แดนนิรมิตเทพ บทที่ 550
“เขาฆ่างูยักษ์ตัวนั้น!” ไช่เหวินหย่าที่ยืนอยู่ปากทางเข้าทางเดินพูดออกมาอย่างตกตะลึง

เจี่ยงไต้ซือสีหน้าเคร่งเครียด คิดในใจว่า “เจ้าหนุ่มคนนี้มีพลังที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ!แต่กระบวนท่าที่มีพลังมหาศาลเช่นนี้ คงจะทำร้ายตัวเขาเองสาหัสด้วยเช่นกัน ดูสิเมื่อกี้ผมเขาถึงกับขาวหงอกแล้ว”

หยวนชิงซานแอบดีใจ ยังดีที่เขาไม่ได้ต่อต้านเฉินโม่ ไม่อย่างนั้นถึงจะรวบรวมพลังทั้งสำนักโยวหลาน ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินโม่

เฉินโม่ในตอนนี้ได้กลับสู่สภาพปกติแล้ว เพียงแค่ดูแล้วสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการใช้เจ็ดก้าวพิชิตฟ้าที่บึงน้ำดำแล้วดูออกได้อย่างชัดเจนว่าง่ายดายกว่าเดิมมาก

ส่วนหัวของศพเจ้างูตัวเมีย จู่ๆก็ส่องแสงสีแดงออกมา จากนั้นก็รวมตัวเป็นงูตัวเมียขนาดเล็ก

เฉินโม่สีหน้ากระตุก “ฝึกฝนจิตวิญญาณออกมาได้แล้วด้วย!”

เมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณของเจ้างูตัวเมียกำลังจะหนีไป เฉินโม่เคลื่อนไหวร่างกาย เข้าไปจับไว้ในกำมือ

จิตวิญญาณของงูตัวเมียตะเกียกตะกายไม่หลุด จึงหันมาคำนับเฉินโม่ เหมือนว่ากำลังขอร้องให้เฉินโม่ปล่อยมันไป

“วางใจได้ ฉันจะไม่ฆ่าแก หากว่าต่อไปแกอยู่อย่างสงบ ฉันยังจะมอบร่างให้แกด้วย!” เฉินโม่พูดนิ่งๆ

จิตวิญญาณของงูตัวเมียพยักหน้า เก็บความร้ายกาจ และแปรเปลี่ยนเป็นเชื่อฟัง

เฉินโม่เก็บมันไว้ในขวดหยก แล้วโยนเข้าในแหวนเก็บของ

เมื่อจัดการวิกฤติได้แล้ว ไช่เหวินหย่าก็วิ่งเข้ามาตะโกนเสียงดังทันทีว่า “ดอกฮิกันบานะเป็นของฉัน พวกนายห้ามแย่งฉันเด็ดขาด!”

“คุณหนู อย่าใจร้อนครับ!” เจี่ยงไต้ซือรีบก้าวเดินเข้าไป จับตัวไช่เหวินหย่าที่ใจร้อนไว้ “แม้ว่างูยักษ์ตัวนั้นจะตายไปแล้ว แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าในนี้จะไม่มีอันตรายอย่างอื่นอีก คุณตามอยู่ด้านหลังผม ผมจะนำดอกฮิกันบานะมาให้คุณได้แน่นอนครับ!”

“ขอบคุณเจี่ยงไต้ซือมากค่ะ!หากว่าคุณหาดอกฮิกันบานะมาได้ ตระกูลไช่ของฉันจะตอบแทนบุญคุณให้กับคุณแน่นอนค่ะ!” ไช่เหวินหย่าโค้งคำนับให้กับเจี่ยงไต้ซือ แล้วพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ

“คุณหนูไม่ต้องเกรงใจครับ คุณท่านไช่มีบุญคุณต่อผม ตอนนี้คุณท่านไช่เจ็บป่วย ผมต้องพยายามหาดอกฮิกันบานะมาให้คุณท่านไช่อย่างสุดความสามารถแน่นอนอยู่แล้วครับ!”เจี่ยงไต้ซือพูดด้วยสีหน้าอย่างเต็มใจเป็นหน้าที่

พูดจบ เจี่ยงไต้ซือกวาดมองเฉินโม่และพวกหยวนชิงซาน พนมมือพูดว่า “ทุกท่าน ภายในสุสานแห่งนี้ นอกจากดอกฮิกันบานะแล้วพวกเราไม่เอาสักอย่าง หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติกับผมเจี่ยงจี้เหอและตระกูลไช่แห่งก่างวานด้วยครับ!”

หยวนชิงซานและพระภิกษุสำนักลับทั้งสามพยักหน้า พวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับดอกฮิกันบานะมาก่อนว่าคืออะไร พวกเขามาที่แห่งนี้เพื่อสิ่งอื่นในสุสานของราชินีจิงเจวี๋ย

เฉินโม่ไม่ได้ตอบ หันหลังเดินไปยังแท่นหิน “หาดอกฮิกันบานะที่พวกนายว่าให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เจี่ยงไต้ซือมองแผ่นหลังของเฉินโม่ ในแววตามีความเยือกเย็น

“พวกเราตามไป!”

พวกกลุ่มคนก้าวเดินขึ้นแท่นหิน เดินอย่างระมัดระวัง

เดินตรงขึ้นไปยังด้านบนของรูปปั้นทั้งสองข้างบนกำแพงหิน และไม่ได้เจอการขัดขวางใดๆอีก

“ดูแล้วงูเกล็ดแดงทิพย์พวกนั้นจะเป็นผู้ปกป้องสุดท้ายของสุสานแห่งนี้”

แต่ทุกคนก็ไม่ได้ประมาทสักนิด แล้วค่อยๆเดินไปยังชั้นบนสุดของหินขนาดใหญ่ มองดูโลงศพหยกขาวที่ถูกใช้โซ่หนาขนาดเท่าแขนแขวนไว้กลางอากาศ

“โลงศพนี้คงจะหนักนับพันกิโล ทุกท่าน คราวนี้คงต้องพึ่งพาพวกนายช่วยกันดึงมันขึ้นมาแล้วละครับ!” เจี่ยงไต้ซือพนมมือให้กับพวกเฉินโม่

หยวนชิงซานมองเฉินโม่ พบว่าเฉินโม่ไม่มีท่าทีที่จะช่วย จึงพูดเสียงทุ้มว่า “ผมขอลองก่อน หากว่าไม่ได้คงต้องรบกวนทุกท่านช่วยกัน!”

“ตกลงครับ!”

หยวนชิงซานเคลื่อนไหวพลังชี่แท้ มือหนึ่งจับโซ่ไว้ แล้วออกแรงดึงเพื่อลองน้ำหนัก

แต่ว่า จู่ๆสีหน้าของหยวนชิงซานก็แปรเปลี่ยนเป็นแปลงประหลาด แววตาที่มองทุกท่านเต็มไปด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เจี่ยงไต้ซือพบเห็นความผิดปกติ จึงรีบเอ่ยถาม

“โลงศพนี้เบาเหมือนกับไม่มีอะไรเลยครับ!” หยวนชิงซานพูดอย่างแปลกใจ

“เป็นไปได้ยังไงกัน! นี่คือโลงศพหยกขาว ไม่ใช่ฟองอากาศ ทำไมถึงได้เบาเช่นนั้นละ” เจี่ยงไต้ซือพูดอย่างตกใจ

“เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ ไม่เชื่องั้นผมใช้เพียงมือเดียวก็สามารถดึงมันขึ้นมาได้” พูดจบ หยวนชิงซานออกแรง แล้วก็ดึงโลงศพหยกขาวออกมาได้อย่างง่ายดาย