มาเรียลองหยั่งเชิงถามเธอ:“หลายปีก่อนพวกเราเคยเจอกัน เธอจำได้ไหม?”
หลินจือเงยมองไปที่เขา ก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ของมาเรียอย่างไรดี
ถ้าเธอตอบว่าเคยเจอ เท่ากับบอกมาเรียว่าเธอจำเรื่องครั้งนั้นได้ ถ้าเธอตอบว่าไม่เคยเจอ ก็จะเป็นการไม่ให้ความสำคัญต่อมาเรียอย่างมาก จากนิสัยแบบนั้นของมาเรียแล้ว ไม่แน่อาจจะอาจจนโกรธตรงนี้เลยก็ได้
แต่มันคนละเรื่องกัน ถึงแม้มาเรียนิสัยไม่ดีนัก แต่ใบหน้าของเขานั้นก็หล่อมาก เป็นที่น่าจดจำอย่างมาก ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเขาคงไม่ดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ และก็คงไม่ทะนงตัวมากขนาดนั้น
หลินจือคิด แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:“จำได้ค่ะ หน้าตางดงามเลิศล้ำของอาจารย์มาเรีย ฉันจะจำไม่ได้ได้ไงกัน”
อยู่ในที่ทำงานแบบนี้ หลินจือก็ต้องทำตัวละเอียดอ่อนหน่อย เลยปากหวานไปบ้าง
วันนี้เธอเผยโฉมแล้ว ต่อไปก็จะหลอมรวมเข้ากับวงการนี้มากขึ้น ควรจะมีมารยาททางสังคม เธอต้องเรียนรู้ให้เป็น
คำตอบของเธอยอมรับว่าตัวเองจำเรื่องนั้นได้ แต่ก็ยังชมหน้าตาของมาเรียด้วย ถือว่าไว้หน้ามาเรียเล็กน้อย
มาเรียพอใจคำตอบนี้ของเธอมาก จึงชูแก้วขึ้นไปที่เธอสื่อให้ทั้งสองดื่ม
หลินจือจิบพอเป็นพิธี ก็ได้ยินมาเรียถามว่า:“ใช่สิ ละครใหม่ของอาจารย์จอร์แดนเลือกนักแสดงหรือยัง?”
ในใจหลินจือก็เข้าใจทันที ที่แท้ก็เพื่อตัวละครนี่เอง
เมื่อก่อนหลินจือตามอยู่ข้างกายครูส ก็เคยเห็นเรื่องแบบนี้จำนวนมาก นักเขียนบางคนที่พอจะมีชื่อเสียง จะมีสิทธิ์และคุณสมบัติในการเลือกนักแสดง และยังสามารถแนะนำนักแสดงได้อีก
ดังนั้นเลยมีนักแสดงจำนวนมากที่จะไปหานักเขียนบท พยายามใช้วิธีการต่างๆเพื่อได้รับโอกาสในการแสดงบทบาทจากนักเขียนบท
แต่หลินจือไม่คิดว่าจากคุณสมบัติของเธอในตอนนี้ เธอจะมีอำนาจในการเลือกนักแสดง ไม่รู้ว่าทำไมมาเรียต้องมาพยายามตีสนิทกับเธอด้วย
แต่เธอก็ตอบไปตามความจริง:“ยังไม่เลือกนักแสดงค่ะ รายการความร่วมมือนี้เพิ่งจะออกมาเอง”
“อ้อ”มาเรียมองเธออย่างมีเลศนัย“ตอนนั้นฉันมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดอภัยให้ด้วย”
คำพูดนี้ของมาเรียเท่ากับว่าขอโทษหลินจือ และการขอโทษของเขานั้นมองปราดเดียวก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงอย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งก็คือหวังว่าจะเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรกับหลินจือ และยังบอกเป็นนัยกับหลินจือว่า ถ้าเลือกบทบาท ต้องนึกถึงเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทพระเอก
หลินจือยังคงมีรอยยิ้มอย่างเหมาะสม:“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะค่ะ”
หลินจือพูดอ้อมๆไปอย่างช้าๆสบายๆ สุดท้ายก็ไม่พูดว่าจะพิจารณาเลือกมาเรีย ทำให้มาเรียหงุดหงิดอย่างมาก
ละครของจอร์แดนเป็นสิ่งที่นักแสดงหลายคนอยากเล่น เพราะทุกเรื่องของจอร์แดนจะได้รับความนิยมจากผู้คนอย่างมาก ตั้งแต่พระเอกนางเอกไปจนถึงตัวประกอบทุกคน
ถ้าเป็นเด็กใหม่ ต้องโด่งดังขึ้นมาทันทีแน่
ถ้าเป็นนักแสดงเก่า ก็จะกลับมาดังได้อีก
ส่วนเขา ตอนนี้ต้องการโอกาสที่จะกลับมาดังแบบนี้อีกครั้ง
แต่นักเขียนบทตัวเล็กๆที่รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปนี้ เหมือนจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาแอบสื่อ ปากแข็งมาก
หรือเธออาจจะฟังออก แต่กลับทำเป็นไม่เข้าใจ
ในใจมาเรียทรมานอย่างมาก เมื่อกี๊ที่นักเขียนบทคนนี้เข้ามา ความสบายๆของเธอก็ดึงดูดสายตาของผู้ชายจำนวนมาก และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนแรกเขาจำไม่ได้ว่าจะเป็นนักเขียนบทคนนั้นที่เคยถูกเขาทำให้อับอาย ยังไง คนที่เขาเคยด่าก็มีตั้งเยอะ และตอนนั้นที่เขาเจอนักเขียนบทคนนี้เธอก็แต่งหน้าบางๆ แตกต่างกับผู้หญิงที่แต่งหน้าแต่งตัวสะดุดตาในคืนนี้โดยสิ้นเชิง
ต่อมาเทาเท่กับจอร์แดนแนะนำว่าเธอคือนักเขียนบทหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดน มีชื่อว่าฟิลคูล ชื่อนี้จึงทำให้เขาจำคนๆนี้ได้
หลังจากจำเรื่องนั้นได้ เขาก็อารมณ์เสียและเสียใจสุดๆ
ใครจะไปคิดว่าตอนนั้นเธอที่เป็นคนติดตามตัวเล็กๆ ตอนนี้จะกลายเป็นนักเขียนบทหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดนได้?
และใครจะไปคิดอีกว่า เขาที่ตอนนั้นโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ ตอนนี้ใกล้จะหายเข้ากลีบเมฆอยู่แล้ว?
ภายใต้ความที่ทำอะไรไม่ได้ เขาได้แต่หน้าด้านเดินตามนักเขียนบทคนนี้เพื่อจะพยายามตีสนิท พยายามทำตัวมีอยู่โดยการแนะนำตัวเองหากเธอเลือกนักแสดง
เขามาเรียไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องเอาใจคนอื่น แต่ช่วงนี้สถานการณ์ของเขาทำให้เขาทะนงตนไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีละครที่ทำให้คนดูจดจำเขาได้อีกแล้ว เขาก็คงจะถูกคัดออกไปจากวงการนี้จริงๆ
นึกแบบนี้ได้ เขาจึงกดอารมณ์ด้านลบในใจนี้ไว้ แล้วถามต่อไปด้วยรอยยิ้มว่า:“นักเขียนบทฟิลคูล ขอโทษนะคุณมีแฟนยัง?”
ถ้าไม่มี บางทีเขาอาจใช้ความเป็นชายนี้ จีบเธอก็เป็นได้ มีความรักกับเธอทำให้เธอมีจิตใจเบิกบานมีความสุข จากนั้นก็เอาตัวละครนี้ให้เขาอย่างไม่ลังเล
ใครจะไปรู้ว่านักเขียนบทคนนี้กลับตอบว่า:“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ”
ในใจมาเรียผิดหวังเล็กน้อย เขาเห็นเธออายุยังไม่มาก ก็คิดว่าเธอโสด
เธอบอกว่ามีแฟนแล้ว เขาก็คงไม่มีหน้าไปเสนอหน้าเพื่อที่จะแย่งแฟนคนอื่นหรอก?
ที่มาเรียไม่รู้ก็คือ ยังมีคนที่ดึงดันแย่งแฟนคนอื่น และคนนั้นยังเป็นเทาเท่เจ้าพ่อแห่งโลกธุรกิจอีก
ไม่ใช่ว่าหน้าด้านธรรมดาๆเลย
แต่ต่อมามาเรียก็คิดอีกว่า มีแฟนแล้วไม่เป็นไร แต่งงานแล้วก็ยังหย่ากันได้เลย แค่ได้ตัวละครนี้มา เขาไม่สนใจที่จะจีบสาวที่มีแฟนแล้ว
ในใจเพิ่งตัดสินใจว่าจะจีบนักเขียนบทตัวคนนี้ ก็ได้ยินเธอพูดอีกว่า:“ที่จริงฉันไม่ใช่แค่มีแฟนแล้ว แต่ฉันยังเคยแต่งงาน และหย่าด้วย”
มาเรีย:“……”
ผู้หญิงสมัยนี้เปิดกว้างขนาดนี้เลยเหรอ อายุยังน้อยก็แต่งงานหย่าแล้ว และสมัยนี้แป๊บเดียวก็มีแฟนอีกครั้ง
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่านักเขียนบทตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใสแล้ว ความคิดที่อยากจีบก็แผ่วลงไป
หลินจือพูดอย่างมีมารยาทอีกครั้งว่า:“ขอโทษนะคะอาจารย์มาเรีย ฉันยังมีธุระอีก ขอไปดูทางนั้นก่อน”
พูดจบเธอก็รีบก้าวเท้าออกไป ออกไปจากมาเรียอย่างไกล
หลินจือตระหนักได้แล้วว่ามาเรียคิดอะไรอยู่ ดังนั้นจากนั้นเธอจึงเสริมไปว่าตัวเองแต่งงานแล้วก็หย่าแล้วด้วย จงใจให้มาเรียถอยไปกลางคัน
เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้เจอเทาเท่
หลินจือปวดหัวมาก คืนนี้เขาแย่มาก เธอเดินไปไหนเขาก็แทบจะตามไปหมด
หลินจือกลัวสุดๆ ยังไงเธอก็เผยโฉมแล้ว ถ้าถูกคนนอกจับความคลุมเครือระหว่างเธอกับได้เทาเท่ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร?
ดังนั้นเธอเห็นเทาเท่เดินเข้ามา จึงรีบถอยไปด้านข้าง เว้นระยะห่างกับเขา
เทาเท่โกรธแทบตาย เท้ายาวๆก้าวไปทางเธออีกครั้งแล้วกัดฟันพูดเสียงต่ำ:“ผมกินคุณได้หรือไง?”
หลินจือบอกไปตามตรง:“มันจะส่งผลกระทบไม่ดี ยังไงตอนนี้ฉันก็เผยหน้าไปแล้ว”
เทาเท่:“……”
ที่แท้เขาสนับสนุนให้เธอเปิดเผยโฉม ในทางตรงข้ามกลับทำให้เธอยิ่งอยู่ห่างจากเขา?
แก้วไวน์ที่บีบแน่นอยู่ในมือ เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า:“อยู่ให้ห่างมาเรียหน่อย คุณมองไม่ออกเหรอไง เขามาเข้าใกล้คุณเพราะว่าบทบาท พยายามเอาความเป็นชายมาทำให้คุณสับสน”
หลินจือ:“……”
คำพูดที่เขาพูดนี้ทำให้คนไม่อยากฟังจริงๆ เหมือนว่าเธอทะลึ่งมากอย่างนั้น