ตอนที่ 503 บ่วง
“เป็นอย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของฟางหลิงซู่ดังขึ้น
นัยน์ตาสีฟ้าครามของหนานกงหลิงเยว่ชัดเจนเป็นพิเศษในตอนกลางคืนก็ฉายแววผิดปกติออกมา
“ข้าพบนางแล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้จริง…”
เวลานี้หนานกงหลิงเยว่มิได้มีเสน่ห์ชวนหลงใหลแบบเดิมอีกแล้ว ท่าทางที่จริงจังทำให้รู้สึกเหมือนคนละคนกับเมื่อครู่
“อืม ไปเถิด” ทั้งสองสนทนากันเพียงสั้น ๆ แต่ดูเหมือนชัดเจนในจุดประสงค์ของตน
ความคิดของพวกเขาล้วนตกอยู่บนตัวของอันหลิงเกอทั้งสิ้น นี่คือความลับที่เกี่ยวข้องกับหอพิษกู่และอันหลิงเกอ
เวลานี้อันหลิงเกอยังมิรู้ว่าจักเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางยังจัดการกับสมุนไพรอยู่ในลานกว้างของจวนอ๋อง หวังแค่เตรียมยาถอนพิษจากหอพิษกู่ได้ก็เพียงพอ หากเป็นเยี่ยงนี้อย่างน้อยนางก็สามารถปกป้องคนในจวนอ๋องให้มิต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
สำหรับนางแล้ว การที่หนานกงหลิงเยว่ปรากฏตัวต่อหน้าในครานี้ต้องมิใช่เรื่องบังเอิญ หอพิษกู่ยังมิยอมปล่อยนางไป เช่นนั้นนางก็มิอาจสร้างภาระให้จวนอ๋องของมู่จวินฮานได้
“พระชายาเจ้าคะ” ปี้จูเรียกอยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอมิตอบสนองจึงอาจหาญเดินมาตรงหน้าและสะกิดเล็กน้อย
“หืม ? ” อันหลิงเกอได้สติกลับมา มิรู้ว่าปี้จูเข้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด
“ท่านอ๋องให้มาเรียนว่าคืนนี้จักมาค้างที่นี่กับพระชายาเจ้าค่ะ”
ค้างกับนางที่นี่หรือ ? ทั้งยังตั้งใจส่งคนมาบอกอีกด้วย
อันหลิงเกอตกตะลึงแต่ก็ยังดึงสติได้ มู่จวินฮานอาจมีเรื่องปรึกษากับนาง มิเช่นนั้นเขามิมีทางให้เกียรตินางเยี่ยงนี้หรอก
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อคิดได้ว่ามู่จวินฮานจะมาค้างคืนที่นี่ ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวทันใด
“เอาล่ะ เจ้าออกไปเถิด คืนนี้มิต้องอยู่ปรนนิบัติแล้ว” ถึงอย่างไรอันหลิงเกอก็มิได้หน้าหนา จริงแล้วนางรู้สึกเขินอายเสียด้วยซ้ำ ปี้จูเข้าใจความหมายของผู้เป็นนายดีจึงมิได้อยู่นานนัก
“เจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของปี้จูแฝงความขี้เล่นเล็กน้อย ดูเหมือนดีใจที่อันหลิงเกอจักได้ร่วมห้องกับมู่จวินฮาน
หลังเกิดเรื่องครานั้นแล้วพระชายาของตนกับท่านอ๋องก็มิได้…
อันหลิงเกอนั่งอยู่ในลานกว้างเพียงลำพังจนฟ้าเริ่มมืดโดยมิรู้ตัว คาดว่ามู่จวินฮานน่าจักมาแล้ว
“เกอเอ๋อรอข้าอยู่หรือ ? ” เสียงของมู่จวินฮานดังมาจากด้านหลังของอันหลิงเกอ นางมิได้ประหลาดใจ ตรงกันข้ามยังยกยิ้มและหันไปมองเขา
“ข้าเตรียมของว่างเล็กน้อยไว้ให้เจ้าด้วย มิรู้ว่าถูกปากเจ้าหรือไม่” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จวินฮาน เดิมทีอันหลิงเกอคิดถอยห่างแต่คาดมิถึงว่าท้องของนางจะร้องขึ้นอย่างฉับพลัน
นางยิ้มอย่างเคอะเขิน ส่วนมู่จวินฮานก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ทั้งสองมิได้สนทนาอันใดกันอยู่เนิ่นนาน
“เข้าเรือนกันเถิดเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอประนีประนอมเป็นคนแรก นางมองไปยังของว่างที่เขาถือมาด้วยตนเองจากนั้นก็เดินเข้าห้อง
เมื่อเห็นนางเป็นเยี่ยงนี้ มู่จวินฮานก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ทานด้วยกันสิเจ้าคะ ! ”
อันหลิงเกอทานไปพลางเรียกเขา
มู่จวินฮานจึงเดินเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนาง แต่เขามองนางทานอย่างเดียวโดยไร้ทีท่าว่าจะหยิบตะเกียบ
“เหตุใดจึงมิทานเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอรู้สึกแปลกใจ หรือนี่เป็นกฎระเบียบภายในจวนอ๋อง ?
“ข้าทานมาแล้ว ได้ยินซูโจวบอกว่าเมื่อช่วงกลางวันเจ้ายังมิได้ทานอันใด”
อันหลิงเกอยกยิ้มอย่างลำบากใจ จากนั้นก็ก้มหน้าคีบของว่างต่อ ทว่านางมิได้คีบเข้าปากแต่กวัดแกว่งไปมาและสุดท้ายก็มองมู่จวินฮานพลางกล่าวว่า “จริงสิ ท่านมาหาข้าที่นี่ มีเรื่องอันใดเจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานตกตะลึงเมื่อถูกอันหลิงเกอถามเยี่ยงนี้
ตอนเขาให้คนมารายงานนั้นเพียงอยากมาดูนาง เมื่อเขารู้ว่านางยังมิได้ทานข้าวเขาจึงรีบมา
บัดนี้มู่จวินฮานเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง ยามค่ำคืนดึกดื่นเยี่ยงนี้หากมิได้มีเรื่องอันใดก็เกรงว่านางคงคิดมากไป
“ข้าได้ยินองครักษ์กล่าวกันว่าซูโจวมาที่นี่จึงมาดูสักหน่อย กลัวว่าพวกเจ้าจักเกิดเรื่องเข้าใจผิด”
มู่จวินฮานเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนซึ่งอันหลิงเกอก็มองออก เพียงแต่นางเดาใจของเขามิออกเท่านั้น
เขารู้เรื่องของหนานกงหลิงเยว่หรือ ? เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของนางใช่หรือไม่ ?
ทั้งสองเป็นพ่อแม่คนแล้วจึงดูเหมือนว่าเคร่งขรึมขึ้นกว่าอดีต
อันหลิงเกอมองมู่จวินฮานอีกครั้งคล้ายต้องการเห็นอันใดบางอย่างในสายตาของเขา เวลานี้มู่จวินฮานได้เงยหน้าขึ้น
“ข้าแค่อยากมาดูเจ้าเท่านั้น” ครั้นได้ยินประโยคนี้ อันหลิงเกอก็ตกตะลึงทันที
นางสามารถแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าเขาได้ แม้อันหลิงเกอกลายเป็นมารดาแล้ว แต่สีหน้าของนางก็มักร้อนผ่าวและแดงเรื่อโดยมิรู้ตัว
“ท่าน…”
“เกอเอ๋อ”
เขาเรียกชื่อนางด้วยเสียงเบา
อันหลิงเกอยังมิทันได้ตอบสนอง แค่มองเขาอย่างเงียบ ๆ
“ข้าเหนื่อยแล้ว ท่าน…”
อันหลิงเกอยังมิทันกล่าวจบ มู่จวินฮานก็เข้าใจความหมายของนาง เขาแค่ทอดถอนใจและลุกขึ้นยืน
“ช่างเถิด” มู่จวินฮานมิได้แสดงท่าทางอันใดและก็มิรู้ว่าจักกล่าวอันใด
เมื่อเห็นเขาเดินจากไปแล้ว อันหลิงเกอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ในใจรู้สึกว่างเปล่า
ตั้งแต่ที่จ้าวหลานหยู่เอ่ยเรื่องการตายของมารดา แม้แต่คนในหอพิษกู่ก็ยังเอ่ยถึงท่านแม่ ในใจของอันหลิงเกอจึงมิอาจปล่อยวางได้
ดังนั้นมิว่ามู่จวินฮานเป็นเยี่ยงไร นางต้องควบคุมตนเองให้ได้ อย่างน้อยก็ในช่วงที่ความเคียดแค้นยังมิถูกลบล้างหมดสิ้น ยังมีเรื่องราวมากมายที่นางสืบหามิได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อันหลิงเกอก็เอนกายลงนอนจากนั้นก็มองไปยังเปลเด็กและกวัดแกว่งไปมาแต่ทำเยี่ยงไรก็นอนมิหลับ
ดูเหมือนใบหน้าของมู่จวินฮานปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง อันหลิงเกอยังรู้สึกอยากอิงแอบไหล่ของเขา ยังอยากสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ปะปนอยู่ในน้ำเสียงของเขารวมทั้งคำเรียกเกอเอ๋ออย่างแผ่วเบาเมื่อครู่
นึกถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนหนังตาของนางค่อย ๆ หนักขึ้น จากนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
“พระชายา พระชายา แย่แล้วเจ้าค่ะ ! ” เช้าวันรุ่งขึ้นความฝันในชั่วข้ามคืนก็ถูกเสียงของปี้จูขัดจังหวะ
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ? ” อันหลิงเกอลืมตาขึ้นมาและเห็นปี้จูยืนร้อนใจอยู่ข้างเตียงโดยพยายามเรียกนางมิหยุด
“พระชายา ท่านไปยังห้องโถงด้านหน้าเร็วเจ้าค่ะ อวี๋หมิงหลันกลับมาอีกแล้ว ! ”
อวี๋หมิงหลัน ? แค่อวี๋หมิงหลันเท่านั้น เหตุใดปี้จูจึงระแวดระวังเยี่ยงนี้ ?
“พระชายา เหตุใดท่านจึงเย็นชาเยี่ยงนี้ เมื่อคราวก่อนท่านออกนอกจวนไปหลายวันมิใช่หรือเจ้าคะ ? บัดนี้อวี๋หมิงหลันกลับมา นางต้องมาหาท่านอ๋องแน่นอนเจ้าค่ะ ! ”
ปี้จูเห็นว่าอันหลิงเกอมิตอบสนองอันใดจึงเดินเข้ามาพูดอย่างร้อนใจโดยไร้พิธีรีตอง
“รู้แล้ว” อันหลิงเกอจำใจลุกขึ้น เช่นนั้นก็มิรู้ว่าสาวใช้ผู้นี้จักโวยวายไปถึงตอนไหน นางลูบผมอย่างลวก ๆ และตรงไปยังห้องโถงด้านหน้าทันที
ปี้จูอยากให้นางแต่งกายสมเกียรติการเป็นนายหญิงของจวนอ๋อง แต่รู้ว่าสำหรับอันหลิงเกอแล้วยากที่จะบังคับได้
อันหลิงเกอเป็นคนเรียบง่ายเสมอ
ขอแค่พระชายายอมออกมาประณามอวี๋หมิงหลันถึงหน้าประตูด้วยตนเองก็มิเลวแล้ว
มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามา มุมปากก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย เขามิรู้ว่าเหตุใดนางถึงมา แต่นางปรากฏตัวที่นี่ได้เขาก็พึงพอใจมาก
“พี่สาว…” เมื่ออวี๋หมิงหลันเห็นนางจึงรีบรุดหน้าเข้ามาทันที
ตั้งแต่สมรสกับจ้าวหลานหยู่ไปแล้ว ความกล้าของอวี๋หมิงหลันก็มีมากกว่าอดีต