ภายในห้องนอน เยี่ยโยวเหยายังคงนอนหลับตาอย่างสงบอยู่บนเตียง
องครักษ์เงานายหนึ่งเหาะเข้ามาทางหน้าต่างราวกับปีกผีเสื้อ ลงมายังข้างเตียงของเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง! ”
เยี่ยโยวเหยาที่เดิมทีนอนไม่ได้สติพลันลืมตาขึ้น พลางพยุงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า
“ทูลท่านอ๋อง จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ สัมผัสรับกลิ่นของพระชายาดูจะไวขึ้นมาก หากเก็บคนไว้ที่คฤหาสน์เกรงว่าพระชายาอาจพบตัวได้ ดังนั้นกระหม่อมจึงสั่งให้คนพาจงเหมยจวงไปขังไว้ที่วิหารวิญญาณเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก! พระชายาพบพิรุธอันใดหรือไม่? ”
องครักษ์เงาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “คงไม่พบพิรุธอันใดพ่ะย่ะค่ะ พระชายารับสั่งลงโทษองครักษ์เงาที่อารักขารอบๆ เรือนพัก ทั้งยังสั่งให้คนออกไปตามหาจงเหมยจวง ก่อนหน้านี้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแห่งหุบเขาเทพโอสถได้มาที่คฤหาสน์เช่นกัน กระหม่อมกับพรรคพวกตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจให้พระชายาเข้าใจผิดว่ามีคนหลบหนีการอารักขาขององครักษเงา เพื่อให้ลูกน้องของข้าน้อยสามารถเข้ามาภายในคฤหาสน์ได้ ดังนั้นตอนนี้พระชายาคงสงสัยเพียงว่าจงเหมยจวงถูกยอดฝีมือจับตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าด้วยความพอใจ
แม้ร่างกายเขาจะอ่อนแอ ทว่าภายในดวงตาดำขลับลุ่มลึกคู่นั้นกลับดุดัน ไม่มีความอ่อนแอแม้แต่น้อย
จอมวายร้ายไป๋เฉ่า… เยี่ยโยวเหยาเตือนเขาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังกล้าทำ
ดังนั้น คนผู้นี้จะต้องตาย
“ไปบอกจอมวายร้ายไป๋เฉ่า สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าให้เวลาถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ไม่ต้องพูดถึงหุบเขาเทพโอสถ แม้แต่คนของสำนักถังเหมินก็อย่าคิดจะมีชีวิตรอด”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
“ออกไปได้! ซูจิ่นซีมาถึงแล้ว!”
องครักษ์เงาหายตัวไปในพริบตา เยี่ยโยวเหยากลับลงไปนอนตามเดิม สิ่งของที่อยู่ข้างกายถูกจัดวางให้เหมือนก่อนหน้านี้ราวกับเขายังไม่ฟื้นและไม่ได้ลุกขึ้นมานั่ง
หลังจากที่องครักษ์เงาออกไปแล้ว เขายังคอยอารักขาอยู่ในมุมมืด ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงค่อยๆ เดินเข้ามาภายในห้อง
องครักษ์เงาอดนึกสงสัยไม่ได้ เรื่องที่ช่วยชีวิตจงเหมยจวงก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เห็นความสามารถด้านทักษะการฟังของพระชายาแล้ว ทว่าจากการคาดคะเนระยะเวลาการปรากฏตัวของพระชายา เมื่อครู่นางควรอยู่ห่างไกลจากที่นี่ ทว่าท่านอ๋องกลับได้ยินการเคลื่อนไหวของพระชายาจากระยะไกล
ท่านอ๋องกับพระชายา ผู้ใดมีสัมผัสการรับรู้ร้ายกาจกว่ากัน?
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่องครักษ์เงาต้องเป็นกังวลมากกว่าก็คือ
นายท่านทั้งสองของพวกเขามีความสามารถเก่งกาจเช่นนี้ แต่นี้ต่อไปพวกเขาต้องคอยอารักขาข้างกายอย่างระมัดระวัง เรื่องที่ไม่ควรพูด เรื่องที่ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ และเรื่องที่ไม่ควรทำ ต้องถูกห้ามอย่างเด็ดขาด
มิฉะนั้น หากวันใดวันหนึ่งเกิดความผิดพลาดขึ้นมา หัวจะขาดเอาได้ง่ายๆ
ซูจิ่นซีเดินเข้าไปภายในห้อง เมื่อเห็นริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาแห้งผากจึงเดินไปเทน้ำหนึ่งถ้วยมาป้อนให้เยี่ยโยวเหยาด้วยความอดทน ทั้งยังเช็ดหน้าเช็ดตาให้เยี่ยโยวเหยาและจัดแจงผ้าห่มให้เรียบร้อย
การกระทำทั้งหมดดูคล่องแคล่วอ่อนโยน ราวกับพวกเขาทั้งสองมีความรักใคร่ต่อกันเป็นอย่างดี ครองคู่กันมานานหลายปีอย่างมีความสุข
“พระชายา” ทันใดนั้น ด้านนอกห้องก็มีเสียงของพ่อบ้านที่ดูแลคฤหาสน์ดังขึ้น ซูจิ่นซีจึงเปิดประตูออกไป
“มีเรื่องอันใด? ”
“ทูลพระชายา ใกล้ถึงวันฉูซี [1] แล้ว ได้ยินหมอเทวดาหวาบอกว่า สิ้นปีนี้ท่านอ๋องกับพระชายาต้องการอยู่ที่นี่ไม่กลับแคว้นจงหนิง ข้าน้อยจึงเข้ามาถามพระชายาว่า เมื่อถึงวันฉูซีแล้วจะให้จัดงานอย่างไรขอรับ? ”
เยี่ยโยวเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังไม่ได้สติ ซูจิ่นซีจะมีอารมณ์จัดงานได้อย่างไร?
“ไม่ต้องจัดงานใหญ่โต ทำแบบเรียบง่ายก็พอ ทว่าสิ่งใดที่บ่าวและทุกคนควรได้ในวันงาน ก็จัดให้เหมือนปีที่ผ่านมา ห้ามน้อยกว่าเด็ดขาด”
เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยา ทำให้พ่อบ้านไม่สามารถตัดสินใจได้ ดังนั้นเขาจึงเข้ามาถามความคิดเห็นของซูจิ่นซี
เมื่อได้ยินคำสั่งของซูจิ่นซี พ่อบ้านจึงตอบรับและเดินออกไป
ซูจิ่นซีเรียกหมอเทวดาหวาเข้ามาและมอบสมุนไพรทั้งหมดที่หมอเทวดาหวาต้องการให้เขา
วันนี้ทั้งวัน ซูจิ่นซีคอยดูแลอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาไม่ห่าง กระทั่งกลางดึกถึงกลับเรือนของตน
หลังจากที่ซูจิ่นซีกลับมาถึงเรือน ก็ล้างหน้าและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเทียนภายในห้องของซูจิ่นซีดับลง ภายในห้องของเยี่ยโยวเหยาก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา
นั่นคือหมอเทวดาหวา
ในห้องไม่ได้จุดตะเกียง เมื่อหมอเทวดาหวาเข้ามา เยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นนั่ง
“กระหม่อมคำนับท่านอ๋อง”
“ลุกขึ้นเถิด! ”เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงแผ่วเบา
หมอเทวดาหวาลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปยังข้างเตียงของเยี่ยโยวเหยาและค่อยๆ ฉีกหนังมนุษย์ที่อยู่กลางฝ่ามือซ้ายของเยี่ยโยวเหยาออก
ทันใดนั้น จุดดำกลางฝ่ามือที่เกิดจากผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรักพลันมีไอพิษสีดำลอยขึ้นมา
หมอเทวดาหวาเคยเห็นบาดแผลที่น่าตกใจมาก่อน ทว่าเขาไม่เคยเห็นบาดแผลที่ทำให้รู้สึกสันหลังเย็นวาบเช่นนี้
“ท่านอ๋อง ได้โปรดฟังกระหม่อมพูดสักคำเถิด! หมุดกร่อนรักได้สะท้อนกลับอย่างสมบูรณ์แล้ว ต้องใช้จักจั่นน้ำแข็งอี้เสวียนดูดไอพิษจากบาดแผล แม้เวลานี้จะปิดบังพระชายาได้ ทว่าไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป! ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์เทพซื่อฉิงในสระไร้รักของตำหนักเสวียนปิงต้องคลุ้มคลั่งแล้วอย่างแน่นอน พวกเราสามารถปกปิดพระชายาได้ชั่วคราว ทว่าจะปกปิดฮูหยินปิงจีได้อย่างไร? ”
“หยุดพูดจาเหลวไหล ลงมือเถิด! ”
เยี่ยโยวเหยากระชากเสียงเย็นชาอย่างอดกลั้นต่อความทรมานจากผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรัก
ช่วงกลางวันมีซูจิ่นซีอยู่ข้างกาย แม้เขาจะทรมานมากเพียงใด เขาก็อดกลั้นได้เป็นอย่างดีโดยการแสร้งทำเป็นไม่ได้สติ ทว่าในเวลากลางคืนยามไร้ผู้คน เขาถึงสามารถแสดงความเจ็บปวดทรมานออกมาได้อย่างเต็มที่
ความทรมานจากผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรัก ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทนรับได้ เยี่ยโยวเหยาเจ็บปวดทรมานจนเส้นเลือดบริเวณแขนและขมับปูดโปน เม็ดเหงื่อละเอียดที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ทำให้ไรผมและเสื้อผ้าเปียกชุ่ม ทว่าเขายังยืนหยัดดั่งภูเขาไท่ซาน ร่างกายที่อ่อนแอพลันหลับตา เขานั่งลงบนเตียงอย่างสงบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หมอเทวดาหวาอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ เมื่อเห็นสภาพเยี่ยโยวเหยาเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ความเจ็บปวดทรมานจากผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรัก ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนรับไหว
บนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่ทนได้เหมือนท่านอ๋อง?
หลังจากแสดงท่าทีประหลาดใจ หมอเทวดาหวาก็หยิบกระถางทองแดงออกมา เมื่อเปิดกระถางออกก็มีไอเย็นปรากฏขึ้น
เขายื่นกระถางเข้าใกล้ฝ่ามือซ้ายของเยี่ยโยวเหยา จากนั้นจักจั่นน้ำแข็งตัวหนึ่งก็ไต่ออกมา ตัวของมันโปร่งแสงและมีไอเย็นยะเยือกลอยออกมาตามตัว ทุกครั้งที่มันเคลื่อนที่ไปทางฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาจะเกิดเสียง ‘ตุก ตุก ตุก ตุก’
หลังจากนั้นไม่นาน จักจั่นน้ำแข็งก็เคลื่อนที่มาทางบาดแผลกลางฝ่ามือซึ่งมีไอดำลอยขึ้นมา ไอดำที่ลอยขึ้นมาถูกจักจั่นน้ำแข็งดูดซับเอาไว้ทั้งหมด ร่างที่โปร่งแสงของจักจั่นน้ำแข็งพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ทั้งรอยดำตรงบาดแผลกลางฝ่ามือซ้ายก็หายไปในทันที ไม่มีไอดำลอยขึ้นจากบาดแผลอีก
หมอเทวดาหวาจัดการเก็บจักจั่นน้ำแข็งและนำหนังมนุษย์วางกลับลงกลางฝ่าอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ฝ่ามืออยู่ในสภาพเดิม
“ท่านอ๋อง แม้พระองค์จะไม่พอพระทัย ทว่ากระหม่อมเป็นคนที่ติดตามท่านอ๋องมาหลายปี ต้องขอทูลให้ท่านอ๋องสักครั้ง อย่างไรเสียจักจั่นน้ำแข็งอี้เสวียนก็เป็นสัตว์ของสำนักห้าพิษจากแคว้นไหวเจียง มีทั้งดีและร้าย ทั้งไม่ใช่สิ่งที่ดีอันใด แม้มันสามารถดูดไอพิษจากผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรักและปกปิดพระชายาได้ ทว่ามันกลับทำร้ายร่างกายของท่านอ๋องอย่างมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับวางเกล็ดน้ำแข็งบนหิมะ [2] ”
“ไปเถิด! ข้ามีวิธีของข้า”
หมอเทวดาหวายังต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยานอนลงและหลับตา เขาจึงทำได้เพียงส่ายศีรษะและเดินออกจากห้องไป
ขณะที่หมอเทวดาหวากำลังเปิดประตู ทว่ายังไม่ทันได้เดินออกไป ทันใดนั้นองครักษ์เงาก็เหาะเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็วและตรงมาที่ข้างเตียงของเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของตำหนักเสวียนปิงจับตัวพระชายาไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”
……
เชิงอรรถ
[1] วันฉูซี คือ วันส่งท้ายปีเก่า ซึ่งเป็นเทศกาลแบบดั้งเดิมของจีน วันนี้มีประเพณีและกิจกรรมพื้นบ้านมากมาย เช่น การทำเกี๊ยว การรับประทานอาหารในคืนวันส่งท้ายปีเก่า การเผากระดาษทอง การจุดประทัด เป็นต้น
[2] วางเกล็ดน้ำแข็งบนหิมะ เป็นสุภาษิตจีน ใช้อุปมาถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและมีความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น