องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 387 จวนหลังใหญ่นอกเมือง
“ท่านผู้เฒ่า พวกท่านพักที่นี่ก่อน ข้าจัดยาให้บุตรชายท่านกินดูอาการก่อน” ฉีเฟยอวิ๋นจัดที่อยู่ให้ครอบครัวนี้
หญิงชรากล่าวว่า “ขอบคุณผู้สูงศักดิ์มากเลย”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยต่อว่า “มั่นใจว่าเป็นพิณแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าจะหาเจอหรือเปล่า ไม่มีใครเคยเห็นพิณและคนเล่นมาก่อน
ตอนนี้ตรวจสอบยากมาก”
“แต่ไม่อาจโต้แย้งว่าดนตรีฆ่าคนได้ พวกเขาคือพยานคน และเจ้าก็หาหลักฐานได้แล้วด้วย” หวังฮวายอันผู้เป็นเสี่ยวกั๋วจิ้วกล่าว
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว “ไม่มีคนเชื่อหลักฐานของข้า ที่นี่มีเพียงข้ารู้เรื่องพวกนี้ และมีคนคัดค้านพยานปากได้ เพราะมีน้อยเกินไป”
คนทั้งกลุ่มพากันเงียบงัน ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะลองถามเพื่อนดู”
ทุกคนมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นที่ลุกขึ้นยืน
“ข้าจะออกไปด้านนอก อาอวี่ตามข้าไป”
ฉีเฟยอวิ๋นออกจากธรณีประตู แม่ทัพฉียังคิดจะตามไปด้วย ทว่าถูกฉีเฟยอวิ๋นรั้งไว้ “ข้าจะกลับจวนอ๋องเย่ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง”
“ระวังให้ดี”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับถึงจวนอ๋องเย่ แล้วหย่อนตัวนั่งลง พลางมองเจ้าอีกาน้อย
“ขอถามเจ้าหน่อย เจ้าสื่อสารกับสัตว์อื่นได้ไหม?” ฉีเฟยอวิ๋นซักถาม เจ้าอีกาน้อยมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างเดียว มันหยิ่งยโส ไม่ได้ตอบ
ฉีเฟยอวิ๋นจับปากของมัน “ดูเหมือนเจ้าอยากให้จิ้งจอกกินน้ำแกงอีกาสินะ”
เจ้าอีกาน้อยสะดุ้งโหยง คิดจะบินหนี
ฉีเฟยอวิ๋นจับปีกของมันไว้ “ตอนนี้ก็จะพาเจ้าไปทำน้ำแกง”
จิ้งจอกหางสั้นเขยิบกายพลันจับตัวเจ้าอีกาน้อยสำเร็จ เจ้าอีกาน้อยตกใจร้องกู่ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยว่า “เจ้าไปสืบถามดูว่า เคยเห็นคนดีดพิณคืนวานซืนไหม”
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือ เจ้าอีกาน้อยก็กระพือปีกพึ่บพั่บจากไป
เจ้าอีกาน้อยจากไปสองชั่วยามก็กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นตระเตรียมเนื้อสดอันโอชะให้เจ้าอีกาน้อยแล้ว เจ้าอีกาน้อยสร้างผลงานได้ก็เดินอย่างกระหยิ่มใจ
จิ้งจอกหางสั้นมองอย่างไม่แยแสปราดหนึ่งแล้วฟุบอยู่บนพื้น
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉีเฟยอวิ๋นถาม เจ้าอีกาน้อยร้องกู่ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “เจ้ากินก่อน กินอิ่มแล้วค่อยพาพวกเราไป เจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าไปเรียกเฉินอวิ๋นเจี๋ยให้เขาเตรียมตัว คืนนี้พวกเราจะไปหาคนดีดพิณ”
จิ้งจอกหางสั้นลุกขึ้นบิดขี้เกียจเสร็จก็เดินออกไป
ราตรีอันมืดมิด แสงไฟเริ่มดับหายไป
ฉีเฟยอวิ๋นออกไปพร้อมกับเฉินอวิ๋นเจี๋ย
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่วางใจอย่างยิ่งยวด “อวิ๋นอวิ๋น พ่อว่าเจ้าไม่ต้องไปแล้ว พ่อจะไปแทนเจ้า”
“ไม่ต้องหรอกท่านพ่อ ท่านวางใจได้ ข้ามีวิธีรับมือเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นแบกกู่ฉินหลวนเฝิ่ง(พิณจีนรูปหงส์) เธอสวมชุดสีดำล้วน เมื่อสวมหมวกแล้วจะไม่เผยสิ่งใดเลย
เฉินอวิ๋นเจี๋ยมองฉีเฟยอวิ๋นปราดหนึ่ง “ท่านแม่ทัพวางใจได้ มีข้าอยู่ พระชายาเย่ไม่เป็นอันใดแน่”
“อย่าประมาทเลินเล่อ มีดดาบไร้ตานะ ตอนนี้อวิ๋นอวิ๋นตั้งท้อง เจ้าคิดว่าเป็นงานสังสรรค์หรือไร เจ้าบอกไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรหรือ?” แม่ทัพฉีโกรธขึ้ง ไม่เคยพบคนไร้ความประเภทนี้จริงๆ
“อวิ๋นอวิ๋นเอย ข้าว่าเจ้าให้เขาไปคนเดียวเถอะ” แม่ทัพฉีพูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก วางใจได้”
ฉีจือซานห้ามฉีเฟยอวิ๋นไม่สำเร็จ อดทอดถอนใจไม่ได้ “บุตรสาวโตแล้วรั้งไว้ไม่อยู่จริงๆ เด็กคนนี้โตแล้วจริงๆ”
ฉีเฟยอวิ๋นกับเฉินอวิ๋นเจี๋ยจะออกนอกเมือง ครั้นรถม้าหยุดจอด คนของจวนกั๋วกงที่รอหน้าประตูเมืองเห็นพวกเธอก็รีบปล่อยรถม้าให้ผ่านออกไปทันที
หวังฮวายอันยืนอยู่ด้านบนกำแพงเมือง พลางมองลงมาอย่างยิ้มแย้ม
หมุนกายกลับไป
ภายในรถม้า
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มจิ้งจอกหางสั้นไว้ในตัก บนไหล่มีเจ้าอีกาน้อยเกาะอยู่
เฉินอวิ๋นเจี๋ยนั่งฝั่งตรงข้าม เขาก็สวมชุดดำเหมือนกับฉีเฟยอวิ๋น
บรรยากาศนิ่งเงียบไร้การสนทนา
เหนือรถม้ามีอีกาฝูงหนึ่งบินร่วมทางไปด้วย บางช่วงก็โรยตัวลงมาเกาะบนกิ่งไม้ตามต้นไม้ริมทาง แล้วหันมามองรถม้าของฉีเฟยอวิ๋น
อาอวี่ควบม้าตามไป โดยดูฝูงอีกาเป็นสัญลักษณ์
พวกเธอเดินทางมาได้สักระยะหนึ่ง ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า และแล้วก็มาถึงบ้านเรือนหลังหนึ่ง เหล่าอีกาพากันทิ้งตัวลงไปเกาะอยู่บนกิ่งต้นไม้นอกเรือน
อาอวี่แหวกม่านรถม้าออก “พระชายา ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกับเฉินอวิ๋นเจี๋ยลงจากรถม้า เฉินอวิ๋นเจี๋ยให้ฉีเฟยอวิ๋นเดินอยู่ด้านหลัง เขาไม่ชะล่าใจในการปกป้องเธอเลยสักนิด
เฉินอวิ๋นเจี๋ยมีเจตนาดี ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่สะดวกพูดอะไรมาก
เฉินอวิ๋นเจี๋ยมองเข้าไปในลานบ้านด้วยสีหน้าลำบากใจ หันมาบอกกับฉีเฟยอวิ๋นว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าเข้าไปเอง หากเกิดอะไรขึ้นให้อาอวี่พาเจ้าหนีไป ถ้าข้ายังไม่ออกมาภายในสามชั่วยาม เจ้าก็กลับไปได้เลย”
“ไม่ได้ พวกเรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน ไหนเลยจะทิ้งเจ้าไว้คนเดียว ข้าจะเข้าไปพร้อมเจ้า”
ในเมื่อมั่นใจว่าเป็นที่นี่ จึงต้องเข้าไปแน่นอน ฉีเฟยอวิ๋นอยากเห็นหน้าคนผู้นั้นเหมือนกัน
เฉินอวิ๋นเจี๋ยรีบส่ายหัว “ไม่ได้ เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพาเจ้าเข้าไปแล้วไม่สะดวก เจ้าท้องอยู่ จะร่วมปีนกำแพงกับข้าหรือ?”
“อันนี้……”
ฉีเฟยอวิ๋นหมดคำจะโต้ตอบชั่วขณะ
เฉินอวิ๋นเจี๋ยปรายตามองอาอวี่ “ปกป้องพระชายาของเจ้าให้ดี ข้าจะเข้าไปดู สามชั่วยามให้หลัง หากข้ายังไม่ออกมา พวกเจ้าก็กลับไปได้ ถึงพระชายาไม่เชื่อฟังก็ต้องกลับไป”
“ได้”
อาอวี่ไม่ยอมให้ฉีเฟยอวิ๋นเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว จึงรีบรับปากทันทีทันใด
เฉินอวิ๋นเจี๋ยหันไปมองฉีเฟยอวิ๋น “ข้าเข้าไปก่อน เจ้ารอข้าที่นี่”
“ข้าไม่ได้ไร้น้ำยาอย่างที่เจ้าคิด เจ้าปีนเข้าไปถึงแล้วเปิดประตูให้ข้าเข้าไป”
“เช่นนั้นจะอันตรายมาก ข้ารับปากว่าท่านแม่ทัพฉีว่าจะปกป้องเจ้า เกิดเรื่องกับเจ้าไม่ได้” เฉินอวิ๋นเจี๋ยมีประกายความห่วงใยในแววตาอย่างท่วมท้น ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคุยกับเขาต่อ จึงกำชับอีกฝ่ายสองสามประโยคแล้วให้เข้าไปก่อน
“เช่นนั้นเจ้าระวังตัวหน่อย”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยตะลึง “เจ้าเป็นสตรีที่ไร้น้ำใจที่สุด”
ฉีเฟยอวิ๋นสับสน เธอไร้น้ำใจตรงไหน ไม่ใช่เขาอยากเข้าไปเองหรอกหรือ เกลี้ยกล่อมเขาเช่นไรก็ฟัง ทำไมกลายเธอจึงกลายเป็นคนผิดได้
“อวิ๋นอวิ๋น……”
“แม่ทัพน้อยสำรวมด้วย” ไม่รอให้เฉินอวิ๋นเจี๋ยเอ่ยปากพูดอย่างอื่นอีก อาอวี่ผู้มีไหวพริบรีบเอ่ยปากเตือนทันควัน
เฉินอวิ๋นเจี๋ยจึงหุบปาก แล้วแต่เอามองฉีเฟยอวิ๋นชั่วครู่ ก่อนจะหมุนกายไปที่กำแพง
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองด้วยนัยน์ตาอิจฉา เธออยู่ในยุคปัจจุบันนั้นสง่างามน่าเกรงขามเพียงใด เธอไม่เคยหวาดหวั่นต่อภารกิจสักครั้ง
เสียดายเธอไม่มีความสามารถเช่นนี้ คิดจะปีนขึ้นไปก็ปีนได้เลย การปีนกำแพงหรือบินเหาะบนหลังคานั้นทำได้อย่างสบายๆ
หากเธอมีทักษะนี้ก็จะดีมากเลย
เสียดายตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากว่าแต่บินเหาะเลย กระทั่งเดินก็จะไม่ไหวแล้ว หากไม่ระวังก็อาจเดินล้มได้
อาอวี่เดินไปเตือนฉีเฟยอวิ๋น “พระชายาไม่ต้องมองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกน้ำเสียงอาอวี่ไม่สู้ดีนัก มองเขาปราดหนึ่ง จึงเดินไปอยู่อีกทาง
ทว่าเฉินอวิ๋นเจี๋ยเข้าไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่วางใจเลย
“เจ้าอีกาน้อย เจ้าไปดูเสียหน่อย”
เจ้าอีการน้อยกระพือปีกบินเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองจิ้งจอกหางสั้นแวบหนึ่ง “เจ้าก็ไปด้วย”
ชั่วพริบตาจิ้งจอกหางสั้นก็หายตัวไปเรียบร้อย
“อาอวี่ นำรถม้าไปที่อื่น อย่าให้คนเห็น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นถือกู่ฉินหลวนเฝิ่งไว้ พลางยืนมองสำรวจนอกจวน แล้วรู้สึกจวนนี้แปลกชอบกล
ขนาดจวนใหญ่เกือบเท่าจวนอ๋องเย่ ทว่ากลับไร้คนเฝ้าประตู
หรือว่าที่นี่เป็นจวนร้าง?
หรือว่าคนพวกนั้นรู้ว่าพวกเธอจะมา จึงรอเธอล่วงหน้า เล่นกลยุทธ์เปิดเมือง?