ตอนที่ 155 เราต้องสืบสวน

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ตอนที่ 155 เราต้องสืบสวน

 

 

เซียวหงอี้ส่งรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาให้ซีลั่วเสียน พร้อมกับเล่าอาการภรรยาด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ซี่โครงหักสองซี่ กระดูกสันหลังร้าว เธอเพิ่งได้รับการผ่าตัด หมอบอกว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ผมไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะฟื้นไหม”

 

 

ซีลั่วเสียนขมวดคิ้วขณะมองดูรายงาน “ป้าเถาเป็นคนผลักเธอ…” ก่อนจะกล่าวจบเธอจ้องมองรายงานผลด้วยดวงตาเบิกกว้าง มือจับแผ่นกระดาษแน่นถามว่า “นี่ผลตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาของอาหรูกับพ่อแม่ของเธอเหรอคะ”

 

 

เซียวหงอี้พยักหน้า พูดอะไรไม่ออก ซีลั่วเสียนมองหน้ากระดาษสองหน้าในมือด้วยความตกใจ “พระเจ้า! เป็นไปได้อย่างไร ทำไมพวกเขา…”

 

 

“ถ้าโหรวโหรวไม่ได้มาที่นี่ และตั้งข้อสังเกตแก่พวกเรา ผมก็ไม่เคยคิดจะตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ของพวกเขา และสองคนนั้นก็คงยังหลอกเราไปได้เรื่อยๆ” เซียวหงอี้ถอนหายใจ ใบหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าจะบอกอาหรูยังไง ถ้าเธอรู้ผมกลัวว่า…”

 

 

ซีลั่วเสียนส่ายศีรษะ “บางทีอาหรูอาจหายเร็วขึ้นค่ะ ถ้าได้รู้เรื่องนี้”

 

 

ไม่มีใครอยากมีพ่อแม่อย่างเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อหรอก ตอนนี้ผลตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ออกมาแล้ว ถึงเวลาแล้วที่หลินหรูจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน หากพวกเขายังคงคุกคามเธอ หลินหรูก็สามารถแจ้งความตำรวจได้

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ซีลั่วเสียนก็หันไปมองถังซี ซึ่งแต่งตัวง่ายๆ ดูเท่และสวยน่ารัก ดวงตาเธอแจ่มใสขึ้นทันที ขณะเดินเข้าไปจับมือถังซีด้วยรอยยิ้ม ถามอย่างอ่อนโยนว่า “หนูคือโหรวโหรวใช่ไหม ป้าคือป้าซี เป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณแม่หนูเมื่อครั้งที่เราเรียนมหาวิทยาลัยจ้ะ หนูคล้ายๆ คุณแม่หนูเลยนะ หนูเหมือนเธอจริงๆ ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย”

 

 

ถังซีทักทายซีลั่วเสียนด้วยรอยยิ้ม ซีลั่วเสียนถามว่า “โหรวโหรว หนูรู้ได้อย่างไรว่าคุณแม่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตระกูลหลิน”

 

 

ถังซีเห็นความพิศวงในสายตาซีลั่วเสียน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและเม้มริมฝีปากก่อนตอบ “หนูไม่ทราบหรอกค่ะ หนูแค่เดา… เลยขอให้คุณพ่อไปจัดการตรวจสอบ พวกเขาก็เลยโป๊ะแตก ปรากฏว่าหนูเดาถูก”

 

 

“เธอเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมเหลือเกิน ชี้ให้เห็นได้เสมอว่าอะไรคือปัญหา” หลิวเฉิงอวี่ ยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองถังซีดวงตาเป็นประกาย รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก นี่คือผู้หญิงที่เขาชอบ เธอจะไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอะไรเช่นนี้

 

 

ถังซีเลิกคิ้วมองหลิวเฉิงอวี่ เธอมีรอยยิ้มเหนือริมฝีปากขณะกล่าวว่า “ประธานหลิว เจอกันอีกแล้วนะคะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันพบคุณ ประธานหลิวพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องเซียวจิ้นหนิง ฉันไม่คิดเลยว่าจะรวดเร็วอย่างนี้ที่… เราได้เจอกันอีกครั้ง”

 

 

หลิวเฉิงอวี่รู้แก่ใจว่าถังซีกำลังพูดถึงอะไร เขาดูอับอายเล็กน้อยขณะหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “คราวก่อนนั้นพี่เข้าใจเธอผิด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเซียวจิ้นหนิง และไม่รู้ว่าเซียวจิ้นหนิงหลอกลวงพวกเรา พี่ก็เลย…” เขาเงยหน้าขึ้นมองถังซีด้วยสายตาจริงใจขณะกล่าวต่อจนจบ “ได้โปรดยกโทษให้พี่ด้วย กับความสะเพร่าและโง่เขลาของพี่”

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว เขาหมายความว่าอย่างไรที่พูดแบบนี้ ทำไมต้องมาขอให้เธอ ‘ให้อภัยในความสะเพร่าและโง่เขลา’

 

 

ถังซียิ้มเยาะ ขณะนึกเดาความคิดเขาที่น่าจะเป็นไปได้ “เซียวจิ้นหนิงอยู่ชั้นบนค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นทั้งซีลั่วเสียนและหลิวเฉิงอวี่ก็ดูโกรธขึ้นมา ซีลั่วเสียนกล่าวกับถังซีว่า “เซียวโหรว ป้าโทษคุณพ่อคุณแม่หนูและโทษเฉิงอวี่ สำหรับความไม่เป็นธรรมที่พวกเขาทำกับหนู แต่หนูอย่าเก็บ เรื่องนี้ไว้ในใจอีกเลยนะจ๊ะ ถ้ามีเรื่องอะไรขอให้บอกป้า ป้าจะให้ความยุติธรรมกับหนูเอง”

 

 

ถังซียิ้มแล้วตอบว่า “ขอบคุณค่ะ คุณป้าซี แต่หนูหาความยุติธรรมให้ตัวเองได้ค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซีลั่วเสียนก็รู้ว่าเซียวโหรวไม่อยากพูดถึงชีวิตในอดีต เธอถูกพ่อแม่แท้ๆ ไล่ออกจากบ้านในเวลาที่เธอต้องการการดูแลเอาใจใส่มากที่สุด คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนสำหรับหลินหรูกับเซียวหงอี้ที่จะพาเธอกลับไปอยู่กับครอบครัวในตอนนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซีลั่วเสียนก็ไม่อยากกดดันถังซี จึงหันไปยิ้มให้หยางจิ้งเสียนแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “จิ้งเสียน ขอบคุณนะที่รับเซียวโหรวไปอยู่ด้วย”

 

 

หยางจิ้งเสียนยิ้มตอบ “เซียวโหรวเป็นลูกสาวฉัน เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”

 

 

ถังซีขมวดคิ้วกับคำพูดของซีลั่วเสียน และกล่าวอย่างจริงจังว่า “ป้าซีคะ หนูขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ แต่ถ้าคุณป้าพูดกับคุณแม่แบบนี้ จะทำให้คุณแม่เสียใจนะคะ”

 

 

ซีลั่วเสียนหยุดพูด รู้ทันทีว่าถังซีไม่ชอบสิ่งที่เธอพูดกับหยางจิ้งเสียน เธอจึงยิ้มขอโทษถังซี “ป้าขอโทษนะจ๊ะ ป้าไม่ควรพูดแบบนั้น”

 

 

ถังซีตอบด้วยการยักไหล่ ก่อนจะพาหยางจิ้งเสียนเดินไปทางอีกด้านหนึ่ง และขอให้เธอกลับบ้าน ถังซียังกลับบ้านไม่ได้ในวันนี้ เพราะยังมีปัญหาบางอย่างต้องจัดการที่นี่

 

 

หยางจิ้งเสียนรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นว่าถังซีใส่ใจเธอมากแค่ไหน เธอจับมือถังซีและกล่าวว่า “อย่าเก็บคำพูดของใครมาทำให้ตัวเองเครียด อย่าปล่อยอารมณ์ให้โกรธง่าย หนูยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นห้ามโกรธเลยเด็ดขาด ตกลงไหมจ๊ะ”

 

 

เมื่อคืนหยางจิ้งเสียนค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต พบว่านางฟ้าบางตนอาจอ่อนแอหลังจากสูญเสียพลัง นอกจากนั้นถ้านางฟ้าโกรธจะเป็นการทำร้ายร่างกายตนเอง เพราะฉะนั้นโหรวโหรวไม่ควรโกรธง่ายนัก เมื่อคิดเช่นนี้หยางจิ้งเสียนจึงต้องการพาถังซีกลับบ้าน ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เพียงลำพัง

 

 

ถังซียิ้มหวานให้กับคำพูดของหยางจิ้งเสียน เธอกอดแขนหยางจิ้งเสียนกระซิบว่า “คุณแม่ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ ด้วยพลังของหนู จะไม่มีใครทำให้หนูโกรธได้ค่ะ”

 

 

หยางจิ้งเสียนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนี้ เธอบอกให้ถังซีดูแลตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไป พร้อมกันนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซียวหงลี่ ขณะเดินออกจากโรงพยาบาล

 

 

ถังซีหันไปมองที่ประตูห้องพักของหลินหรู ซีลั่วเสียนยังคงถามเซียวหงอี้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เซียวหงอี้เม้มริมฝีปาก ก่อนจะตอบว่า “ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามอาหรูเมื่อเธอฟื้น เพราะนี่เป็นเรื่องของเธอ”

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว “ใช่ค่ะ เราควรถามความคิดเห็นของคุณแม่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้คุณพ่อต้องโทรหาตำรวจก่อน เพื่อจัดการกับเรื่องคุณแม่ถูกผลักตกบันได ถ้าคุณพ่อไม่จัดการกับเรื่องนี้อย่างถูกต้อง เรื่องอื่นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้เหมือนกัน”

 

 

ซีลั่วเสียนเลิกคิ้วมองถังซี ซึ่งมองสบตาเธอกลับมาและกล่าวต่อไปทั้งที่ยังขมวดคิ้ว “ถ้ายังไม่จัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง ตำรวจจะไม่มีทางสืบสวนเรื่องอื่นได้ หลังจากที่พวกเขาถูกจำคุกแล้วเท่านั้น เราถึงจะสืบสวนเรื่องพวกนั้นได้ค่ะ”

 

 

ซีลั่วเสียนขมวดคิ้วขณะมองถังซีอย่างครุ่นคิดและถามว่า “หนูจะสืบสวนเรื่องอะไรจ๊ะ”

 

 

“ทำไมเซียวโหรวกับเซียวจิ้นหนิงถึงได้สลับตัวกันเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้วค่ะ”