บทที่ 209 ถูกเอาแฟนไป

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

“ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เลยไม่ถูกหลงเสน่ห์เพราะความเป็นชายของเขา!”หลินจือพูดอย่างโมโห พูดจบจึงจะเดินออกไป

เธอยอมรับว่า เมื่อก่อนเธอเคยหลงเสน่ห์ความเป็นชายของเทาเท่ แต่ครั้งนั้นก็เพียงพอแล้ว

เสียทั้งกายทั้งใจ และยังเสียการเสียงาน ไม่คุ้มค่าสุดๆ

เทาเท่เถิบไปด้านข้างขวางเธอ ขมวดคิ้วถามเธอเสียงทุ้มต่ำไปว่า:“คุณรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร?คุณรู้ได้ไง?”

“เมื่อก่อนเขาเคยแสดงเรื่องหนึ่ง ที่ฉันเคยเขียนบทละครอยู่สองสามบท”หลินจือพูดจบก็รีบหนีเขาไป สถานการณ์แบบนี้พวกเราเป็นคนแปลกหน้ากันดีกว่า

แต่เทาเท่กลับไม่วางใจมากนัก ดวงตาสีดำจ้องไปทางที่เธอออกไปอย่างคิดอะไรบางอย่าง

เสียงวิจารณ์ในวงการของมาเรียไม่ดีนัก ไม่งั้นหลายปีนี้ก็คงไม่ถดถอยลงเรื่อยๆแบบนี้หรอก

ที่จริงนักแสดงก็เป็นอาชีพๆหนึ่ง วงการบันเทิงก็เทียบกับสถานที่ทำงาน บุคลิกนิสัยของคนๆหนึ่งก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตอนมาเรียยังวัยรุ่นนั้นดูดีอย่างมาก แต่พอมีชื่อเสียงแล้ววางมาดเอาใจยากต่างๆ ทำให้หลายๆคนขุ่นเคือง นานๆไปก็ไม่มีใครอยากไปร่วมงานกับเขา

บวกกับเทคนิคการเล่นของเขาไม่พัฒนาเลยในหลายปีนี้ มีดีแค่หน้าตาอย่างเดียวก็ไปได้ไม่ไกล ยังไงวงการบันเทิงก็มีคนหน้าตาดีมากมายอยู่แล้ว

เมื่อกี๊ที่เทาเท่เงยตามองหาหลินจือ ก็เห็นมาเรียไปใกล้เธอ เขามองออกแผนการของมาเรียออกทันที ไม่มีอะไรมากไปกว่าบทบาทละครใหม่ของจอร์แดนนี้

เทาเท่ยิ้มอย่างเยือกเย็น มาเรียอยากได้บทบาทของเรื่องนี้ แต่เทคนิคการแสดงก็เพียงพอที่จะโยนเขาออกไปไกล

ทำไมละครของจอร์แดนทำให้คนดังขึ้นมาได้เยอะ?

นั่นเพราะว่าจอร์แดนมีความต้องการต่อนักแสดงที่ร่วมงานกันสูงมาก ถ้าเทคนิคการแสดงไม่ดีพอ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกเขา

จากนั้นเทาเท่ก็โทรหาจอนห์ ให้จอนห์สืบว่าเมื่อก่อนมาเรียเคยมีปัญหาอะไรกับหลินจือหรือไม่

ว่ากันตามเหตุผลแล้วถ้าคืนนี้หลินจือกับมาเรียเจอกันเป็นครั้งแรก ก็คงไม่คุยกันมากขนาดนั้น และน้ำเสียงที่หลินจือพูดถึงมาเรีย ชัดเจนว่ามาพร้อมกับการขับไล่

เธอเป็นคนที่นิสัยอบอุ่น น้อยมากที่จะแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมากับผู้คน

อย่าให้เมื่อก่อนมาเรียเคยรังแกหลินจือเลย ไม่งั้นเขาจะให้มาเรียหายไปจากวงการบันเทิงโดยสิ้นเชิง

สิบนาทีถัดมา จอนห์โทรกลับหาเทาเท่

จอนห์ทำอะไรมีประสิทธิภาพอย่างมากมาเสมอ เขาบอกว่าสืบละครเรื่องนั้นของมาเรียที่หลินจือเข้าร่วมเขียนบท และติดต่อผู้กำกับเรื่องนั้นทันที ดังนั้นจึงถามมาได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น

ตอนที่จอนห์เอาที่ผู้กำกับคนนั้นบอกมาเล่าให้เทาเท่ฟัง สีหน้าเทาเท่หม่นลงจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาได้

เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนนั้นเป็นภาพอย่างไร ดาราที่ดังสุดๆคนหนึ่ง กับนักเขียนบทมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมา หลินจือต้องถูกด่าซะเละแน่

ตอนนั้นมาเรียปฏิบัติต่อหลินจือขนาดนั้น ตอนนี้ทำไมถึงยังมีหน้าไปหาหลินจือเพื่อพยายามได้ตัวละครนี้มาอีก?

ฝันไปเถอะ

หลังจากงานเลี้ยงจบลง หลินจือนั่งรถตู้ของนานิกลับไปด้วยกัน ยังไงซะตอนนี้ทั้งสองคนก็พักอยู่หมู่บ้านเดียวกัน สะดวกอย่างมาก

ส่วนจอร์แดนกลับโรงแรมที่เขาพัก จอร์แดนกับหลินจือตกลงว่าพรุ่งนี้จะไปย่านชานเมืองด้วยกัน จอร์แดนอยากแสดงความเคารพต่อแม่บุญธรรมของหลินจือ ขอบคุณเธอที่ตอนนั้นเลี้ยงดูและดูแลเอาใจใส่หลินจือ

เทาเท่กลับบ้านเองคนเดียว อาบน้ำเสร็จเขาก็พิงราวระเบียงห้องนอนตัวเองอย่างเบื่อหน่าย ตามองไฟสลัวของห้องหลินจือที่อยู่ข้างๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

ค่ำคืนที่ยาวนาน ทั้งสองต่างดื่มเหล้า เดิมทีที่น่าจะทำอะไรเร่าร้อน

แต่พอคิดถึงสภาพหลินจือที่เย็นชาไม่สนใจเขาทั้งวัน เขาก็หมดหวังและเงยหน้าถอนหายใจยาวๆ เขายังไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ ถึงจะได้ทำอะไรกับเธอจริงๆเสียที

เขาที่ยังรู้สึกโกรธอยู่ ได้แต่หันกลับไปที่ห้องนอน

กลุ่มวีแชทในโทรศัพท์เป็นโซเมนกำลังพูดอยู่พอดี เทาเท่พูดอย่างเซ็งๆว่า:“แกออกความเห็นโง่ๆอะไรกัน?ไม่ได้บอกว่าใช้คำพูดน่าประทับใจมาโกหกแล้วจะได้ผลเหรอ?ทำไมเธอไม่สนฉัน?”

โซเมนเงียบไปสักพัก จากนั้นตอบไปว่า:“เท่ ฉันเพิ่งจะคิดอย่างจริงจัง เหมือนว่าวิธีนี้ไม่ค่อยเหมาะกับนายและหลินจือ”

“เมื่อก่อนนายไม่ไยดีหลินจือ ตอนนี้จู่ๆก็มาพูดจาหวานๆกับเธอ มันกะทันหันเกินไปจริงๆ”

ถูกโซเมนพูดแบบนี้ เทาเท่รู้สึกว่าเขาวิเคราะห์ได้มีเหตุผล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคืนนี้ที่เขาแสดงออกว่ามองหลินจืออย่างไรก็ไม่เบื่อ เธอก็ดูต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด

เทาเท่โกรธมาก:“ห่าทำไมนายไม่รีบพูดล่ะ?”

น้ำเสียงโซเมนดูเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างมาก:“เรื่องความรักนี้ ไม่สามารถใช้วิธีตามคนอื่นได้อยู่แล้ว ฉันบอกแนวทางไป แต่นายจะเอาไปใช้โดดเลยไม่เปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้”

“นายต้องยึดตามสถานการณ์ระหว่างนายกับหลินจือ และนิสัยของหลินจือมาปรับลูกเล่นบางอย่างให้เหมาะสม”

ไวท์ก็พูดขึ้นมาในกลุ่มตอนนี้:“เท่ก็รีบเห็นผลสำเร็จทันที”

รีบร้อนอยากได้หลินจือกลับมา ดังนั้นเลยคิดว่าโซเมนที่เอาใจสาวๆเก่งจะพูดถูก ดังนั้นเลยไปใช้ที่หลินจืออย่างหมดเปลือก

นทีบดีพูดจากประสบการณ์ไปว่า:“เรื่องจีบผู้หญิงนี้จะใจร้อนเกินไปได้ไง?ค่อยเป็นค่อยไป พอเวลาผ่านไปนานแล้วเขาจะเห็นความดีนายเอง”

เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ได้หัวใจของภรรยามาแบบนี้ ค่อยๆปลูกฝังความรักรอบตัวๆเธอ พอเวลาผ่านไปนานๆก็จะรักเอง

โซเมนพูด:“เท่ ฉันมีข้อเสนอที่ดูเป็นผู้ใหญ่หน่อย ฉันว่าตอนนี้นายสามารถรักษาระยะห่างกับหลินจือในเวลาที่เหมาะสมได้แล้ว”

เทาเท่อยากส่งเครื่องหมายคำถามไปให้โซเมน:“ใครกันที่ก่อนหน้านี้บอกฉันว่าต้องยืนหยัด?และตอนนี้แกมาให้ฉันรักษาระยะห่างเนี่ยนะ?”

“ก่อนหน้านี้เพราะว่านายเพิ่งจะแสดงความรู้สึกกับเธอไปไม่ใช่เหรอ ให้นายยืนหยัดเพื่อแสดงความมีอยู่ต่อหน้าเธออย่างบ้าคลั่ง ยังไงข้างกายเธอก็มีโจมอนไอดอลวัยรุ่นนั่น และก็เจเทาวน์มนุษย์ลุงคนนั้น”

“แต่ตอนนี้นายทำอะไรหลายๆอย่างให้เธอทั้งต่อหน้าลับหลัง เธอจะต้องประทับใจนายอยู่ลึกๆแน่ ตั้งแต่นี้ไป รักษาระยะห่างอย่างพอเหมาะจะต้องกระตุ้นความสนใจของเธอที่มีต่อนายแน่”

เทาเท่รับไม่ได้ที่ต้องรักษาระยะห่างกับหลินจือ เขาคิดว่าถ้ารักษาระยะห่างต่อไป เธอก็จะยิ่งไม่สนเขา

“งั้นแล้วแต่นายละกัน”โซเมนก็ได้แต่พูดแบบนี้

เทาเท่วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงเพื่อเตรียมหลับ แต่ว่าก็นอนไม่สบายเลยทั้งคืน

กำลังพะว้าพะวังว่าจะรักษาระยะห่างหลินจือ หรือว่าควรยืนหยัดกับเธอต่อไปดี

ช้าวันถัดมาเทาเท่ไปวิ่งข้างนอกตอนเช้า พอกลับมาก็เห็นในมือเจเทาวน์ถืออาหารเช้ามาที่หน้าบ้านหลินจือ

เทาเท่ชะงักฝีเท้าแล้วขมวดคิ้วถามเขาว่า:“คุณกลับมาได้ไง?”

เจเทาวน์พูดยิ้มๆ:“ถ้าผมยังไม่กลับมาอีก ก็คงถูกคนเอาแฟนไป”

คำพูดนี้ของเจเทาวน์แอบแดกดันเทาเท่อย่างชัดเจน เทาเท่พูดด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น:“แฟน?คุณกล้ามองตาผมแล้วสาบานไหมว่า พวกคุณสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ?”

เจเทาวน์เม้มริมฝีปาก

ทำไมเทาเท่เฉียบคมแบบนี้ ดันมาสงสัยความสัมพันธ์ของเขากับหลินจือ?