แต่ว่าเจเทาวน์ก็เป็นคนที่สงบนิ่งมาก ถามย้อนอย่างไม่สะทกสะท้าน:“ประธานเทาเท่ นี่คุณพูดอะไร?ใครบ้างที่คบกันและไม่จริงจัง?”
เจเทาวน์รู้ว่าเขาหมายความว่าไง แต่ก็ยังจงใจอ้อมค้อมหลีกเลี่ยงคำถามสำคัญไม่พูดถึง
เทาเท่มองออกทันที เขาหงุดหงิดมาก ไม่อยากพูดจาเหลวไหลกับเจเทาวน์ที่นี่
เพราะว่าเขาเงยมองไปที่เจเทาวน์แล้วถามเสียงคมกริบ:“พวกคุณเคยจูบกัน?”
เจเทาวน์เลิกคิ้วขึ้น ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี
เขากับหลินจือไม่เคยจูบกันอยู่แล้ว และแม้แต่มือก็ยังเคยจูงแค่ครั้งเดียว ตอนที่เข้าไปในห้องคนไข้ของแม่เขา
ถึงในใจเขาจะเห็นเธอเป็นแฟนจริงๆจังๆ อยากเอาใจเธออยากปกป้องดูแลเธออย่างดีแค่ไหน แต่ในใจหลินจือเห็นเขาเป็นเพื่อน เป็นเจ้านายที่บริษัท
ดังนั้น ถึงเขาอยากทำอะไรกับเธอมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าในใจเธอไม่ยินยอม ดังนั้นทั้งสองจึงไม่เคยข้ามเส้นกันเลย
เห็นเจเทาวน์ไม่พูด เทาเท่ถามอย่างบีบบังคับไปว่า:“คุณกล้าจูบเธอต่อหน้าผมไหมล่ะ?”
เจเทาวน์ยกมือขึ้นกุมศีรษะ ยังคงอ้อมค้อมไปว่า:“ประธานเทาเท่ ผมกับเธอไม่ชินที่จะต้องชิดใกล้กันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น”
เทาเท่หัวเราะอย่างเยือกเย็น:“เธอไม่รักคุณ เธอจูบไปเธอต้องปฏิเสธแน่”
หลินจือเคยรักเขา ดังนั้นเขารู้ว่าตอนที่เธอจมอยู่ในความรัก จะจูบอย่างไร
ถ้าหลินจือไม่ปฏิเสธเจเทาวน์ที่จูบเธอ ถ้าหลินจือรักเจเทาวน์จริงๆ เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป
ยอมที่จะเดิมพันถึงแพ้ก็จะยอมรับ
เจเทาวน์รู้ว่าเทาเท่บีบเขาแบบนี้ทำไม เทาเท่สงสัยความสัมพันธ์ของเขากับหลินจือ ดังนั้นจึงบีบบังคับพวกเขาให้เปิดเผยออกมาด้วยวิธีนี้
แต่เขาจะเป็นคนที่ปล่อยให้เทาเท่ชักจูงได้ที่ไหนกัน ดังนั้นเขาจึงเก็บรอยยิ้มแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“ประธานเทาเท่ คุณพูดจาล้ำเส้นไปแล้ว ผมแนะนำให้คุณกลับบ้านไปอาบน้ำทำจิตใจให้สงบ”
เจเทาวน์พูดจบก็ก้าวเท้าไปกดออดประตูของหลินจือไม่อยากสนเทาเท่อีก
เทาเท่ในเวลานี้ เหมือนคนบ้าที่เสียสติ
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก ก็คงไม่ทำแบบนี้
เสียงออดประตูดังรอให้หลินจือมาเปิดประตู เจเทาวน์หันหน้าเหลือบไปมองเทาเท่ ก็เห็นเขายังไม่กลับบ้าน ยืนตัวตรงกอดอกอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งๆ รอดูหลินจือมาเปิดประตูให้เขา
เจเทาวน์คิดว่าเขาน่ารังเกียจเล็กน้อย และน่าสงสารหน่อยๆ
แต่เจเทาวน์ไม่อยากสนใจเขา แป๊บเดียวหลินจือก็มาเปิดประตู
เพราะว่าอากาศเย็นลง เธอจึงห่อตัวด้วยชุดนอนหน้าฟูสีขาวปรากฏตัวที่หน้าประตู
เห็นเป็นเจเทาวน์ตรงหน้าบ้านตัวเอง เธอก็ตกใจอย่างมาก:“ประธานเจเทาวน์ คุณมาได้ไง?”
เจเทาวน์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอาใจ:“ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับมาเตรียมเปิดเครื่อง?เมื่อคืนนั่งไฟล์ทสี่ทุ่มกว่ากลับมา กลัวรบกวนเวลานอนคุณลยไม่ได้ติดต่อมา”
หลินจือเปิดประตูให้กว้างขึ้น:“รีบเข้ามาเถอะค่ะ”
“อือ”เจเทาวน์ตอบไป จากนั้นหันไปโบกมือให้เทาเท่ตรงด้านนอก พูดอย่างสบายๆว่า“ประธานเทาเท่ บ๊ายบาย”
หลินจือชะโงกหน้าออกมาอย่างตกใจ ก็เห็นเทาเท่ที่ทำหน้าเย็นชาอยู่
เขาน่าจะเพิ่งกลับมาจากวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ที่ตัวยังมีชุดออกกำลังกายสีดำ
พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอากาศก็เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เมื่อคืนอุณหภูมิลดลงสองสามองศากะทันหัน หลินจือตื่นเช้ามาก็รีบหาชุดอยู่บ้านหนาๆมาสวม ส่วนเทาเท่ที่อยู่ด้านนอกดันสวมแขนสั้นขาสั้น
เธอมองก็หนาวแล้ว มองแค่แวบเดียวหลินจือก็ชักกลับไปทันที ทำเป็นไม่เห็นเทาเท่ ยกมือขึ้นดึงเจเทาวน์เข้าไป รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เทาเท่โกรธมาก
เขายิ่งสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับเจเทาวน์มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบหาทางให้พวกเขาพูดความจริงออกมา
ตั้งกลุ่มมาเล่นเกมความจริงหรือกล้าแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เลว
ถึงตอนนั้นเธอเลือกความจริง ก็ถามเธอว่ารักเจเทาวน์หรือไม่
หลังจากเจเทาวน์กับหลินจือเข้าห้องไป เจเทาวน์เอาอาหารเช้าที่ตัวเองเอามายื่นให้หลินจือ:“ผมตื่นเช้ามาทำ”
หลินจือดีใจอย่างมาก:“ขอบคุณค่ะ ฉันยังไม่ได้กินอะไรพอดีเลย กินด้วยกันละกัน”
หลินจือพูดไปก็ไปห้องครัวหยิบจานชามออกมา ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องทานข้าวที่สว่างกินอาหารเช้าอย่างสบายๆ
เจเทาวน์เอาคำพูดที่เทาเท่พูดอยู่ข้างนอกมาพูดสรุปให้หลินจือ หลินจือเกือบสำลักโจ๊กในปาก
“เขาประสาทหรือเปล่า?”เทาเท่มาให้เจเทาวน์จูบเธอต่อหน้าเขาเนี่ยนะ หลินจือโกรธสุดๆ
เจเทาวน์ยื่นทิชชูให้เธออย่างใส่ใจ:“เขาต้องสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเราแน่”
หลินจือส่งเสียงฮึดฮัด:“เขาสงสัยหรือไม่ พวกเราแค่ทำของเราไปก็พอแล้ว”
เจเทาวน์พูดอย่างรู้สึกผิด:“ขอโทษนะ ที่สร้างความยุ่งยากให้คุณ”
หลินจือรีบพูด:“คุณอย่าพูดแบบนี้สิ ยุ่งยากอะไรกัน?”
คิดถึงตรงนี้หลินจือก็พูดอย่างโมโหว่า:“คนที่สร้างความยุ่งยากให้ฉันคือเทาเท่โอเคไหมคะ”
เดิมทีเธอแค่ช่วยเจเทาวน์เฉยๆ แกล้งเป็นแฟนเขาให้แม่เขาสบายใจ ใครจะไปรู้ว่าเทาเท่เข้ามาพัวพันยุ่งกับเธอไม่จบไม่สิ้น จนทำให้ชีวิตของเธอยุ่งเหยิง
เจเทาวน์ไม่ได้อยู่บ้านของหลินจือนานมากนัก กินเสร็จก็ไปออกไป
อย่างแรกหลินจือนัดกับจอร์แดนแล้วว่าจะไปข้างนอก อย่างที่สองที่บริษัทก็ยังรอเขาให้ไปจัดการ
หลินจือเรียกรถ แล้วไปโรงแรมของจอร์แดนเพื่อไปรับจอร์แดน แล้วทั้งสองก็ไปที่ชานเมืองด้วยกัน
แม่บุญธรรมของหลินจือดึงดันจะฝังตัวเองที่ชานเมือง เพราะไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับชาร์ลี ถ้าเธอไม่ป่วยแล้วตายกะทันหัน หลินจือคิดว่ายังไงเธอก็จะขอชาร์ลีหย่า
จอร์แดนซื้อดอกไม้มาช่อหนึ่ง โค้งคำนับที่หน้าหลุมศพแม่บุญธรรมหลินจืออย่างเคร่งขรึม
ถ้าไม่มีเธอ บางทีอาจจะไม่มีวันนี้ของลูกสาวเขาแล้ว
ถึงแม้สองพ่อลูกชาร์ลีจะไว้ใจไม่ได้ แต่แม่บุญธรรมหลินจือคนนี้จริงใจกับหลินจือมาก สนับสนุนให้หลินจือเรียนหนังสือมาตลอด
จอร์แดนได้ยินหลินจือเคยพูดว่า ชาร์ลีไม่อยากให้เธอเรียนต่อตั้งนานแล้ว อยากให้เธอออกไปทำงานช่วยที่บ้านหาเงิน แต่แม่บุญธรรมเธอยืนหยัดหลินจือจึงมีโอกาสเรียนถึงมหาวิทยาลัย
ทั้งสองกราบเคารพแม่บุญธรรมของหลินจือเสร็จ ก็เดินเที่ยวรอบๆ
อากาศทางชานเมืองดีและสวยงาม ไม่ได้เจอบ่อยๆ เลยต้องเดินเล่นสักหน่อย
จอร์แดนอยู่เมืองเจสเวิร์ดนานมากไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยทะนุถนอมช่วงเวลาที่อยู่กับหลินจือ
ก่อนฟ้ามืดทั้งสองนั่งรถกลับเมืองเจสเวิร์ด สุดท้ายระหว่างทางหลินจือได้รับสายของนานิ บอกว่าเธอกับจอร์แดนขึ้นฮอตเสิร์ช และเนื้อหาไม่ดีด้วย
หลินจือสาวสายเสร็จเข้าเวยป๋อทันที จึงเห็นว่ามีคนสร้างข่าวว่าเธอกับจอร์แดนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกัน เธอถูกด่าอย่างแรงจนน่าสังเวช
ต้องรู้ว่าเมื่อคืนเธอเพิ่งเผยโฉมและขึ้นฮอตเสิร์ช คนจำนวนมากชมว่าเธอสวยดูดีและเก่ง
หัวข้อข่าวคือ:ที่แท้นักเขียนบทสาวสวยก็ไต่เต้ามาแบบนี้ เนื้อหาข้อความด้านล่างบอกว่าเธอใช้ความสวยเข้าหาจอร์แดน จึงมีโอกาสได้เขียนบทละครหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดน
ไม่ใช่แค่นี้ บทความนี้ยังตำหนิประชดประชันจอร์แดนอย่างแรง บอกว่าเขาที่มีภาพลักษณ์ผู้ชายที่ดีมาตลอดหลายปีนี้ล้วนแต่เสแสร้ง ที่จริงแล้วชีวิตส่วนตัวของเขาก็เละเทะสุดๆ