“ตอแหล!” เถาเยี่ยนมองถังซีอย่างเกลียดชัง “อย่าไปเชื่อมัน! หลินหรูคือ…”
“หุบปาก!” เซียวจิ้นหนิงตะคอกใส่เถาเยี่ยนอย่างรุนแรง แล้วหันไปมองถังซีด้วยสายตาเกรี้ยวกราดขณะถามว่า “เซียวโหรว เธอหมายความว่ายังไง ทำไมหลินหรูถึงไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา”
“จิ้นหนิงอย่าฟังเรื่องไร้สาระของมัน หลินหรูเป็นลูกสาวเรา เธอต้องฟังเรา หนูไม่ต้องห่วงนะ ตากับยายจะบอกให้เธอจ่ายค่าเลี้ยงดูให้หนู หนู…”
“ยังไม่เลิกอีก” ถังซีขมวดคิ้วมองเถาเยี่ยนซึ่งยังไม่ยอมแพ้ เธอยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าคุณบอกเราเสียตอนนี้ว่าคุณขโมยคุณแม่ฉันมาอย่างไร ฉันอาจไม่เอาผิดทางอาญา ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะไม่มีใครหนีรอดไปได้” น้ำเสียงเธอกระด้างเมื่อเธอกล่าวต่อจนจบ “คิดดูให้ดีๆ ก่อนจะพูด!”
เมื่อจบคำพูดนี้ถังซีก็ออกไปจากห้อง เธอขอให้เซียวจิ่งกับเซียวส่าโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คอยเฝ้าไว้ ไม่อนุญาตให้เซียวจิ้นหนิงและเถาเยี่ยนออกจากห้องทำงาน
เซียวเจี่ยนมองตามแผ่นหลังตั้งตรงของถังซี เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง และเดินตามเธอออกไป หยางจิ้งเสียนก็เช่นกัน เมื่อเห็นถังซีเดินไปที่ลิฟต์เธอก็ก้าวไปข้างหน้าจับแขนถังซีไว้ ถามเบาๆ ว่า “โหรวโหรว ลูกดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ถังซีส่ายศีรษะแล้วยิ้ม “หนูสบายดีค่ะ หนูแค่เหยียบเศษแก้วในบ่อน้ำพุร้อน เลยเดินลำบากนิดหน่อย”
หยางจิ้งเสียนลูบผมถังซีด้วยความสงสาร กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “แม่ขอโทษนะจ๊ะ ที่ทำให้ลูกต้องมาเห็นสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้ เมื่อลูกมาถึงโรงพยาบาล”
ถังซีส่ายศีรษะขณะจับมือหยางจิ้งเสียนไว้ และถามเบาๆ ว่า “คุณ… เธอเป็นยังไงบ้างคะ”
หยางจิ้งเสียนรู้ว่าถังซีกำลังถามถึงหลินหรู โหรวโหรวไม่เรียกหลินหรูว่า ‘แม่’ เพราะใส่ใจความรู้สึกของเธอ ถึงแม้สาวน้อยคนนี้จะไม่ใช่เซียวโหรวตัวจริง เป็นนางฟ้าน้อย แต่ร่างกายเธอคือเซียวโหรว นอกจากนี้เพราะเธอเป็นนางฟ้าเธอจึงรักทุกคน ด้วยความคิดนี้ ในที่สุดหยางจิ้งเสียนก็ปลดปล่อยความโกรธเคืองที่มีต่อหลินหรู เธอมองเซียวเจี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และพูดกับถังซีว่า “คุณแม่ของหนูตกบันได บาดเจ็บที่ซี่โครงและกระดูกสันหลัง เธอเพิ่งผ่าตัดและตอนนี้พักอยู่ในหอผู้ป่วย เธออาจฟื้นขึ้นมาคืนนี้ หนูอยู่ที่นี่สิจ๊ะ จะได้ดูแลเธอ”
ถังซีพยักหน้าและขอให้หยางจิ้งเสียนกลับไปพักผ่อน แต่หยางจิ้งเสียนตอบว่าเธอจะรอเซียวหงลี่อยู่ที่นี่ ถังซีพยักหน้าแล้วเดินไปทางห้องคนไข้ของหลินหรู เซียวเจี่ยนเดินตามไป มองตามหลังเธอ แต่ไม่พูดอะไร ถังซีหันกลับมาและยิ้มให้เขาโดยถามว่า “พี่คะ มีอะไรจะพูดไหม”
เซียวเจี่ยนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้ยินถังซีเรียกเขาว่าพี่ “เมื่อกี้เธอเรียกพี่ว่าพี่ ไม่ใช่ลูกผู้พี่ใช่ไหม”
ถังซียิ้ม “เป็นเพียงแค่ชื่อเรียก ไม่สำคัญหรอกค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณแม่จะต้องการให้ฉันกลับมา เพราะท่านรักฉัน ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่ฉันจะสามารถนำมาให้ท่านได้”
เซียวเจี่ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นคำตอบ ขณะเอนตัวพิงราวระเบียงโถงทางเดิน กล่าวเสียงเบา “พี่ใจแคบเกินไป” จากนั้นเขาก็ถามว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่ใช่ตายายที่แท้จริงของเรา”
ถังซีเลิกคิ้วมองหน้าเซียวเจี่ยนพร้อมกับยิ้ม แล้วตอบว่า “ฉันเดาเอาน่ะ”
เซียวเจี่ยนหยุดชะงักนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา และหยิบบุหรี่ออกมาจุด “นี่เป็นแค่การคาดเดาของเธอเหรอ โอ…จริงสิ พี่เองก็ควรจะเดาออก เพราะตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พวกเขารักเซียวจิ้นหนิงมากกว่าพี่ แต่… ถ้าพี่กับจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของพวกเขาทั้งคู่ ทำไมพวกเขาถึงรักเซียวจิ้นหนิงมากล่ะ”
ถังซีถอยกลับไปยืนรับลมที่หน้าต่างห้องโถง จากนั้นก็มองกลับไปที่เซียวเจี่ยน กล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “แล้วถ้าเซียวจิ้นหนิงเป็นหลานแท้ๆ ของพวกเขาล่ะคะ”
เซียวเจี่ยนตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเบิกตาโต เขายกบุหรี่ขึ้นมาคาบที่ปากและสูบเข้าไปหลังจากนั้นก็จ้องมองถังซีและถามว่า “โหรวโหรว เธอรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้เธอพูดอะไรออกมา”
ถังซีพยักหน้าอย่างจริงจัง มองเซียวเจี่ยนด้วยสายตาแน่วแน่ “ฉันคิดว่านี่อาจเป็นอุบายอันชั่วร้ายที่พวกเขาสมคบคิดกัน”
เซียวเจี่ยนยิ้มเมื่อสูบบุหรี่เสร็จ เขาดับบุหรี่แล้วโยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ ขณะปล่อยควันออกจากปากเขาจ้องหน้าถังซี “อุบายชั่วร้ายหรือ ถ้าเป็นอุบายชั่วร้ายจริงๆ นี่จะเป็นระเบิดลูกใหญ่สำหรับคุณแม่”
ถังซีเลิกคิ้ว “แต่ความเจ็บปวดรุนแรงระยะสั้น ก็ดีกว่าความเจ็บปวดน้อยๆ ในระยะยาวไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยพวกเราทุกคนก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ท่าน”
ถังซียิ้มขณะสูดลมหายใจ “ฉันคิดว่าเราจะรู้ผลเร็วๆ นี้” เธอเงยคางขึ้นเล็กน้อย ทำท่าส่งสัญญาณให้เซียวเจี่ยนมองไปทางเซียวหงอี้ ซึ่งกำลังเดินออกมาจากแผนกตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดา เซียวเจี่ยนหันหน้าไปมอง และเห็นเซียวหงอี้เดินออกมาหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาสามารถบอกผลการตรวจได้เลยจากสีหน้าของบิดา
เซียวเจี่ยนหันกลับไปมองถังซีซึ่งดูสงบนิ่ง แล้วขมวดคิ้ว “เธอรู้ไหม การคาดเดาของเธออาจเป็นการเปิดเผยความจริงที่คนบางคนปกปิดมานานหลายสิบปี”
ถังซียิ้ม มองเซียวเจี่ยนอย่างเคร่งขรึม “ฉันมาที่นี่เพื่อเปิดเผยแผนการชั่วร้ายทุกเรื่อง รวมถึงเปิดโปงใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับแผนการเหล่านั้น”
เซียวหงอี้เดินมาพร้อมกับรายงานการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาสองฉบับ และเสียงคำราม “น่าไม่อายจริงๆ พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของคุณแม่พวกลูก เป็นแค่คนหาประโยชน์จากเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา! คุณแม่จะเผชิญความจริงได้ยังไงเมื่อฟื้นขึ้นมา”
เท่าที่เซียวหงอี้จำได้ หลินหรูเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและดื้อรั้น ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ…
เมื่อถึงตอนนี้หลิวเฉิงอวี่กับซีลั่วเสียนก็มาถึง ซีลั่วเสียนท่าทางโกรธมาก เธอกับหลินหรูเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วย เธอรู้ดีว่าหลินหรูเคยมีชีวิตที่น่าสงสารแค่ไหน ทุกวันหยุดทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว ขณะที่หลินหรูต้องอยู่ในเมือง A และทำงานนอกเวลาหาค่าเล่าเรียน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องส่งเงินบางส่วนที่หาได้ไปให้พ่อแม่อีกด้วย ไม่เช่นนั้นคู่สามีภรรยาจะไปยังที่ทำงานของเธอและสร้างเรื่องวุ่นวาย
ซีลั่วเสียนรีบเดินเข้ามา ตรงไปหาเซียวหงอี้และถามเสียงเบา “เธอเป็นยังไงบ้าง อาหรูบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า”
อย่างไรก็ตาม หลิวเฉิงอวี่ไม่สนใจอะไร จับตาอยู่แต่ใบหน้าถังซี หัวใจเขาเต้นเร็วกว่าปกติ เธออยู่ที่นี่ด้วย นั่นหมายความว่าเธอยอมรับน้าหลินในฐานะแม่แล้วใช่ไหม
นั่นก็หมายความว่าเขากำลังจะกลายเป็นคู่หมั้นของเธอ
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หลิวเฉิงอวี่ก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น เขาจ้องมองใบหน้าแสนสวยของถังซี ความพึงพอใจในหัวใจเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดในทันที
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาหลิวเฉิงอวี่ที่จ้องมองมา ถังซีก็เลิกคิ้ว เธอใจหายวาบ ดูเหมือนเธอต้องรีบสร้างเงื่อนไข ก่อนจะยอมรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอเสียแล้ว!