 

“นายพลกวงเว่ย รสชาติของการถูกไล่ล่ารู้สึกยังไงบ้าง?” 

 

 

 

 

 

เสียงนี้สะท้อนไปในอากาศ กวงเว่ยรู้สึกราวกับเลือดในอกลุกโชน แทบจะพ่นไฟออกมา 

 

 

 

 

 

มือปืนและเลเวล C อีกคนมองไปยังรูปลักษณ์ของฉินเฟิง บังเกิดความรู้สึกว่าคนตรงหน้า ช่างแข็งแกร่งอย่างลึกล้ำ จนมิอาจคาดหยั่ง 

 

 

 

 

 

เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะสามารถโค่นนายพลกวงเว่ยอย่างง่ายดายได้อย่างไร? 

 

 

 

 

 

ในตอนนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาพลันส่งเสียงติ๊ดๆ ปรากฏว่าเป็นแจ้งเตือนประกาศจับของฉินเฟิงในเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล 

 

 

 

 

 

ชัดเจนว่าชายเบื้องหน้า ไม่ใช่คนของพันธมิตรมนุษย์จริงๆ แต่เป็นอาชญากร 

 

 

 

 

 

เพียงแต่ว่า … หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินเฟิงกับกวงเว่ย มือปืนและเลเวล C หันมามองหน้ากัน ในสมองขบคิดว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน มิใช่เรื่องราวที่เรียบง่าย 

 

 

 

 

 

ทั้งสองบังเกิงความรู้สึกว่าตนเป็นปลาน้อยที่ถูกปลาใหญ่ลากเข้ามาติดเบ็ด! 

 

 

 

 

 

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาไม่สามารถละทิ้งกวงเว่ยและจากไปเพียงลำพังได้ 

 

 

 

 

 

ขณะนี้ กวงเว่ยยืนอยู่หน้าประตูฮอลศึก ถลีงมองไปทางฉินเฟิงด้วยความโกรธขึง 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิง เป็นแกเองที่ดื้อรั้น เดิมทีแกสามารถทำผลงานได้ครั้งใหญ่ ถ้ามีทัศนคติที่ดีกว่านี้อีกสักนิด ฉันจะไม่สนใจเลย และคงไม่คิดออกหมายจับแก!” กวงเว่ยคุกคามด้วยคำพูด 

 

 

 

 

 

เมื่อตระหนักว่าไม่สามารถเอาชนะได้แน่ๆ ก็เริ่มยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง เห็นได้ชัดว่ากวงเว่ยคุ้นเคยกับการทำเช่นนี้เป็นอย่างดี 

 

 

 

 

 

“อ้อ แล้วยังไงต่อ คนอย่างแก เดี๋ยวคงยกเหตุผลโง่ๆมาอ้างอีกสองสามข้อ แล้วบอกให้ฉันส่งมอบเมืองลอยฟ้ามาใช่ไหม? นายพลกวงเว่ย แผนการของแกน่ะมันไม่เลว แต่น่าเสียดาย ที่ฉันเคยเจอกับตัวเองมาก่อนแล้ว และจะไม่มีทางติดกับเป็นครั้งที่สอง!” 

 

 

 

 

 

ใบหน้าของกวงเว่ยแดงก่ำด้วยความโกรธ 

 

 

 

 

 

มันไม่หลงกล? 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงใช้คำพูดตีแสกหน้าอีกฝ่ายอย่างงดงาม เพราะครั้งก่อนที่กวงเว่ยขอให้ฉินเฟิงจ่ายค่าชดเชยและมอบแส้มิติ แต่ฉินเฟิงไม่ยอม สุดท้ายจนใจต้องหลบหนีไป 

 

 

 

 

 

กล่าวได้ว่าหากปล่อยให้กวงเว่ยพ่นคำไปมากกว่านี้ มันจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเขา 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิง ถ้าแกฆ่าฉันตอนนี้ เท่ากับเป็นการตัดสัมพันธ์กับพันธมิตรมนุษย์โดยสิ้นเชิง ลองคิดเอาเถอะ ว่าหลังจากลงมือ แกจะต้องพบเจอกับอะไร” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา “ทุกคนก็เห็น ว่าผู้ใช้พลังเลเวล A ยังถูกสังหารมาแล้วโดยปืนใหญ่ของเมืองลอยฟ้า เพราะงั้นไหนลองบอกหน่อยสิ ว่าฉันจะต้องพบเจอกับอะไร? หรือจะบอกว่าพวกเลเวล S จะลงมาช่วยแก้แค้นให้กับแก?” 

 

 

 

 

 

นั่นไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด! 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยเค้นสมองอย่างหนัก แต่สุดท้ายจนปัญญา แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ 

 

 

 

 

 

เนื่องจากเขาได้ค้นพบว่า ฉินเฟิงยืนอยู่ในตำแหน่งที่คงกระพัน ตนมิอาจต่อกรได้อีกต่อไปแล้ว 

 

 

 

 

 

“แกต้องการอะไรกันแน่?” 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานี้ น้ำเสียงของกวงเว่ยดูอิดโรยและไร้กำลัง 

 

 

 

 

 

เพราะฉินเฟิงได้ใช้ความแข็งแกร่งที่มี พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว 

 

 

 

 

 

“ฉันต้องการอะไรน่ะหรอ? ง่ายมาก ที่นายพลกวงต้องทำก็คือ เปิดเผยเรื่องนี้ให้โลกรู้ ให้ฉันได้รับความยุติธรรม ก็แค่นั้น ง่ายๆ ส่วนค่าชดเชย …” ฉินเฟิงยิ้มเยาะ “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้แกขอฉัน 5 ล้านล้านหรอกหรือ งั้นเอาไว้หลังจากบัญชีส่วนตัวของฉันกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว แกต้องมอบเงินชดเชยให้แก่ฉัน 5 ล้านล้าน!” 

 

 

 

 

 

“ส่วนเรื่องเมืองลอยฟ้า ฉันจะเก็บเอาไว้ใช้เอง หน้าไหนที่มันกล้าล้ำเส้นเข้ามา ก็อย่าหาว่าฉันไม่สุภาพ!” 

 

 

 

 

 

สีหน้าของกวงเว่ยเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท 

 

 

 

 

 

หากเรื่องดังกล่าวเปิดเผยสู่ที่แจ้ง กวงเว่ยย่อมไม่พ้นถูกลงโทษ แน่นอน เนื่องจากเขาเป็นตัวตนทรงพลัง ฉะนั้นบทลงโทษไม่น่ารุนแรงเกินไป แต่ชื่อเสียงและทรัพย์สิน คงได้รับความเสียหายอย่างหนัก 

 

 

 

 

 

และต่อให้เป็นกวงเว่ย หากคิดนำเงิน 5 ล้านล้านออกมา ก็จำเป็นต้องใช้เวลา 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิง อย่าพูดอะไรเอาแต่ได้ให้มันเกินไปนัก!” กวงเว่ยจำต้องกัดฟันสู้เสี่ยงตาย 

 

 

 

 

 

“นายพลกวง ราคานี้ ไม่ใช่เป็นแกหรอกหรือที่เคยพูดไว้ ถึงเวลาพอตัวเองโดนบ้างมาบอก ‘เอาแต่ได้’ เนี่ยนะ? ถ้ารู้ว่ามันมากเกินไป ทำไมแกถึงทำกับฉันแบบนั้นตั้งแต่แรก!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็นชา 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยปรารถนาจะฉีกปากฉินเฟิงแยกจากกัน ตัดลิ้นให้มันเป็นใบ้ พูดไม่ได้ซะจริงๆ 

 

 

 

 

 

เพราะฉินเฟิงไม่รับฟังอะไรเลย กลายเป็นคนไร้เหตุผลไปโดยสิ้นเชิง! 

 

 

 

 

 

แต่เรื่องนี้กวงเว่ยจะไม่ทันคิดก็ไม่แปลก ก็ใครมันจะไปนึกกัน ว่าตัวตนต่ำต้อยที่ตนเคยรังแก วันนี้กลับปีนป่ายขึ้นมาเอาคืน! 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเป็นคนตาต่อตา ฟันต่อฟัน 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อตกอยู่ภายใต้คนที่แข็งแกร่งกว่า สถานการณ์ในตอนนี้กวงเว่ยทำได้เพียงยอมรับ 

 

 

 

 

 

“ตกลง อีกไม่กี่วัน ฉันจะส่งคนไปให้คำตอบแก” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ในหัวใจของกวงเว่ย กลับกำลังคิดติดต่อสหายเลเวล B สักสี่ห้าคน เพื่อมาร่วมมือกันลอบสังหารฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

“งั้นฉันจะรอดู หวังว่านายพลกวง จะให้คำตอบที่ดีแก่ฉัน” 

 

 

 

 

 

“ไสหัวไปได้แล้ว!” 

 

 

 

 

 

เบื้องบนผืนฟ้า ฉินเฟิงถ่ายเทกำลังภายใน ส่งเสียงไปยังนักบินของฮอลศึก  

 

 

 

 

 

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำนี้ ดั่งเสียงสวรรค์ราวกับตนในฐานะนักโทษได้รับการอภัยทาน หักลำเลี้ยวบินจากไปทันที 

 

 

 

 

 

ส่วนกวงเว่ย ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูฮอลศึก ชั้นน้ำแข็งบางๆเกาะอยู่ใต้เท้าเขา หากไม่มีมัน เขาคงโดนเหวี่ยงหลุดจากฮอลไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ยืนหยัดไม่ไหวติง เฝ้ามองจนกระทั่งเมืองลอยฟ้าลับสายตาไป กวงเว่ยจึงค่อยกลับมานั่งในห้องเครื่อง 

 

 

 

 

 

“เรื่องนี้ ห้ามรายงานต่อทางพันธมิตรมนุษย์เด็ดขาด เอาไว้ฉันจะจัดการเอง!” กวงเว่ยกล่าวเสียงแข็ง 

 

 

 

 

 

ร่างของเลเวล C สั่นสะท้านทันที เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแห้งผาก “นายพลกวงเว่ย คือว่า … เมื่อครู่นี้ ผมเพิ่งส่งข่าวออกไป และ … ” 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีทันที 

 

 

 

 

 

“และอะไร?” 

 

 

 

 

 

“และ … ” อีกฝ่ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กล่าวต่อ “และบทสนทนาของคุณ ผมได้ส่งมันกลับไปยังระบบของพันธมิตรมนุษย์แล้ว ตอนนี้ มีคนกำลังตรวจสอบอยู่” 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยหน้ามืด รู้สึกคล้ายจะเป็นลม 

 

 

 

 

 

สักพักหนึ่ง อุปกรณ์สื่อสารของกวงเว่ยก็ส่งเสียงติ๊ดๆ 

 

 

 

 

 

【ประกาศจากทางพันธมิตรมนุษยชาติ : นายพลกวงเว่ย กรุณใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อจิตสำนึก เข้ามาในโลกจิตสำนึกโดยด่วน!】 

 

 

 

 

 

ต่อมา กวงเว่ยก็เริ่มได้รับข้อความจากคนอื่นๆ 

 

 

 

 

 

ฟูเหวินจู “นายพลกวง ฉันคงไม่สามารถปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไปแล้ว ฉันจะยอมรับความผิดของฉันกับทางองค์กรด้วยตัวเอง ต้องขอโทษจริงๆ!” 

 

 

 

 

 

เหอเล่อหมิง “ความแตกแล้ว ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่านายจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง บอกแล้วใช่ไหมอย่าลากฉันลงไปด้วย ถ้าทางพันธมิตรลงโทษฉันล่ะก็ ฮึ่ม! นายเตรียมใจไว้ได้เลย!” 

 

 

 

 

 

หวังโจว “ที่แท้เรื่องฉินเฟิงถูกขับไล่จากพันธมิตรมนุษย์เป็นฝีมือคุณเองหรอ? คุณทำแบบนี้ได้ยังไง รู้รึเปล่าว่าเขาเคยช่วยชีวิตฉันมาก่อน นี่คุณไม่ไว้หน้าฉันเลย?” 

 

 

 

 

 

ซื่อฉิง “กวงเว่ย นายเคยบอกว่าไม่สนใจคำเตือนของฉัน ตอนนี้ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่านายจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนยังไง” 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อความจากคนเหล่านี้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุด 

 

 

 

 

 

เพราะฟูเหวินจูกับเหอเล่อหมิงเป็นแค่คนตรวจสอบฉินเฟิงเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้การรัฐสี่เมืองทะเลเหนือเท่านั้น มีส่วนเกี่ยวข้องแค่เพียงเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

หวังโจวติดหนี้ฉินเฟิง ส่วนซื่อฉิงแค่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ 

 

 

 

 

 

ทว่าคนต่อไปที่ส่งข้อความว่า เล่นเอากวงเว่ยเย็นสันหลังวาบ 

 

 

 

 

 

ซางฮัน “นายพลกวง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” 

 

 

 

 

 

ซางฮัน คือผู้ใช้พลังเลเวล A ก่อนหน้านี้ ในภารกิจปราบปรามเผ่ากริม คนรักของเธอ ชุ่ยเหลียน ถูกเมืองลอยฟ้ายิงตาย 

 

 

 

 

 

และเธอคนนี้ คือผู้รับผิดชอบทั้งร้อยหัวเมืองของทางตอนเหนือเขตหัวเซี่ย 

 

 

 

 

 

ตำแหน่งของเธอ คือรัฐมนตรีพรมแดน สุดยอดตัวตนทรงอำนาจ! 

 

 

 

 

 

“จ้าวพรมแดนซาง ได้โปรดฟังฉันอธิบายก่อน!”