บทที่ 187 แรงอาฆาตมหาศาล

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“มาเถอะ! พวกเราก็อย่าเสียเวลาเลย เพื่อนฉันยังรอฉันอยู่ล่ะ!”

ถึงพูดว่าตกเป็นเป้าอยู่ในวงล้อมแล้ว เย่เทียนกลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง

พูดคำนี้ออกมา ทั้งสามคนที่ปิดทางออกไว้สนิท มีคนหนึ่งเดินออกมาแล้ว สองคนที่เหลือกลับทำตรงกันข้ามถอยหลังไปสักหน่อย ทำลักษณะท่าทางไม่เข้ามาแทรกแซง

ไม่เพียงแค่พวกเขา โจรที่เพิ่งแย่งกระเป๋าถือฉินโล่หยินไปก็เป็นเช่นเดียวกัน เดิมทีไม่ได้มีท่าทีเข้ามาช่วยเหลือ

“ทำไม? อยากเล่นประลองฝีมือตัวต่อตัวกับฉัน?”

เย่เทียนเห็นแบบนี้ สีหน้าอดเปลี่ยนไปแปลกประหลาดขึ้นมาอยู่บ้าง

ว่าตามหลักการทั่วไป ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามหลอกล่อตนเองมาที่นี่ ไม่ควรจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมที่ใช้คนมากกว่ารุมรังแกเหรอ?

แน่นอนว่า เย่เทียนคงไม่คิดจริงๆ ว่าสามคนที่เหลือแค่คุมท้ายขบวนรบเท่านั้น เกรงว่าถ้าเรื่องราวดูไม่ปกติ ทั้งสามคนต้องลงมือช่วยเป็นแน่ ถึงแม้จะไม่ใช่ว่าเข้ามาพร้อมกัน งั้นอย่างน้อยก็เป็นวิธีสู้แบบผลัดเวียนกันอย่างต่ำทราม

แต่ ไม่ว่าเป็นประเภทไหน เย่เทียนล้วนไม่สนใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ล้วนเป็นผลสรุปที่ลิขิตไว้เรียบร้อยแล้ว มีอะไรให้น่าสนใจอีกล่ะ?

ชายวัยกลางคนผมสกินเฮดที่เดินออกมากลับไม่ได้รีบร้อนเข้ามาโจมตี แต่ทว่ากระโดดเต้นด้วยขาข้างเดียวขึ้นแล้ว

เพียงแต่ นี่ทำให้เย่เทียนระแวดระวังขึ้นมา

ไม่มีอะไรอื่น ชายวัยกลางคนไม่ใช่ว่าเต้นระบำทั่วไปอยู่ แต่ว่าเป็นการออกกำลังกายอุ่นเครื่องของมวยไทย

ผู้คนต่างรู้กันว่า สำหรับการต่อสู้แบบอื่น ในบรรดาการต่อยมวยมากมาย แต่ไหนแต่ไรมวยไทยมีพลังสังหารทำคนบาดเจ็บที่แข็งแกร่ง ขึ้นชื่อในความสามารถด้านการโจมตีที่โหดเหี้ยม

ที่สำคัญสุดคือ มวยไทยใช้การฝึกซ้อมแบบรบจริงเป็นหลัก!

อย่างน้อย ที่ประเทศTมวยไทยเป็นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวาง การแข่งขันชกมวยแต่ละปี คนที่ฝ่ายตรงข้ามชกจนตายมีไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่โดนชกจนพิการเลย

“คนในวงการล้วนเรียกฉันว่าหมาบ้า หวังว่าแกจะจำชื่อนี้เอาไว้ได้ เพราะ……”

“มันจะเป็นชื่อสุดท้ายที่จะแกได้ยิน!”

ผู้ชายที่เรียกตนเองว่าหมาบ้าท่าทีโอหังที่สุด เหมือนว่ายังไม่ได้เริ่มสู้เป็นทางการก็ตัดสินแล้วว่าเย่เทียนจะแพ้แน่

น่าเสียดายเพียงแต่ คนที่เขาเจอเป็นเย่เทียน จะตกใจเอาง่ายดายได้อย่างไรกันล่ะ?

“แกจองหองมาก แค่ไม่รู้ว่าแกจะมีความสามารถจองหองแบบนั้นรึเปล่า?”

เย่เทียนยักไหล่อย่างสบายๆ คล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มพูดว่า “ใช่แล้ว อาจจะทำให้แกผิดหวังนะ ฉันคนนี้แต่ไหนแต่ไรจะไม่ไปจำชื่อของคู่แข่งที่พ่ายแพ้”

“เหอะ!” ชั่วขณะนั้นสายตาของหมาบ้ายิ่งโหดร้ายเพิ่มขึ้น ลูกตาเหมือนมีคมมีดที่ดุร้าย และแรงอาฆาตน่าเกรงขามผลิบานออกมา

ฟึ่บ!

วินาทีต่อมา เขาโจมตีฉับพลัน ถีบเท้าใส่ทางเย่เทียนฉับไว ตอนที่ใกล้ถึงสองเมตรยังกระโดดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากะทันหัน

“ไปตายซะเถอะ!”

ตัวอยู่กลางอากาศ หมาบ้าส่งเสียงร้องคำราม ข้อศอกที่มีกำลังวังชาแข็งแรงกระทุ้งทางส่วนหน้าของเย่เทียน

มองท่วงท่าที่ดุร้ายนี้ ถ้าโดนเข้าจริงแล้ว เกรงว่าสมองกระทบกระเทือนคงถือว่าเป็นจุดจบที่ได้รับล่ะมั้ง?

บางทีคนทั่วไปเผชิญหน้าคงต้องเลือกหลบหลีก และไม่กล้าฝืนต้าน แต่เย่เทียนจะเอาการโจมตีนี้มาใส่ใจได้อย่างไรล่ะ?

ตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเย่เทียนหลบออก แม้แต่ขยับเท้าล้วนไม่ขยับสักก้าว ทันใดนั้นยกแขนขึ้นมา ต่อยหมัดหนึ่งกระแทกเข้าไปอย่างแรง

ปึง!

หมัดศอกชนปะทะเข้าด้วยกันอย่างหนักอึ้ง เกิดเสียงดังทุ้มต่ำออกมา

ที่เกินความคาดคิดของทุกคนคือ ถึงแม้หมาบ้าจะยึดครองความได้เปรียบโดยกำเนิด แต่เขากลับยังคงกระแทกจนแขนชาและเจ็บ ถอยหลังทั้งตัวไปหลายก้าวติดๆ จนกระทั่งถูกพวกพ้องสองคนด้านหลังรับไว้ถึงหยุดตัวคงที่ได้

มองกลับมาดูทางเย่เทียน ซึ่งไม่ขยับสักนิด สีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

สรุปใครแพ้หรือชนะ แค่คิดก็รู้ได้!

ถึงพูดว่าเมื่อสักครู่แวบเดียวนั้น สองฝ่ายล้วนมีความล้วนลองเชิงดู

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ หมาบ้าใช้ความแข็งแรงของการวิ่งเสริมด้วย เผชิญหน้าโดยตรงต้องเสียเปรียบไม่น้อย แต่เย่เทียนกลับเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม ยังปล่อยพลังจากด้านล่าง จะเสียเปรียบอยู่มากเท่าไร

แต่ผลลัพธ์ล่ะ?

เย่เทียนที่เงื่อนไขค่อนข้างด้อยกว่ากลับได้เปรียบแล้ว!

แน่นอนว่า พละกำลังไม่สามารถตัดสินผลของการต่อสู้ได้ ทักษะของสมองกับการต่อสู้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในนั้นด้วย

แต่ อย่างน้อยเย่เทียนสามารถแน่ใจในจุดหนึ่ง

“พวกแกสามสี่คนนี้ไม่ใช่โจรทั่วไป เป็นใครส่งพวกแกเข้ามา?”

เย่เทียนสีหน้าอึมครึมลงมา ส่งเสียงสอบถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เริ่มแรก เขาไม่ได้พบว่ามีอะไรตรงไหนไม่ถูกต้อง จนกระทั่งปะทะฝีมือกับหมาบ้าอย่างแท้จริง ในที่สุดเขาถึงสังเกตเห็นจุดที่ไม่ปกติ

ถึงแม้หมาบ้าจะปิดซ่อนไว้ลึกมาก แต่เสี้ยววินาทีที่หมัดศอกกระแทกกันนั้นยังเผยสถานะแท้จริงของเขาออกมาแล้ว

ในการรับรู้ของเย่เทียน เจ้าคนนี้เป็นคนธรรมดาที่ไหน เป็นนักบู๊ระดับเหลืองตอนกลางโดยสิ้นเชิง

นอกจากนั้นพูดเลยว่า ถ้าเป็นคนทั่วไป จะรับหมัดหนึ่งของเย่เทียนโดยไม่เสียหายได้อย่างไรล่ะ?

คนที่ครอบครองความสามารถแบบนี้จะตกต่ำถึงขั้นต้องลักขโมยได้อย่างไร?

เพียงแต่ เดิมทีไม่มีใครตอบคำถามเย่เทียน ชั่วขณะที่คำพูดจบลง ด้านหลังกลับมีเสียงฝีเท้าที่บางเบาลอยมาทันใด ทำให้เย่เทียนรีบหันหน้ามองเข้าไป

เห็นเพียงภาพเงาดำคนหนึ่งกระโจนเข้ามาราวกับสายฟ้าแลบ ขณะเดียวกันหอบลมแรงที่หนาวเหน็บเสียดกระดูกมาด้วย

เย่เทียนเอียงตัวเล็กน้อยโดยจิตใต้สำนึก หลบหายออกมาแบบอันตรายมาก

วินาทีต่อมา เขาขยับเท้าติดต่อกัน ถอยหลังไปหลายก้าวฉับไว ดึงระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายออกมา

คนที่ลอบโจมตีผู้นี้ นอกจากโจรที่แย่งกระเป๋าถือของฉินโล่หยิน และล่อเย่เทียนเข้ามาคนนั้นยังเป็นใครได้อีก?

เขาในเวลานี้ยังมีความสับสนกระเซอะกระเซิงแบบตอนที่ถูกเย่เทียนไล่ตามสักนิดที่ไหน เหมือนนักฆ่าไร้ความรู้สึกที่ใจอำมหิตคนหนึ่งเลยทีเดียว ทั่วทั้งตัวแพร่จิตอาฆาตแค้นน่าสะพรึงกลัวออกมาเต็มที่!

“เจ้าหมอนี่เป็นคนโหดที่เคยปลิดชีพคน โดยเฉพาะเกรงว่าไม่เพียงแค่ชีวิตด้วย!” ในใจเย่เทียนระแวงขึ้นมา

เขาผ่านประสบการณ์ต่อสู้มากกว่าร้อยครั้ง มือทั้งคู่อาจพูดได้ว่าเปื้อนเลือดสดมาเต็ม สำหรับแรงอาฆาตแค้นสิ่งลวงตานี้ย่อมคุ้นเคยดีถึงขั้นสุดแล้ว

การเตะที่รุนแรงเมื่อสักครู่นั้นพูดได้ว่าโหดเหี้ยมถึงขีดสุดเลย เป้าหมายที่ตั้งไว้คือหลังส่วนล่างของเย่เทียน

ถ้าไม่ใช่เย่เทียนความสามารถทรงพลัง และการตอบสนองว่องไว เกรงว่านี่ถ้าโดนเข้าจริง แย่ที่สุดต้องสลบหมดสติไปในไม่กี่วินาทีแน่

แต่อย่าลืมว่ายังมีโจรอีกสามคนที่จ้องหาโอกาสรอคอยอยู่ ถึงแม้เป็นเพียงช่วงเวลาไม่กี่วินาที ต่างพอทำให้เย่เทียนตายได้หลายครั้งเลย

ไม่ลงมือก็ดูทั่วไป พอลงมือก็โหดเหี้ยมทารุณ ไม่ตายก็เจ็บหนัก!

“คนหนึ่งระดับดำตอนต้น สองคนระดับเหลืองตอนปลาย คนหนึ่งระดับเหลือตอนกลาง ยังเป็นคนฝีมือดีจริงๆ นะ!”

เย่เทียนจ้องโจรทั้งสี่ตรงหน้าด้วยสีหน้ามีเลศนัย เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มบอกว่า “ดูท่าทางคนเบื้องหลังตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องเอาชีวิตฉันแล้ว?”

ระหว่างที่พูด บนตัวเขาตลบอบอวลไปด้วยแรงอาฆาตแค้นมหาศาลเต็มที่ ลักษณะพลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำให้คนเกิดความหวาดผวา!

ที่ตื่นตระหนกสุดคงหนีไม่พ้นชายที่เป็นเหยื่อล่อระดับดำตอนต้นคนนั้นที่แอบโจมตีเย่เทียนเมื่อสักครู่ ความสามารถของเขาแข็งแกร่งที่สุด รู้สึกได้ลึกซึ้งสุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาเพียงรู้สึกหนาวเหน็บจากปลายเท้าพุ่งถึงกระดูกสันหลัง ในที่สุดรัดเข้ากลางสมองโดยสมบูรณ์

ทันใดนั้น เขาอดกลั้นไม่ไหว แก้มที่เย็นเฉียบซีดเซียวลงมาอย่างอดไม่ได้

“เจ้า เจ้าหมอนี่สรุปเป็นใครกัน? ทำไมถึงมีแรงอาฆาตสยองขวัญขนาดนี้?”

ชายที่เป็นเหยื่อล่อกลืนน้ำลายแล้ว มองเย่เทียนแบบหน้าตื่นตระหนกเต็มที่ “ต่อให้ฉันเข้าร่วมแข่งชกมวยใต้ดินต่อยตายไปสามสิบกว่าคน แต่แรงอาฆาตยังไม่น่าตกใจเท่านี้ หรือว่ามือทั้งคู่ของเขายังเปื้อนเลือดสดมากกว่าฉันอีก?”