เยี่ยโยวเหยาผุดลุกนั่งในทันที
“เหตุใดจึงไม่ขวางไว้? ”
“เป็นเมี่ยวอิน เมี่ยวเซิ่ง ทูตศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองคนเป็นผู้ลงมือพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น… ”
ไม่ใช่ว่าเหล่าองครักษ์เงาไม่กล้าขัดขวาง ทว่าเมี่ยวอินและเมี่ยวเซิ่งล้วนเป็นคนข้างกายของฮูหยินปิงจี เหล่าองครักษ์เงาต่างไม่กล้าทำร้ายพวกนาง จึงไม่ได้เข้าไปขัดขวาง
“เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า” เยี่ยโยวเหยาพยายามลุกจากเตียง
หมอเทวดาหวารีบเข้าไปห้ามไว้ “ท่านอ๋อง ท่านเคลื่อนไหวไม่ได้ ห้ามขยับเป็นอันขาด จักจั่นน้ำแข็งอี้เสวียนเพิ่งขจัดพิษในร่างกายของท่านเสร็จ หากท่านลงจากเตียงในเวลานี้ ผลร้ายที่ตามมาอาจยากเกินคาดเดาพ่ะย่ะค่ะ! ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า! ” เยี่ยโยวเหยาออกคำสั่งอย่างน่าเกรงขาม ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน
หมอเทวดาหวามีท่าทีลำบากใจ ทว่าองครักษ์เงาไม่กล้าชักช้า รีบเข้ามาแต่งกายให้เยี่ยโยวเหยา
คราแรก สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาดูซีดเซียว เขาพยายามลุกขึ้นจากเตียงหลังจากที่จัดระเบียบเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทว่าเมื่อเดินออกจากห้องได้เพียงสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด
หมอเทวดาหวารีบเข้าไปประคองเยี่ยโยวเหยาและจัดการตรวจชีพจร ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยท่าทีเคร่งเครียด
เมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดของเยี่ยโยวเหยา หมอเทวดาหวาก็แทบร้องไห้ “ท่านอ๋อง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านคงลมปราณแตกซ่านจนสิ้นพระชนม์เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาต้องรีบไปตำหนักเสวียนปิงเพื่อช่วยซูจิ่นซี ไม่เช่นนั้น หากซูจิ่นซีตกอยู่ในมือของฮูหยินปิงจี นางต้องตายแน่นอน
ไม่มีผู้ใดเข้าใจอุปนิสัยและวิธีการของฮูหยินปิงจีมากไปกว่าเขาอีกแล้ว
เยี่ยโยวเหยาไม่ฟังคำห้ามปรามของหมอเทวดาหวา เขาผลักหมอเทวดาหวาออกไปและเดินไปด้านนอก ทว่าเดินไปได้เพียงก้าวเดียวก็โซเซจนเกือบหกล้ม กระทั่งธรณีประตูยังก้าวข้ามไม่ไหว
ตอนนี้อาจยังพอมีความหวัง นั่นคือพลังลมปราณชิงหลง
เยี่ยโยวเหยาหลับตาลง พยายามสงบสติและสูดลมหายใจรวบรวมสมาธิ ก่อนจะเดินพลังลมปราณชิงหลงเพื่อเพิ่มพูนพลัง
ทว่าขณะที่เขากำลังเดินพลัง คนผู้หนึ่งในชุดสีดำก็เหาะลงมาเบื้องหน้าและสกัดจุดเขาไว้
“นายน้อย ท่านอยากตายหรืออย่างไร? ” เมี่ยวอวี่ตกตะลึง
หมอเทวดาหวาเห็นเมี่ยวอวี่ก็ราวกับเห็นฝนตกทันเวลา เขาปาดเม็ดเหงื่อที่หน้าผากพลางพูดอย่างดีใจ “แม่นางเมี่ยวอวี่ เจ้ามาก็ดีแล้ว โน้มน้าว โน้มน้าวท่านอ๋องเถิด! สภาพท่านอ๋องในตอนนี้ไม่ควรเคลื่อนไหว ยิ่งไม่ควรเดินพลัง”
“นายน้อย ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ! ”
เมี่ยวอวี่เปิดแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาเพื่อตรวจชีพจร ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด
“นายน้อย ข้าน้อยทราบว่าท่านกังวลเรื่องฮูหยินน้อย ทว่าตอนนี้ร่างกายของท่านสำคัญที่สุด หากท่านเป็นอันใดไป ทุกสิ่งทุกอย่างคงจบสิ้น นายน้อยเป็นคนที่ระมัดระวังและคำนึงถึงการใหญ่เสมอ ในเวลานี้ท่านไม่ควรสับสน”
เยี่ยโยวเหยาหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าปรากฏความเย็นชาน่ากลัว
“ประคองนายน้อยเข้าไป” เมี่ยวอวี่เข้าใจว่าคำพูดของนางสามารถโน้มน้าวเยี่ยโยวเหยาได้บ้าง
หมอเทวดาหวารีบประคองเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในห้อง เมี่ยวอวี่จึงทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้เยี่ยโยวเหยา
แม้วรยุทธ์ของเมี่ยวอวี่จะเทียบเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ ทว่าอย่างไรเสีย นางก็เป็นคนข้างกายของฮูหยินปิงจี ย่อมมีฝีมือร้ายกาจกว่าคนทั่วไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาจึงค่อยๆ ดีขึ้น ลมปราณภายในนับว่าคงที่ เมี่ยวอวี่ถอนมือกลับ เมื่อเยี่ยโยวเหยาสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้ด้วยตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยโยวเหยาก็ลืมตาขึ้น ภายในดวงตาดำขลับปรากฏความสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว
“นายน้อย! ” เมี่ยวอวี่พูดกับเยี่ยโยวเหยา “หมุดกร่อนรักกำเริบ สัตว์เทพซื่อฉิงที่สระไร้รักเริ่มคลุ้มคลั่ง เจ้าตำหนักโกรธเคืองยิ่งนัก นางสั่งให้เมี่ยวอินและเมี่ยวเซิ่งมานำตัวฮูหยินน้อยไปแล้ว ข้าน้อยทราบว่าสถานการณ์ของท่านไม่สู้ดีจึงรีบตามมาช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า
เมี่ยวอวี่หยิบกล่องผ้าสีดำออกมาจากแขนเสื้อ
แววตาของหมอเทวดาหวาพลันสดใสขึ้นมาในทันที แม้แต่เยี่ยโยวเหยาที่ก้มหน้าหลับตาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“ขอถามแม่นางเมี่ยวอวี่ สิ่งนี้คือยาวิเศษหลงหุยใช่หรือไม่? ” หมอเทวดาหวาถาม
“ถูกต้อง นี่คือยาวิเศษหลงหุย! ” เมี่ยวอวี่เปิดกล่องผ้า พลางยื่นไปให้เยี่ยโยวเหยา “เมื่อข้าน้อยทราบว่าฮูหยินน้อยถูกเมี่ยวอินและเมี่ยวเซิ่งนำกลับมาที่ตำหนักเสวียนปิง จึงคิดว่านายน้อยต้องเสี่ยงตายเพื่อไปช่วยฮูหยินน้อยเป็นแน่ ดังนั้นจึงตั้งใจนำยาวิเศษหลงหุยมาให้นายน้อยโดยเฉพาะ”
ยาวิเศษหลงหุยเป็นยาวิเศษที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บที่ดีที่สุดของตำหนักเสวียนปิง แม้ไม่สามารถรักษาความเจ็บปวดหลังจากการกำเริบของหมุดกร่อนรักได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าสามารถเพิ่มพละกำลังให้เยี่ยโยวเหยาได้ไม่น้อย
หมอเทวดาหวาดีใจอย่างมาก “ท่านอ๋อง หากมียาวิเศษหลงหุยเม็ดนี้แล้ว ย่อมสามารถฟื้นฟูพละกำลังของท่านได้อย่างน้อยเจ็ดส่วน ทว่า… ”
หมอเทวดาหวายังรู้สึกกังวลบางอย่าง เขาหันไปพูดกับเมี่ยวอวี่ว่า “แม่นางเมี่ยวอวี่ ยาวิเศษหลงหุยนี้ถูกเก็บไว้ข้างกายเจ้าตำหนักตลอดเวลา เจ้านำยาวิเศษหลงหุยมาได้อย่างไร? หากวันหลังเจ้าตำหนักรู้เข้า เกรงว่าเจ้าจะมีจุดจบ… ”
“ไม่ใช่ข้าที่นำยาวิเศษหลงหุยมา แต่เป็นคุณหนูหนานกง”
“แม่นางหนานกง? ”
“คุณหนูหนานกงทำตามความต้องการของนายน้อย นางควบคุมสัตว์เทพซื่อฉิง นางรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ จึงนำยาวิเศษหลงหุยจากเจ้าตำหนักมามอบให้ข้าเมื่อนานมาแล้ว ทั้งยังกำชับไว้ว่าหากวันใดอาการของหมุดกร่อนรักกำเริบและเจ้าตำหนักพบว่านางทำอันใดบางอย่างกับสัตว์เทพซื่อฉิง นางต้องได้รับโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่ จากนั้นก็ให้ข้านำยาวิเศษหลงหุยมาหานายน้อย”
สีหน้าของหมอเทวดาหวามีท่าทีกังวลใจมากขึ้น “ไม่รู้ว่าเจ้าตำหนักจัดการกับแม่นางหนานกงอย่างไร? ”
สายตาของเมี่ยวอวี่ค่อยๆ หันไปมองทางเยี่ยโยวเหยา “ทำลายวรยุทธ์ทั้งหมดและขังไว้ในคุกนรก”
หมอเทวดาหวาตกตะลึงในทันที แม้แต่องครักษ์เงาที่ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยโยวเหยายังมีแววตาประหลาดใจ
ไม่มีผู้ใดเข้าใจการลงโทษเช่นนี้มากไปกว่าพวกเขาแล้ว ยิ่งไม่มีผู้ใดเข้าใจความน่ากลัวของคุกนรกดีไปกว่าพวกเขาเช่นกัน สำหรับหนานกงลั่วอวิ๋นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หมอเทวดาหวามองไปทางเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีสับสนอย่างมาก
ทว่าแววตาของเยี่ยโยวเหยายังคงสงบนิ่ง เป็นความเย็นชาที่ทำให้ผู้คนยากคาดเดา
“นายน้อย! ”
เมี่ยวอวี่ยื่นยาวิเศษหลงหุยให้เยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยากลืนยาอายุวัฒนะอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงเดินพลังฟื้นฟูกำลังภายใน ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เมื่อยาออกฤทธิ์ทั่วทั้งร่าง เยี่ยโยวเหยาจึงลืมตาขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกาย
“พาคนไปทั้งหมด ตามข้ากลับไปตำหนักเสวียนปิง”
เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นทันที พลางสะบัดแขนเสื้อสีดำด้วยพลังอันน่าหวาดกลัว ก่อนจะออกคำสั่งกับองครักษ์เงาที่อยู่ด้านหลังและเดินออกไปนอกประตู
เมี่ยวอวี่ราวกับนึกอันใดขึ้นมาได้ แม้จะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ทว่านางยังคงเดินไปขวางด้านหน้าเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่ลังเล
“นายน้อย เมี่ยวอวี่ขอบังอาจล่วงเกิน ทว่ายังต้องพูดแทนคุณหนูหนานกงสักหนึ่งประโยค คุณหนูหนานกงทำทุกอย่างเพื่อนายน้อย ทั้งเวลานี้นางยังสูญสิ้นวรยุทธ์และได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัสในคุกนรก หลังจากนายน้อยช่วยฮูหยินออกมาได้แล้ว การหมั้นหมายระหว่างนายน้อยกับคุณหนูหนานกงยังมีผลอยู่หรือไม่? ”
ไม่เคยมีบริวารคนใดกล้าถามเยี่ยโยวเหยาในเรื่องนี้มาก่อน ยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าหาญเหมือนเมี่ยวอวี่ หมอเทวดาหวาฟังแล้วก็หยิกแขนเมี่ยวอวี่อย่างแรง
เยี่ยโยวเหยาหันไปมองเมี่ยวอวี่ด้วยท่าทีเย็นชา ใบหน้าของเมี่ยวอวี่ขาวซีด ร่างกายสั่นเทา
“ช่างบังอาจยิ่งนัก”
เยี่ยโยวเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาโบกแขนเสื้อกว้างสีดำ ก่อนจะเดินไปทางที่แสงจันทร์ส่องสว่าง เหล่าองครักษ์เงาที่อยู่โดยรอบต่างติดตามเยี่ยโยวเหยาอยู่ด้านหลังราวกับค้างคาวยามราตรี
จนกระทั่งเงาสีดำเหล่านั้นเคลื่อนตัวห่างออกไป เมี่ยวอวี่ถึงได้รู้สึกหวาดกลัว สันหลังพลันเย็นวาบ นางเม้มริมฝีปากอย่างคนที่เพิ่งได้สติ เมื่อครู่ตนทำเรื่องเสี่ยงอันตราย ทว่ากลับไม่ได้อันใดจากปากของเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
เมี่ยวอวี่เห็นหมอเทวดาหวายังยืนอยู่ที่เดิม “หมอเทวดาหวา ท่านว่านายน้อยจะแต่งงานกับคุณหนูหนานกงหรือไม่? ”