แดนนิรมิตเทพ บทที่ 549
ปัง!

เจ้างูตัวเมียที่ใช้พลังสายเลือดมังกรอัคคี ถูกพวกเจี่ยงไต้ซือร่วมมือกันโจมตีถอยหลัง แต่พวกเจี่ยงไต้ซือเองถูกกระทบกระเด็นลอยออกไปเช่นกัน ต่างก็กระอักเลือดออกมา ได้รับบาดเจ็บภายใน

“คุณหนู รีบหนีไปจากที่นี่ซะ!” เจี่ยงไต้ซือพูดกับไช่เหวินหย่าที่อยู่ด้านหลัง

“พวกแกไม่มีใครหนีรอดหรอก ต้องตายให้หมด!”

เจ้างูตัวเมียพยุงร่างกาย แล้วก็พุ่งเข้าใส่ทันที

“ทุกคนเอาท่าไม้ตายออกมากันเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องตายกันอยู่ที่นี่จนหมด!” เจี่ยงไต้ซือตะโกนใส่คนอื่นๆ

“ตกลง สู้ตายกันไปข้างกับเจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้เลย!” หยวนชิงซานพูดอย่างโมโห

“ฟังฉันนับนะ เตรียมตัว หนึ่ง สอง สาม…..” ในตอนที่เจี่ยงไต้ซือกำลังนับเตรียมความพร้อม ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ช่วงเวลาสำคัญ จู่ๆเจ้างูตัวเมียก็หยุดการโจมตี จากนั้นอ้าปากกว้าง แล้วพุ่งไปที่ด้านหลัง

ปัง!

เสียงดังสนั่น ร่างกายขนาดใหญ่ของเจ้างูตัวเมียถูกพลังมหาศาลโจมตีกระเด็น แล้วชนเข้ากับกำแพงภูเขา จากนั้นก็ร่วงลงพื้นอย่างแรง

ส่วนเฉินโม่ที่ลอบทำร้ายมันจากด้านหลังก็ถูกดีดกระเด็นด้วยเช่นกัน เซถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดนิ่งได้

“สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดสายเลือดมังกรอัคคีที่อยู่ในสิบอันดับต้น แข็งแกร่งอย่างที่คิด!” เฉินโม่สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

เจี่ยงไต้ซือดีใจ รีบพูดว่า “โอกาสดี พวกเรารีบหนีเร็ว!”

ไช่เหวินหย่าไม่เต็มใจมองดูโลงศพหยกขาวที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศ “แต่ว่ายังไม่ได้ดอกฮิกันบานะมา พวกเราจะกลับไปมือเปล่างั้นหรอคะ?”

“คุณหนู รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุดครับ ดอกฮิกันบานะพวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่นแล้วกันครับ!” เจี่ยงไต้ซือสีหน้าร้อนรน หากไม่ใช่เพราะเขาคิดค้าบุญคุณอันใหญ่หลวงกับตระกูลไช่ไว้ เขาคงจากไปนานแล้ว จะมาคอยสนใจชีวิตของไช่เหวินหย่าได้ยังไงกัน

แววตาของไช่เหวินหย่ามีความไม่เต็มใจ แต่ก็พยักหน้าอย่างจนใจ “ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อฟังเจี่ยงไต้ซือ”

“รีบไปครับ!” เจี่ยงไต้ซือพูดเร่ง

ไช่เหวินหย่าหันหลังจากไป เมื่อเดินถึงปากทางเข้าทางเดิน ก็หันหลังอย่างไม่เต็มใจคิดอยากจะมองโลงศพหยกขาว

แต่ว่า เมื่อหันมองไปครั้งนี้ก็ทำเอาไช่เหวินหย่าตกตะลึงอ้าปากค้าง “นั่น ตรงนั้น เจี่ยงไต้ซือรีบมองเร็ว!”

ภายในพระราชวังใต้ดิน เฉินโม่ได้ลงมืออีกครั้งแล้ว และยังใส่ไปเต็มแรง เตรียมที่จะฆ่าเจ้างูตัวเมียทิ้ง

เฉินโม่ยืนตรงมาก สองมือไขว้หลัง แล้วลอยขึ้นบนฟ้า

ทุกก้าวที่ก้าวขึ้น ผมของเฉินโม่ก็จะขาวขึ้น บนร่างกายมีกลิ่นอายของความโบราณ

เจ็ดก้าวพิชิตฟ้าที่ใช้ฆ่าจระเข้เกล็ดทองตอนอยู่บึงน้ำดำได้ถูกใช้อีกครั้ง

ร่างกายเฉินโม่ลอยขึ้นฟ้า เหมือนดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่ง ร่างกายมีกลิ่นอายเก่าแก่แผ่ซ่านออกมา เหมือนว่าข้ามผ่านมาจากหลายมิติขั้วโลก

เฉินโม่ในตอนนี้มีระยะห่างจากโลงศพหยกขาวใกล้มาก เหมือนว่าเพียงแค่เอื้อมมือก็สามารถสัมผัสถึงโลงศพหยกขาว

พวกเจี่ยงไต้ซือเงยหน้าขึ้นมองเฉินโม่ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง “นี่คือวิชาอะไร!ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่ม?”

ภายในใจหยวนชิงซานยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม “ที่แท้ตอนที่เฉินไต้ซืออยู่บ้านตระกูลกงซุน ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เฉินไต้ซือสมคำเล่าลือจริงๆ!”

เจ้างูตัวเมียนั้นตอนนี้ได้กลายเป็นโมโหง่ายมากขึ้น เหมือนว่ามันสัมผัสได้ถึงความอันตราย จึงพ่นไฟใส่เฉินโม่ที่อยู่กลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง

แต่น่าเสียดายที่ลูกไฟพวกนั้นไม่สามารถแตะต้องตัวเฉินโม่ได้เลยแม้แต่น้อย ล้วนถูกขวางไว้ภายนอก แล้วร่วงหล่นลงพื้นดับไป

เฉินโม่มองเจ้างูตัวเมียตัวนั้น สีหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ พูดเสียงเย็นชาว่า “ท่าที่หนึ่งหมัดเทพเทียนเสวียน สยบภูเขา!”

ก้าวเท้าออกไป ทั่วทั้งพระราชวังใต้ดินสั่นสะเทือนกลิ่นอายที่ทำเอาผู้คนรู้สึกหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วพระราชวังใต้ดิน

หมัดของเฉินโม่ เหมือนดั่งขวานรบขนาดใหญ่ เปล่งแสงสว่างจ้า แล้วก็ไปปรากฏอยู่ด้านบนของเจ้างูตัวเมียในพริบตา จากนั้นก็ฟาดฟันลงไป

เจ้างูตัวเมียส่งเสียงกรีดร้องแสบหูออกมา ทุกคนสัมผัสได้ว่าในเสียงนั้นมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ แล้วมันก็พ่นลูกไฟใส่เฉินโม่อย่างคลุ้มคลั่ง

โครม!

เสียงดังสนั่น ร่างกายขนาดยักษ์ของเจ้างูตัวเมียถูกหมัดของเฉินโม่ฟาดใส่จนกระจายออกเป็นหลายท่อน แล้วร่วงหล่นกระจายบนพื้น