เล่มที่ 12 เล่มที่ 12 ตอนที่ 353 พระชายาชุบเลี้ยงข้าด้วยเถิด เขยแต่งเข้า

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ใบหน้างดงามราวอิสตรี ทว่าทุกจุดบนใบหน้ายังมีความหล่อเหลาคมสันดั่งบุรุษ รูปหน้าขับเน้นให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวน อย่างไรก็ตาม หากบอกว่าเป็นบุรุษ คงไม่มีบุรุษคนใดในโลกที่มีใบหน้างดงามถึงเพียงนี้อีกแล้วกระมัง?

ซูจิ่นซีกล้ายืนยันว่าใบหน้านี้งดงามที่สุดในใต้หล้า แม้เยี่ยโยวเหยาที่หล่อเหลาเย็นชาและจิ่วหรงที่สง่างามดั่งเทพจุติ ทั้งสองมีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ทำให้ซูจิ่นซีตกตะลึงในความหล่อเหลานั้น ทว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากลับหล่อเหลามากกว่าพวกเขาทั้งสองอยู่สามส่วน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พิเศษกว่าก็คือดวงตาทั้งสองที่เปล่งประกายทรงเสน่ห์ราวกับสามารถดูดวิญญาณผู้คนที่ได้สบตา ดวงตาคู่นั้นสว่างไสวดั่งดวงดาว สุกสกาวบริสุทธิ์

ใช่แล้ว สุกสกาวบริสุทธิ์ สุกสกาวบริสุทธิ์เหมือนดวงตาของเด็กน้อยไร้เดียงสา ทว่าเมื่ออยู่คู่ใบหน้านี้ กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ

“อึ้งไปเลยหรือ? ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแย้มยิ้มทรงเสน่ห์ พลางยื่นมือโบกไปมาเบื้องหน้าซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีกล้าสาบาน นางไม่ใช่คนที่หลงใหลในความงาม ยิ่งไม่หลงเสน่ห์ในความหล่อเหลาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทว่าเป็นเพียงความประหลาดใจ เป็นความประหลาดใจเท่านั้น ไม่ว่าผู้ใด เมื่อเห็นใบหน้าเช่นนี้อย่างกะทันหันก็ต้องประหลาดใจเหมือนนางแน่นอน

“จอมวายร้ายไป๋เฉ่า เจ้าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วถาม

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าส่งสายตาเย้ายวน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูซูจิ่นซี “ทำไม? เจ้าสงสัยว่าพี่จุนไม่ใช่บุรุษหรือ? เช่นนั้นเรามาลองดูกันดีหรือไม่? ”

“ไปให้พ้น! ”

ซูจิ่นซีไล่ตะเพิดจอมวายร้ายไป๋เฉ่าโดยไม่มีท่าทีลังเล พลางถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อสร้างระยะห่างกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเอนไปหาซูจิ่นซี ทำตัวติดหนึบเหมือนแผ่นกอเอี๊ยะ ก่อนจะยื่นแขนให้นาง “แม่นางพิษน้อย ข้าถูกพิษ เจ้าถอนพิษให้พี่จุนด้วยเถิด! ”

ซูจิ่นซีไม่ชายตามองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแม้แต่น้อย “เพียงพิษเล็กน้อย เจ้าถอนเองไม่ได้หรือ? ”

ใบหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังคงปรากฏรอยยิ้มเช่นเคย เขาดึงเข็มที่ปักอยูบนหน้าอกออกและยัดเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นจึงทานยาหนึ่งเม็ดที่หยิบออกมาจากอกเสื้อ

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไปหาซูจิ่นซี พลางพูดว่า “แม่นางพิษน้อย พี่จุนปวดหัวใจจริงๆ เจ้าช่วยเหลือพี่จุนด้วยเถิด”

ซูจิ่นซียังคงไม่ไว้หน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเช่นเดิม นางหันหลังเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ ก่อนจะหยิบหนังสือที่อ่านไปแล้วครึ่งหนึ่งขึ้นมาอ่านต่อ “ออกประตูไปเลี้ยวซ้าย ในซอยที่สามมีร้านยา เชิญตามสบาย! ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเดินรุกไล่เข้าไปอีก เขายื่นศีรษะไปประจันหน้ากับซูจิ่นซี “หากให้หมอที่ร้านยารักษา พี่จุนจะไม่เสียเปรียบหรือ? ไม่รู้ว่าเขาจะรักษาอาการป่วยของพี่จุนได้หรือไม่ ทั้งพี่จุนยังต้องเสียประโยชน์โดยการเปิดเผยความงามของตนเองอีก แม่นางพิษน้อยช่วยเหลือพี่จุนด้วยเถิด! อย่างน้อยเจ้าก็เอาเปรียบพี่จุนไปแล้ว พี่จุนให้เจ้าชมใบหน้าอันหล่อเหลาของพี่จุนโดยไม่คิดค่าตอบแทนเชียวนะ ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าติดหนึบไม่ยอมปล่อยเหมือนกอเอี๊ยะจริงๆ

ดวงตาของซูจิ่นซีเปล่งประกาย ทั้งยังแสดงสีหน้าแปลกประหลาด นางวางหนังสือในมือลง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากสดใสจนเห็นฟันขาวให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่า “ได้! ข้าช่วยเจ้าก็ได้ ยื่นมือออกมา! ”

หากตอนนี้มีผู้อื่นอยู่รอบข้าง พวกเขาต้องมองเห็นสีหน้าผิดปกติของซูจิ่นซีเป็นแน่ ทว่าน่าเสียดาย จอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่สนใจแต่รุกไล่เกี้ยวพาราสีซูจิ่นซีกลับมองไม่เห็น เขายื่นแขนออกไปยังเบื้องหน้าซูจิ่นซีด้วยความดีใจ

แววตาซูจิ่นซีเผยเลศนัย นางวางนิ้วลงตรวจชีพจรของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า “ปวดหัวใจนานเท่าไรแล้ว? ”

“ยังไม่นาน หลังจากได้ข่าวที่แม่นางพิษน้อยฝากองครักษ์เงามาบอก ข้าก็เริ่มปวดแล้ว”

“โอ้? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว

ใบหน้าหล่อเหลาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแสดงท่าทีเจ็บปวด “แม่นางพิษน้อย เจ้าช่างใจคอโหดร้าย พูดว่าจะทำลายหุบเขาเทพโอสถของพี่จุน พี่จุนจะไม่เจ็บปวดใจได้หรือ? ไม่ต้องพูดถึงหุบเขาเทพโอสถเพียงแห่งเดียว ต่อให้เป็นหุบเขาเทพโอสถอีกสิบแห่ง หรือหุบเขาเทพโอสถยี่สิบแห่ง ขอเพียงแม่นางพิษน้อยต้องการ พี่จุนจะมอบให้ถึงมือ เหตุใดจึงพูดว่าจะมาทำลายด้วยตนเอง? ”

ซูจิ่นซีหรี่ตามองจอมวายร้ายไป๋เฉ่า “โอ้? เจ้าพูดจริงหรือ? ”

“ข้าพูดจริง! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายืนยันหนักแน่น

“ตกลง! ข้าต้องการหุบเขาเทพโอสถ นำโฉนดที่ดินออกมา! ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะพูดความต้องการออกมาตรงๆ เช่นนี้ ทว่าเขาก็ตอบรับด้วยความสุขใจ “ไม่มีปัญหา กลับไปข้าจะมอบโฉนดที่ดินของหุบเขาเทพโอสถให้เจ้า ทว่า… ”

“มีเงื่อนไขอันใด? ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแย้มยิ้มพลางยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้แก้มของซูจิ่นซีอีกครั้ง “ทว่าสิ่งนี้จะเป็นสินสอดของพี่จุน เมื่อเจ้ากับเยี่ยโยวเหยาหย่าขาดจากกัน แล้วพี่จุนแต่งงานกับเจ้า เจ้าจะได้ไม่เสียเปรียบ”

“เจ้าแต่งงานกับข้า” ซูจิ่นซีหรี่ตาลงอย่างเชื่องช้า

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่เห็นแววตาเย็นชามีเลศนัยของนางจริงๆ หรือแสร้งทำเป็นไม่เห็นกันแน่ เขาหัวเราะอย่างมีความสุข “แน่นอน สตรีแต่งให้บุรุษ ครองคู่อบอุ่น บุรุษแต่งให้สตรี ถืออิฐทองเข้าเรือน มั่งคั่งร่ำรวย พี่จุนแต่งให้เจ้า ทำให้เจ้ามีความสุขร่ำรวย”

“ฝันไปเถิด! ”

แววตาของซูจิ่นซีเผยความดุดัน นางกระชากเสียงใส่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพลางแทงเข็มไปที่เขาอย่างรวดเร็ว

“โอ้ย… ซื๊ด… ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าร้องเสียงดัง ทว่าเวลานี้เขาอยู่ในคฤหาสน์ของเยี่ยโยวเหยา เกรงว่าจะทำให้องครักษ์เงาของเยี่ยโยวเหยาตกใจจึงเงียบเสียงลงทันที เขาลุกขึ้นจากที่นั่งพลางยืนหมุนอยู่หลายรอบจนหลังชนเข้ากับผนังข้างประตู ก่อนจะยืนพิงกำแพงมองแขนที่ถูกซูจิ่นซีทำร้ายด้วยความเจ็บปวด

เมื่อครู่ซูจิ่นซีแสร้งทำเป็นตรวจชีพจรให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าตามปกติโดนไม่เผยพิรุธ ทั้งยังแสร้งสนทนากับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอย่างสนใจ

แท้จริงแล้ว นางสนทนากับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและลงมือวางยาพิษเขา ทั้งนางยังใช้เข็มเหมันต์เทวะในการวางยาพิษอีกด้วย

นี่เป็นพิษที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่สามารถกำจัดได้

เพียงพริบตาเดียว แขนของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง

เขาขมวดคิ้วยืนแขนสั่น “แม่นางพิษน้อย เจ้าใจร้ายยิ่งนัก! หากพี่จุนแต่งเข้าเรือนเจ้าแล้ว ต่อไปจะต้องถูกเจ้ารังแกเป็นแน่! ”

ซูจิ่นซีเดินเข้าไปหาและดึงเข็มเหมันต์เทวะออกจากแขนของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทั้งยังเช็ดคราบเลือดกับเสื้อของเขาด้วยท่าทีรังเกียจ ก่อนจะเก็บเข็มเงินลงในกระเป๋าใส่เข็ม

“ไปให้พ้น! ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจและถือโอกาสนี้คิดบัญชีที่เจ้าหลอกข้าไปยังแดนต้องห้ามของสกุลจง”

ซูจิ่นซีชักสีหน้าเย็นชา จากนั้นจึงเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้พลางหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่านตามเดิม

แม้รอยยิ้มของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าเขายังพยายามส่งยิ้มให้ซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายกับพี่จุนเช่นนี้! พี่จุนไม่มีเจตนาร้ายกับเจ้าแม้แต่น้อย”

“ไม่มีเจตนาร้ายหรือ? ” ซูจิ่นซีชักสีหน้า มองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยสายตาเย็นชา “ไม่มีเจตนาร้าย เช่นนั้นเงื่อนไขที่เจ้าให้ข้ากับเยี่ยโยวเหยาไปที่แดนต้องห้ามของสกุลจงเพื่อค้นหาเมล็ดพันธุ์ทั้งสิบสองชนิดนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่จุดประสงค์เดิมของเจ้าใช่หรือไม่? เช่นนั้นเป้าหมายของเจ้าคือสิ่งใดกันแน่? ”