“มีเป้าหมายอื่นอันใดกัน? แม่นางพิษน้อย เจ้าคิดมากไปแล้ว! เจ้าเป็นคนเลือกกระบอกไม้ไผ่เอง เงื่อนไขก็เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนั้นมีกระบอกไม่ไผ่ตั้งมากมายให้เลือก พี่จุนจะมีกลโกงได้อย่างไร! ทว่าครั้งต่อไป ขอเพียงแม่นางพิษน้อยต้องการสมุนไพรจากหุบเขาเทพโอสถ พี่จุนจะให้โดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน และไม่ต้องทำตามเงื่อนไขด้วย! ”
เป็นจริงดั่งที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดไว้ ซูจิ่นซีไม่พบพิรุธอันใดเลย แต่นางยังรู้สึกว่าการเดินทางไปยังแดนต้องห้ามของสกุลจงครั้งนี้ ไม่ง่ายดายอย่างที่คิดไว้
“เจ้าจะไปหรือไม่? หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะเรียกองครักษ์” ซูจิ่นซีพูด
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าตกใจเล็กน้อย ยังไม่ทันได้ทำอันใด ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ตะโกนขึ้น “องครักษ์ มีคนร้าย”
แทบจะในเวลาเดียวกัน จอมวายร้ายไป๋เฉ่ารีบหลบออกไปทางหน้าต่างและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
องครักษ์เงาเหาะลงมายืนทางนอกหน้าต่างอีกด้านหนึ่งของเรือน “พระชายา คนร้ายอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ? ”
“ไม่มีอันใด! ” ซูจิ่นซีเห็นจอมวายร้ายไป๋เฉ่าออกไปแล้ว จึงปรับสีหน้ากลับมาจริงจังเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง “ข้าเพียงฝันไปเท่านั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
เหล่าองครักษ์เงาจากไปพร้อมกัน
เวลานี้ดึกมากแล้ว ซูจิ่นซีวางหนังสือในมือลง ก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อเตรียมเข้านอน นางปิดหน้าต่างทางฝั่งทิศใต้และเดินไปปิดหน้าต่างฝั่งทิศเหนือ ขณะที่เดินไปถึงหน้าต่าง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าซูจิ่นซี และประทับรอยจูบที่แก้มของนางตอนที่นางไม่ทันได้ระวังตัว
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนหลงรักเจ้าจากใจจริง! ฝากรอยจูบนี้ไว้ก่อน ต่อไปหากเยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการเจ้าแล้ว พี่จุนยังรอเจ้าอยู่! รอยจูบนี้เป็นเครื่องแสดงว่าเจ้าเป็นคนของพี่จุนแล้ว จดจำไว้ให้ดี! พี่จุนให้เจ้าเห็นใบหน้านี้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดจบ ยังไม่ทันให้ซูจิ่นซีตอบโต้ เขาก็แย้มยิ้มทรงเสน่ห์และหันหลังเหาะจากไปตามสายลม
ซูจิ่นซีทอดสายตาออกไป จอมวายร้ายไป๋เฉ่าในชุดสีแดงเพลิง แม้จะเร้นกายในความมืด ทว่ากลับเป็นความงดงามที่แตกต่างออกไป เส้นทางที่เขามุ่งหน้าไปนั้นคือดวงจันทร์กลมโต จึงดูราวกับบุรุษชุดแดงกำลังไล่คว้าดวงจันทร์ ช่างเป็นภาพที่งดงามจนทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง
เวลานี้ ซูจิ่นซีเริ่มครุ่นคิดอย่างตั้งใจ แท้จริงแล้วจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังมีอีกชื่อหนึ่ง นั่นคืออู๋จุน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ซูจิ่นซีล้างหน้าหวีผมและรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปดูอาการของเยี่ยโยวเหยาก่อน
เยี่ยโยวเหยายังคงหลับไม่ได้สติ เมื่อเช็ดตัวให้เยี่ยโยวเหยาเสร็จแล้ว ซูจิ่นซีก็ออกไปหาจงเหมยจวงที่เรือนพักของนาง
“นางตื่นหรือยัง? ”
ซูจิ่นซีถามบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่นอกห้อง
บ่าวรับใช้รีบเดินมาข้างหน้า “ทูลพระชายา ฮูหยินจงยังไม่ตื่นเพคะ”
ยังไม่ตื่นหรือ?
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วทันที “เมื่อคืนนางเข้านอนเวลาใด? ”
“เมื่อคืนฮูหยินเข้านอนเร็วเพคะ หลังรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว พอถึงยามซวีก็เข้านอนเพคะ”
ยามซวีเป็นเวลาที่ซูจิ่นซีเดินมาตรวจสอบดูครั้งหนึ่ง เวลานั้นจงเหมยจวงเข้านอนแล้วจริงๆ
ทว่าตอนนี้เป็นยามซื่อของวันถัดมา คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวง ทั้งยังเป็นถึงฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ที่เหล่านางสนมในวังต้องเข้ามาทำความเคารพทุกเช้าตามกฎระเบียบ ปกติจึงไม่คุ้นชินกับการนอนตื่นสายนัก
ราวกับซูจิ่นซีจะคิดอันใดขึ้นมาได้ นางเดินขึ้นบันไดและผลักประตูเข้าไป
“คนอยู่ที่ไหน? ” ซูจิ่นซีถามบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความโมโห
ภายในห้องสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มบนเตียงยังวางอย่างเป็นระเบียบ จงเหมยจวงไม่ได้อยู่ในห้องด้วยซ้ำ
บ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งและสาวใช้ที่ยืนหน้าประตูรีบคุกเข่าลงทันที
“บ่าวไม่รู้ขอรับ! ”
“บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”
“เมื่อคืนยามซวี พวกบ่าวคอยปรนนิบัติจงฮูหยินเข้านอนจริงๆ นะเจ้าคะ เช้าวันรุ่งขึ้นประตูเรือนก็ไม่ได้เปิดออก ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงเรียกของฮูหยิน บ่าวคิดว่าจงฮูหยินคงนอนหลับอยู่จึงคอยอยู่ด้านนอก ไม่กล้าเข้าไปรบกวนเจ้าค่ะ”
“องครักษ์เงา! ”
ซูจิ่นซีเรียกเสียงเย็นชา องครักษ์เงาที่คอยอารักขาอยู่โดยรอบพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าซูจิ่นซีอย่างพร้อมเพรียง
องครักษ์เงาที่ประจำอยู่แต่ละจุดจะมีหัวหน้าองครักษ์อยู่หนึ่งนาย รอบเรือนพักของจงเหมยจวงก็เช่นกัน
หัวหน้าองครักษ์เงาเดินมาด้านหน้า “พระชายา เมื่อคืนกระหม่อมกับพรรคพวกคอยอารักขาอยู่โดยรอบตลอดเวลา ทว่าไม่เห็นจงฮูหยินออกมาจากเรือน และไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่เวลานี้คนหายไปแล้ว พวกเจ้าในฐานะองครักษ์เงากลับไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ นางเพียงผู้เดียวสามารถขุดรูหลบหนีไปได้เองหรือ? ”
บรรดาองครักษ์เงาต่างก้มหน้าด้วยความรู้สึกละอายใจ
“ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าใช้วิธีการใดเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง ทว่าเวลานี้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังไม่ได้สติ พวกเจ้าต้องฟังคำสั่งจากข้าเป็นการชั่วคราว ข้าไม่ต้องการเก็บคนที่ไร้ประโยชน์ไว้ข้างกาย ยิ่งไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวใดๆ วันนี้จงเหมยจวงหายตัวไป หากวันหนึ่งคนที่อยู่ในห้องคือท่านอ๋อง อยากถามว่าเจ้ายังจะรักษาศีรษะไว้บนบ่าได้หรือไม่? ”
เหล่าองครักษ์เงาไม่ได้นึกถึงจุดนี้ พวกเขาต่างตกตะลึง จากนั้นก็รีบประสานมือพูดกับซูจิ่นซี “กระหม่อมทำงานบกพร่อง กระหม่อมยินดีรับโทษ”
ใบหน้าของซูจิ่นซีแสดงออกอย่างจริงจัง “เมื่อกลับถึงเมืองหลวงให้ลงโทษตามกฎของวิหารวิญญาณ จากนี้ไปพวกเจ้าไม่ต้องทำหน้าที่องครักษ์เงาข้างกายแล้ว จงเริ่มฝึกฝนใหม่ตั้งแต่ต้น”
คำพูดประโยคนี้ของซูจิ่นซี เปลี่ยนนางให้กลายเป็นคนละคน
พวกเขาตกตะลึงมากกว่าเดิม
องครักษ์เงาของวิหารวิญญาณแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับขั้น องครักษ์เงาขั้นหนึ่งเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติอารักขาอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา อย่างไรก็ตาม การจะเป็นองครักษ์เงาขั้นหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในอดีต เยี่ยโยวเหยาเคยลงโทษองครักษ์เงาข้างกายเช่นกัน ทว่าเป็นการลงโทษเพียงให้เลือดตกยางออกเท่านั้น ไม่เคยมีการลงโทษให้องครักษ์เงาขั้นหนึ่งกลับไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ขั้นเจ็ด
องครักษ์เงาต่างแย่งชิงความแข็งแกร่ง ไม่มีผู้ใดยอมด้อยกว่าใคร ผู้ที่ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดได้นับว่าเป็นเกียรติ หากกลับไปตกต่ำอีกครั้ง พวกเขาต้องถูกผู้คนประณามอย่างแน่นอน
ในฐานะองครักษ์เงาแห่งวิหารวิญญาณ ย่อมเป็นความภาคภูมิใจอันสูงสุดของพวกเขา ซูจิ่นซีลงโทษเช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้วช่างน่าอนาถเป็นที่สุด มิสู้บั่นคอพวกเขาทิ้งเสียดีกว่า
ซูจิ่นซีเห็นแววตาที่แต่ละคนมองนาง “ทำไม? ไม่ยอมรับหรือ? ”
องครักษ์เงาทุกคนรีบก้มศีรษะ “กระหม่อมมิกล้า! ”
“ไม่กล้าก็รีบไปตามคนกลับมา! หากตามกลับมาได้จะยกเว้นโทษให้ชั่วคราว หากตามตัวกลับมาไม่ได้ ให้โบยแส้คนละยี่สิบที”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
เหล่าองครักษ์เงาต่างตอบรับเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง
หลังสิ้นเสียงคำพูด หัวหน้าองครักษ์เงาก็แบ่งหน้าที่กัน เหลือองครักษ์เงาไว้ส่วนหนึ่งให้คอยอารักขาอยู่ที่เดิม ส่วนที่เหลือก็ออกไปตามตัวจงเหมยจวงกลับมา
หลังจากองครักษ์เงาออกไปแล้ว ซูจิ่นซีก็กลับเข้าไปในเรือนพักของจงเหมยจวงอีกครั้ง
โดยเหตุผลแล้ว ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยโยวเหยาไม่อ่อนหัดถึงเพียงนี้ กระทั่งสตรีนางเดียวยังไม่สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคืนวานหลังจากจัดเตรียมที่พักในคฤหาสน์ให้จงเหมยจวงแล้ว ซูจิ่นซีได้กำชับให้เพิ่มคนอารักขาโดยรอบอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ทว่าสุดท้าย จงเหมยจวงก็หายตัวไปจนได้
นางไปที่ใดกันแน่?
นางหนีไปเองหรือมีคนจับตัวไป?
เหตุใดองครักษ์เงาของเยี่ยโยวเหยาจึงไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหว?