DC บทที่ 230: กลับไปที่คลังมุกพิสุทธิ์

 

“ข-ของเขา…ช่างสวยงาม…” หลี่เซียวโม่เกือบน้ำลายหกเมื่อซูหยางเผยน้องชายให้เธอเห็น

 

“เจ้าต้องการมันไหม” ซูหยางถามเธอพร้อมกับฉีกยิ้ม

 

“ข…ข้าต้องการ..” หลี่เซียวโม่พยักหน้าด้วยท่าทางตื่นตะลึง

 

ได้ยินคำกล่าวของเธอ ซูหยางดึงร่างเธอไปหาตัวเองและเริ่มทิ่มถ้ำสวาทแฉะฉ่ำของเธอด้วยดุ้นของเขาโดยยังไม่เข้าไปข้างในตัวเธอ

 

“ข้าขอร้อง…หยุดหยอกข้าและสอดใส่มันเข้าไปในตัวข้าด้วยเถอะ…” หลี่เซียวโม่พึมพัมด้วยเสียงอ้อนวอน

 

“อืมมม…ข้าควรทำยังไงต่อไป…” ซูหยางทำท่าทางครุ่นคิดและทำราวกับว่าเขากำลังคิดเช่นนั้นอย่างจริงจัง

 

หลี่เซียวโม่รู้สึกอยากร้องไห้ แต่ทว่าเธอยอมให้เขาหยอกล้อเธอดีกว่าให้เหตุการณ์ครั้งนั้นย้อนคืนกลับมาอีกครั้ง

 

หลังจากหยอกล้อเธอชั่วขณะ ซูหยางก็ทิ่มแทงดอกไม้ที่สั่นสะท้านตรงหน้าเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงโดยไม่มีการเตือนใดๆ

 

หลี่เซียวโม่รู้สึกเหมือนใจจะขาดเมื่อคลื่นความสุขท่วมท้นร่างของเธออย่างกระทันหัน เธอไม่ทันได้เตรียมตัวกับการทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเธอจนเสียงของเธอชะงักขณะกำลังครวญคราง

 

“ช-ช-ช่างกระทันหัน…”

 

หลี่เซียวโม่น้ำตาคลอเบ้าแต่ร่างของเธอกลับกรีดร้องไปด้วยความพึงพอใจขณะที่น้องสาวของเธอพ่นน้ำรักออกมาเป็นจำนวนมาก

 

หลังจากทิ่มเข้าไปในร่างเธอ ซูหยางก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกภายในถ้ำคับแน่นของหลี่เซียวโม่ รู้สึกได้ถึงแรงดูดรุนแรงทุกการเข้าออก

 

“อาาา อาาาา อาาาาาง”

 

ทุกการทิ่มทะลวงของซูหยาง ร่างของหลี่เซียวโม่ก็สั่นสะท้านไปด้วยความสุขสมและปราณหยินของเธอก็ไหลทะลักออกมาจากถ้ำฉ่ำแฉะ ปราณหยินเปียกปอนไปทั่วเตียง

 

ในเวลานั้น หลี่เซียวโม่รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเธอก้าวล่วงสู่สรวงสวรรค์ จิตใจของเธอเคลื่อนสู่สภาวะอันลึกล้ำไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอเคยพานพบมาก่อน

 

“หรือ..หรือนี่คือสภาวะการตื่นรู้ทางเพศในตำนาน” หลี่เซียวโม่คิดสงสัยขณะที่ร่างของเธอพลันเบาดุจขนนก รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเธอค่อยลอยล่องขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับหลี่เซียวโม่เมื่อเธออยู่ในสถานะนี้ และเมื่อเวลาผ่านไปนับชั่วโมง เธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันผ่านไปเพียงไม่กี่นาที

 

ซูหยางปล่อยของเหลวสีขาวเข้าไปในร่างของหลี่เซียวโม่ตอนสุดท้ายของกระบวนการ เติมเต็มร่างของเธอด้วยปราณหยางที่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตอำพรวิญญาณยังต้องแย่งชิง

 

หลังจากที่การร่วมฝึกคู่ของพวกเขาเสร็จสิ้นโดยหลี่เซียวโม่ครองสติไว้อย่างเต็มฝืนในตอนสุดท้าย ซูหยางก็กล่าวกับเธอก่อนที่จะปล่อยให้เธอได้พักว่า “ยามเมื่อเจ้าเสร็จงานที่ข้ากำหนดให้ ประตูบ้านข้ายินดีเปิดต้อนรับหากเจ้ารู้สึกต้องการร่วมฝึกคู่”

 

เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขา หลี่เซียวโม่สาบานอย่างเงียบๆที่จะทำงานนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

“ข้าจักทิ้งน้ำมันรัญจวนไว้ห้าขวด นั่นควรจะเพียงพอกระทั่งคนนับร้อยถ้าเจ้าจัดการมันอย่างเหมาะสม โดยเจ้ามิจำเป็นต้องทาน้ำมันทั่วกายของพวกเธอดังเช่นที่ข้าทำกับเจ้า เพียงแค่ลูบมันลงไปเล็กน้อยบนส่วนที่อ่อนไหวที่สุดซึ่งพวกเธอย่อมได้รับประสบการณ์อย่างเพียงพอ”

 

หลังจากที่ให้คำแนะนำทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็ออกจากที่พักของหลี่เซียวโม่และกลับไปยังห้องของตนเองเพื่อดูดซับปราณหยินของหลี่เซียวโม่และชำระร่างกาย

 

หลังจากทำทุกอย่างเหล่านั้นแล้ว ซูหยางก็จัดแจงทรัพยากรของเขาอีกครั้ง

 

“ข้าเหลือน้ำมันรัญจวนในมือเพียงสิบกว่าขวด แต่ข้ายังคงมีวัตถุดิบที่จะทำได้อีกยี่สิบกว่าขวด”

 

แต่ละขวดของน้ำมันรัญจวนบรรจุน้ำมันไว้ประมาณหนึ่งลิตร และหากใช้อย่างเหมาะสมนั่นก็พอให้เขาใช้ได้อีกเพียงสองอาทิตย์

 

ดังนั้นซูหยางตัดสินใจที่จะใช้น้ำมันรัญจวนเฉพาะเมื่อเขาฝึกร่วมกับผู้ที่อย่างน้อยอยู่ในเขตคัมภีร์วิญญาณระดับกลางขึ้นไป

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งมีเพียงผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับสี่ของเขตคัมภีร์วิญญาณที่จะสามารถได้รับประสบการณ์การนวดน้ำมัน อย่างน้อยจนกว่าเขามีทรัพยากรเพียงพอที่จะผลิตน้ำมันรัญจวนได้เพียงพอ

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยควรจะมีวัตถุดิบเกือบทั้งหมดที่จำเป็นต่อการผลิตมากกว่านี้ ในเมื่อวัตถุดิบล้วนไม่ใช่ของหายาก อย่างไรก็ตามในการที่จะได้พวกมันมา ข้าจักต้องใช้แต้มสำนักมากกว่านี้”

 

อย่างไรก็ตามเขาแทบจะไม่มีแต้มเหลือเพราะว่าเขาได้ใช้แต้มสำนักส่วนใหญ่ไปกับดอกหยางพิสุทธิ์ไปแล้ว

 

ซูหยางครุ่นคิดถึงวิธีที่จะได้รับแต้มสำนัก แต่เพราะว่าเขาไม่ได้สิ้นหวังในการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งเหมือนครั้งก่อน เขาจึงไม่มีความคิดที่จะคิดเงินผู้คนสำหรับการนวดในอนาคต

 

ซูหยางมองดูน้ำมันรัญจวนและความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจ

 

“ถ้าข้าขายน้ำมันรัญจวนขวดหนึ่งให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพื่อให้ได้แต้มสำนักมากพอที่จะผลิตน้ำมันรัญจวนให้ได้มากกว่าเพียงแค่หนึ่งขวด ข้าจักสามารถทำพวกมันได้โดยไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร”

 

ซูหยางได้ตัดสินใจที่จะขายน้ำมันรัญจวนแลกกับแต้มสำนักเนื่องมาจากประสิทธิภาพและความสะดวกสบายของมัน

 

ดังนั้นซูหยางจึงออกจากบ้านอีกครั้งและเริ่มเดินทางไปยังคลังมุกพิสุทธิ์ สถานที่ที่เหล่าศิษย์ไปเพื่อแลกเปลี่ยนแต้มสำนักกับทรัพยากรหรือกลับกัน

 

เมื่อไปถึงคลังมุกพิสุทธิ์แล้ว ซูหยางสังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่อย่างสบายหลังโต๊ะ

 

นั่นก็คือผู้อาวุโสเจ้า ผู้ที่ขายดอกหยางพิสุทธิ์ให้กับซูหยาง และดังเช่นปกติ เขาเหมือนกับว่ากำลังหลับอยู่

 

ยามเมื่อซูหยางก้าวเข้าไปในคลังมุกพิสุทธิ์ ผู้อาวุโสเจ้าก็เปิดปากพูดขึ้นโดยไม่แม้จะลืมตา “เจ้าต้องการอะไรจากคลังมุกพิสุทธิ์

 

“ข้าต้องการทราบว่าท่านมีวัตถุดิบตามในรายการนี้บ้างหรือไม่” ซูหยางวางกระดาษหนึ่งแผ่นลงไปบนโตะหน้าผู้อาวุโสเจ้า

 

“อืม… เสียงนี้…”

 

ผู้อาวุโสเจ้าลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของซูหยางและจดจำได้ในทันที

 

เมื่อเขาเห็นใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางพร้อมกับชุดเขียว ผู้อาวุโสเจ้าก็ถอนใจ “เป็นเจ้าจริงๆ… ทำไมครานี้เจ้าจึงมาที่นี่”

 

“ท่านมิได้ยินที่ข้าพูดเมื่อกี้รึ” ซูหยางตอบอย่างเยือกเย็น

 

“ฮึ่ม ยังคงหยาบคายเหมือนเดิม” ผู้อาวุโสเจ้าแค่นเสียงเย็นชา