ตอนที่ 572 สำรวจไข่มุกดำเป็นครั้งที่สอง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ตอนที่ 572 สำรวจไข่มุกดำเป็นครั้งที่สอง

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูไข่มุกดำในมืออย่างระมัดระวัง หลังจากที่ลังเลคิดกลับไปกลับมาหลายตลบ เขาก็ตัดสินใจเข้าไปสำรวภายในไข่มุกอีกครั้ง

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาเองนั้นเป็นแค่เด็กกำพร้าธรรมดาๆ พ่อแม่คงจะดูแลเขาไม่ได้หรืออาจจะอ่อนแอและสุขภาพไม่ดี เขาเลยถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

 

 

แต่ตั้งแต่ยุคสมัยของผู้บำเพ็ญมาถึง หลี่ว์ซู่ก็สงสัยเรื่องนี้อยู่ตลอด เพราะจุดเริ่มต้นการฝึกบำเพ็ญของเขาเริ่มมาจากจี้สีดำที่ติดมาในห่อผ้าตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นทารก

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเพลิงในใจของเขา สัญลักษณ์รูปต้นไม้สีขาวที่อยู่ตรงกลางฝ่ามือ แผนภูมิดารา กระบี่ซือโก่วและฝูฉื่อ รวมถงระบบบันทึกแต้มอารมณ์อะไรนั่นอีก ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังคืนนั้นคืนเดียวเลย

 

 

ตอนนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะไม่ง่ายเหมือนกับ สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาแน่ๆ

 

 

ไข่มุกสีดำนี่ให้ทั้งความหวังที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา และอาจมอบประตูสู่อดีตของเขาอีกด้วย

 

 

ถ้าหากรู้ต้นกำเนิดของสายเลือดตัวเองก็อาจทำให้เขาเข้าใจประวัติความเป็นมาของตัวเอง หลี่ว์ซู่เองก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ความอยากรู้ทำให้เขายอมที่จะกลับเข้าไปในไข่มุกสีดำเพื่อหาคำอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

 

 

เขาใชสัญชาตญาณจิตหยั่งรู้ของเขาเปิดผนึกไข่มุกสีดำออก และพอรู้ตัวเขาก็เข้าไปอยู่ในหมอกหนาสีดำแล้ว

 

 

หมอกนั้นค่อยๆ วนรอบตัวหลี่ว์ซู่ เขามองไปรอบๆ และพบว่าตนไม่ได้ตกอยู่ในความมืดมิดเลยเสียทีเดียว เขามองเห็นแสงสีเงินสวยงามจางๆ สะท้อนในเงาหมอก แต่ว่ากลับมีหมอกหนาสีดำปกคลุมไว้อยู่ แสงนั้นเลยหม่นลง

 

 

บนพื้นที่เท้าเขาเหยียบย่ำอยู่นั้นดูจะไม่ใช่พื้นแข็งๆ เขาย่อตัวลงเพื่อสัมผัสพื้นผิวของมันและพบว่าเป็นดินนั่นเอง

 

 

แล้วจากนั้นกระจกส่องตะวันของหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏขึ้น หลี่ว์ซู่เริ่มสังหรณ์ไม่ดี พอเขาสัมผัสดินนั่นก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น พอเขาเอากระจกส่องตะวันขึ้นมาเขาก็เข้าใจอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่ได้ใช้สัญชาตญาณจิตหยั่งรู้เข้ามาในไข่มุกเท่านั้น แต่เขาเอาร่างจริงๆ เข้ามาในไข่มุกด้วยต่างหาก!

 

 

ซึ่งนี่ก็เป็นโลกทั้งใบในไข่มุกสีดำนี่!

 

 

“เจ้ามาแล้ว” เสียงดังมาจากที่ไกลๆ ก้องไปทั่วพื้นที่ว่างเปล่านี้ ทำให้หลี่ว์ซู่เดาได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นก็คงทำเสียงให้ก้องขนาดนี้ไม่ได้

 

 

“คุณเป็นใครกัน” หลี่ว์ซู่พยายามที่สงบใจให้มากที่สุด

 

 

ขณะที่เอ่ย เขาก็ใช้กระจกส่องตะวันส่องไปด้วยรอบๆ หลี่ว์ซู่รู้สึกอึดอัดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้

 

 

เสียงนั้นตอบกลับมา “ข้าเป็นใครไม่สำคัญหรอก กลับกันแล้วข้าสงสัยมากกว่า ทำไมเจ้าถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้”

 

 

ซู่หยุดคิดแล้วตอบออกไป “ผมได้ไข่มุกนี่มาโดยบังเอิญ และผมก็ใช้เอาสัญชาตญาณจิตหยั่งรู้เข้ามาในนี้ คุณเป็นใครกันแน่” หลี่ว์

 

 

เสียงนั้นหยุดไปสักพักแล้วตอบกลับมา “ไข่มุกสีดำ…คืออะไร”

 

 

หลี่ว์ซู่ประหลาดใจนิดหน่อย เขาคิดว่าเจ้าของเสียงอยู่ข้างในไข่มุกนี่มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะต้องรู้จักไข่มุกสีดำสิ ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันอะไรกันน่ะ ความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณในนี้มากกว่าข้างนอกมา หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่าน

 

 

แต่เขาก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากรู้เช่นกัน “ครั้งก่อนคุณพูดถึงสายเลือดที่คุ้นเคย คุณพูดถึงสายเลือดของผมหรือเปล่า”

 

 

“ข้าก็แค่รู้สึกคุ้นๆ แต่เรื่องนั้นก็ผ่านนานแล้ว ข้าแยกแยะไม่ได้แล้วว่าสายเลือดคืออะไร” เสียงนั้นเงียบก่อนจะตอบกลับมา

 

 

หลี่ว์ซู่ผิดหวังมาก เขาไม่คิดว่าคำถามที่ถามออกไปจะไม่ได้คำตอบอะไรเเลย เขาบอกไม่ได้ว่าเจ้าของเสียงนี่ไม่รู้จริงๆ หรือแค่ไม่อยากบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ให้เขาฟังกันแน่

 

 

“งั้นคุณเป็นใครกัน” หลี่ว์ซู่ถามเสียงดัง “คุณมาจากยุคสมัยไหน”

 

 

อยู่ๆ หมอกสีดำก็หยุดไปเสียอย่างนั้น ราวกับว่าเสียงนี้ไม่ได้พูดอะไรมาก่อน

 

 

หลี่ว์ซู่งงมาก ตอบคำถามง่ายๆ แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ เขาต้องไปหาคำตอบเองหรือเปล่า

 

 

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงนี้มีต้นตอมาจากไหน เขาครุ่นคิดแล้วถามออกไป “งั้นอยากรู้รึเปล่าว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”

 

 

ที่พูดไปก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินสถานการณ์ของหลี่ว์ซู่ทั้งนั้น เขามีความรู้สึกว่าเจ้าของเสียงนี้ถูกใครสักคนกักขังเอาไว้ในไข่มุกดำ

 

 

เสียงที่ตอบกลับมานั้นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์จนหลี่ว์ซู่รู้สึกได้ “อยากรู้สิ”

 

 

“เออ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน” หลี่ว์ซู่ผงกหัว

 

 

[แต้มอารมณ์จากหมิวเย่ว์เยี่ย +666!]

 

 

หมิวเย่ว์เยี่ย?

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มใจเย็นลงในที่สุด ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าเสียงนี้เป็นวิญญาณอะไรสักอย่าง แต่พอหลี่ว์ซู่ได้รับแต้มอารมณ์มาก็รู้สึกได้ว่ามันไม่น่ากลัวอีกต่อไปเหมือนที่คิดไว้ตอนแรก อย่างน้อยเสียงนี่ก็มาจากใครสักคนที่ให้แต้มอารมณ์ให้เขาได้ล่ะนะ

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ว่าเสียงนี้พยายามจะทำให้เสียงตัวเองดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าตัวเองเป็นสิ่งเหนือธรรมขาติ แต่ฉากบังหน้านั้นก็ถล่มลงมาทันทีที่หลี่ว์ซู่ได้รับแต้มอารมณ์จากเขา

 

 

นี่ทำให้หลี่ว์ซู่มั่นใจได้ว่าเสียงนี้มาจากคนที่ติดอยู่ในไข่มุกดำ ซึ่งทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย ไข่มุกดำนี่เคยทำให้คนติดอยู่ข้างในมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย แต่นั่นมันก็ฟังดูไม่มีเหตุผลเลย คนเราจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองติดอยู่ข้างในนี้

 

 

“ยังอยู่หรือเปล่า” หลี่ว์ซู่ตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

 

 

ฮ่าๆ แกล้งทำตัวลึกลับงั้นเหรอ เขาตัดสินใจแล้ว เดี๋ยวจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมดให้ดู หึ! กระจกส่องตะวันในมือหลี่ว์ซู่ส่องแสงประกายออกมา ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงนั้นก็ดังขึ้นใหม่ “ทำอะไรของเจ้าน่ะ! ปิดมันเดี๋ยวนี้นะ ปิดมัน!”

 

 

[แต้มอารมณ์จากหมิวเย่ว์เยี่ย +666!]

 

 

แกร๊ง! อยู่ๆ ก็มีเสียงกุญแจมือดังขึ้นมา หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าลำแสงจากกระจกส่องตะวันส่องตัดหมอกเข้าไปจนเห็นหน้าคน แขนขาของหมิวเย่ว์เยี่ยถูกตรึงไว้กับกำแพงหิน เขาขยับไปรอบๆ ได้มากที่สุดแค่ห้าเมตรเท่านั้น เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดินและใช้มือทั้งสองปิดตาตัวเองไว้…

 

 

กุญแจมือนี้ไม่ได้ทำมาจากวัสดุธรรมดาๆ หลี่ว์ซู่เห็นว่ามีเส้นสีแดงพาดผ่านกุญแจมือนี้ไว้

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าไปยืนตรงที่ปลอดภัยจากเขาและทำตัวให้ดูใหญ่กว่าคนตรงหน้า

 

 

คนคนนั้นมีร่างเล็กและไม่ได้ใส่เสื้อ กางเกงผ้าลินินที่สวมอยู่ก็ขาดวิ่น น่าจะเพราะใส่ไว้นานแล้ว หน้าของเขาซูบตอบ ถึงแม้เขาจะดูเป็นคนธรรมดาๆ แต่หลี่ว์ซู่ก็ระมัดระวังเขาน่าดู ไม่ใช่เพราะว่าหน้าตาเขาดูดุร้ายอะไรหรอก แต่เป็นเพราะหลี่ว์ซู่สัมผัสพลังจิตวิญญาณจากเขาไม่ได้

 

 

คนที่ติดอยู่ในที่ลึกลับแบบนี้นานๆ จนไม่รู้วันรู้คืนจะไม่มีพลังอะไรแผ่ออกมาเลยได้ไง

 

 

“คุณเป็นใครกัน” หลี่ว์ซู่ถามอย่างใจเย็น

 

 

“ข้าเป็น… ก่อนอื่นเอาแสงในมือเข้าออกไปก่อนได้ไหม” คนผู้นั้นเอ่ยขึ้น เขาอยู่ในความมืดมาเป็นเวลานาน ถึงแม้เขาจะเก่งกาจขนาดไหนแต่ก็สู้แสงจ้าแบบนี้ไม่ได้หรอก ผู้บำเพ็ญทุกคนมีจุดอ่อนอยู่ที่ตากันทั้งนั้นแหละ