ภาคที่ 1 บทที่ 30 กำจัด

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 30 กำจัด

เมื่อถังเจิ้นมาถึงเพราะได้รับข้อความ ชายชราก็เห็นเพียงซูเฉินกำลังนั่งจิบชาอย่างสงบเยือกเย็นอยู่ ทว่าไม่เห็นเหลาอวี้และจ้าวซื่อ

“พวกเขาอยู่ไหน?”

“ถูกขังอยู่ในห้องด้านหลัง” ซูเฉินตอบ รินชาให้ถังเจิ้นหนึ่งถ้วย

ในเมื่อทั้งคู่เป็นเพียงคนธรรมดา ซูเฉินจึงจัดการได้ไม่ยาก

ถังเจิ้นรับชามาก่อนนั่งลง “เหลาอวี้มีปัญหางั้นหรือ?”

ข้อความที่ซูเฉินให้คนงานนำไปส่งให้ถังเจิ้นไม่ได้กล่าวเช่นนั้นอย่างชัดเจน เพียงกล่าวว่าผู้จัดการร้านเหลาพาคนที่อยากขายของมา คนผู้นั้นขอราคาสองพันตำลึงทองคำบริสุทธิ์ แล้วคนผู้นั้นยังต้องการเงินด่วน ซูเฉินจึงต้องการให้หัวหน้าผู้จัดการร้านกลับมาช่วยประเมินสินค้า

ทว่าถังเจิ้นนั้นมีประสบการณ์มากถึงเพียงไหน? เมื่อได้รับข้อความก็รู้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบเดินทางกลับมา เกรงว่าซูเฉินจะซื้อขายไปจริง ๆ

เมื่อได้ยินว่าซูเฉินขังทั้งคู่อยู่ในห้องด้านหลัง ข้อสงสัยในใจก็ได้รับการยืนยัน เขาจึงถามไปตามตรงว่าเหลาอวี้มีปัญหาหรือ

ซูเฉินพยักหน้า “ลูกชายเขาพนันเงินแปดร้อยตำลึงทองกับคนไว้ วันนี้เพิ่งถูกจับ บอกว่าหากไม่ได้รับเงินภายในวันนี้จะตัดแขนตัดขาทิ้งเสีย กลยุทธ์เก่าแต่ได้ผลชะงัดนัก”

“ไอ้หยา! เหลาอวี้นี่เซ่อเกินไปจริง ๆ!” ถังเจิ้นตบอกตนเอง กระทืบเท้าลงพื้นด้วยความเศร้าสงสารเหลาอวี้

หลังจากรู้สึกเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่ เขาก็เอ่ยถามซูเฉิน “เช่นนั้นได้ข้อมูลอันใดจากคนขายบ้างหรือไม่?”

ซูเฉินส่ายหัว “ครั้งนี้อีกฝ่ายรู้มาก หาคนกลางที่ไม่มีความสัมพันธ์กับใครมาลงมือ จ้าวซื่อไม่รู้ว่าคนบงการคือใคร ทว่าไม่ต้องเป็นกังวล หากมีเรื่องอันใด แค่ท่านกับข้ารู้ว่าใครเป็นคนลงมือก็เพียงพอ”

“รู้แล้วจะได้อะไร? หากไม่มีหลักฐานก็เอาผิดนางไม่ได้” ถังเจิ้นถอนหายใจ

“ครั้งที่แล้วมีหลักฐาน ทว่าสุดท้ายเราก็ปล่อยไปไม่ใช่หรือ?” ซูเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ “นางเป็นสตรีของท่านพ่อ ส่วนท่านพ่อก็รักหน้ายิ่งกว่าสิ่งใด หากเราทำให้เป็นเรื่องใหญ่ต้องกระทบกับท่านพ่อแน่ ท่านพ่อจะไม่ลงโทษนางเพราะเรื่องนี้ หากแต่จะยิ่งเกลียดข้ามากขึ้นไปอีก…… ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ชอบข้ามากนักก็เถอะ”

ถังเจิ้นถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

“ทว่าความอดทนข้ามีจำกัด” ซูเฉินว่าต่อ “ข้าปล่อยนางไปครั้งที่แล้วเพราะนางไม่ได้หมายเอาชีวิตข้า เพียงต้องการทรัพย์เท่านั้น ทว่าตอนนี้นางจงใจเอาชีวิตข้า ข้าก็จะไม่เมตตานางอีกต่อไป”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ถังเจิ้นไม่เข้าใจ

ซูเฉินชูขวดยาในมือขึ้น “ยาขวดนี้ ด้านในมียาเม็ดขับไล่สัตว์อสูรที่หยานหวู่ชวงต้องการให้จ้าวซื่อนำมาขายให้ข้า แน่นอนว่ายาไม่ใช่ของจริง ท่านลองเดาดู ท่านคิดว่าเป็นสิ่งใด?”

“เป็นสิ่งใด?” ถังเจิ้นถาม

“ยาล่อสัตว์อสูร”

เฮือก!

ถังเจิ้นแทบสำลักอากาศเย็นเยียบภายในห้อง

นางสลับยาเม็ดขับไล่สัตว์อสูรกับยาล่อสัตว์อสูรเช่นนี้หมายความว่านางจงใจฆ่าซูเฉิน!

ถังเจิ้นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ทุบกำมือลงบนโต๊ะ “นางแพศยาผู้นี้รนหาที่ตายเสียแล้ว!”

“นางได้ตายแน่ ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” ซูเฉินกล่าว “การตามหาว่าใครเป็นคนกลางนั้นเร่งด่วนกว่า หลังจากข้ากลับมาพร้อมหลักฐาน ข้าจะคิดบัญชีกับสตรีแพศยานางนี้ แล้วก็จะได้เห็นท่าทีของเขา……”

เขาไม่พูดให้จบประโยค ทว่าถังเจิ้นสามารถเดาคำพูดเหล่านั้นได้

ชายได้แต่แอบถอนหายใจ เขาได้แต่หวังว่าซูฉางอันจะไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการ ถึงตระกูลถังจะมีกิจการไม่ใหญ่โตเท่าตระกูลซู อย่างไรก็ยังมีคนมาก ต้องหาหลักฐานจำเป็นได้แน่”

“ดีมาก” ซูเฉินวางใจให้ถังเจิ้นจัดการในเรื่องนี้

ทันใดนั้นชายชราก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ถังเจิ้นมองซ้ายมองขวา ก่อนจะลดเสียงเบาพูดกับซูเฉิน “แล้วท่านคิดจะทำอย่างไรกับเหลาอวี้?”

ซูเฉินตอบ “ถึงผู้จัดการร้านเหลาจะทำผิด แต่ก็มีเหตุผลให้ต้องทำ อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเพราะคนที่เขารักอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย จึงถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ ปล่อยเรื่องนี้ไปเถิด”

“ปล่อยเขาไปเลยงั้นหรือ? แต่เขาทรยศเจ้านาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ สักเล็กน้อยก็ยังดีไม่ใช่หรือ?” ถังเจิ้นแปลกใจ

เดิมทีเขาตั้งใจจะขอความเมตตาจากซูเฉินแทนเหลาอวี้ ทว่าไม่คิดว่าซูเฉินจะใจดีกว่าตน ปัดเรื่องที่เหลาอวี้หักหลังทิ้งไปโดยง่าย ด้วยความที่ประหลาดใจมาก คำที่ต้องการพูดจึงไม่หลุดออกมา ลิ้นพันกันไปหมด

ซูเฉินหัวเราะ “อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ ทว่าไม่ใช่ถูกลงโทษโดยฝีมือเรา”

“ว่าไงนะ?” ถังเจิ้นไม่เข้าใจ

ซูเฉินค่อย ๆ พูดอธิบายขึ้นอย่างช้า ๆ “อีกฝ่ายขู่ว่าจะตัดแขนขาลูกชายสุดที่รักเขาหากไม่ยอมจ่ายเงินไม่ใช่หรือ? ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะลงมือจริงหรือไม่ หากไม่แล้วความพยายามทั้งหมดของพวกเขาคงสูญเปล่า แต่หากลงมือ…… ท่านคิดว่าเหลาอวี้จะมองหยานหวู่ชวงที่ลวงลูกชายเขามาติดกับทำให้เสียแขนขาอย่างไร?”

เฮือก!

ถังเจิ้นสูดอากาศเย็นเข้าปอดอีกหนึ่งครา

เขาไม่คิดว่าซูเฉินจะคิดคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนเช่นนี้ ความคิดอ่านของเด็กคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนักใน ทั้ง ๆ ที่เขามีอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น

ซูเฉินเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศมากอยู่แล้ว เมื่อประสบเหตุการณ์ดีร้ายต่าง ๆ ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา ทุกข์ทนกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ต่าง ๆ มากมายแล้ว สายตาของเขาก็ยาวไกลกว่าเด็กที่อายุเท่ากันมาก เด็กหนุ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว เตรียมการเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ถังเจิ้นยังเดินทางมาไม่ถึง ถังเจิ้นเพียงต้องทำตามแผนของเขาเท่านั้น

ตอนนี้ ซูเฉินมุ่งเพียงเอาชีวิตรอดจากบทลงทัณฑ์สีเลือดให้ได้ หลังจากกลับมา เขาจะจัดการคนอย่างหยานหวู่ชวง เจี้ยนซิน และซูเค่อจี่ให้ได้

หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้ถังเจิ้นแล้ว ซูเฉินก็มองฟ้า เห็นว่าไม่เช้าอีกต่อไป ดังนั้นจึงเตรียมตัวกลับตระกูลซู

โจวหงเตรียมรถม้ารออยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่กำลังขึ้นรถม้านั่นเอง เขาก็เอ่ยขึ้น “ใช้ถนนเส้นหลัก ข้าอยากชมวิวเสียหน่อย”

“ขอรับ นายน้อย” โจวหงขับรถม้าตรงไปอย่างมั่นคง

รถม้าเคลื่อนตัวไปไม่เร็วนัก ซูเฉินนั่งอยู่ด้านใน มองภาพด้านนอกที่เคลื่อนตัวไปด้านหลัง ภาพซูฉางอันที่กำลังพาเขาออกมาเล่นสมัยยังเยาว์วัยในความทรงจำฉายชัด

“ท่านพ่อ ข้าอยากได้ถังหูลู่(1)…… ข้าไม่ได้อยากทานเองหรอก แต่ชายชราคนนั้นน่าสงสาร ข้าอยากเอาขนมให้เขากิน…… เหตุใดข้าจึงให้ถังหูลู่แก่ขอทานไม่ได้ล่ะท่านพ่อ?……

“ข้าอยากขี่ม้า……  ท่านพ่อเป็นม้าให้ข้าได้ไหม…… ต่อไปข้าอยากขี่อสูรกาย เป็นแม่ทัพที่คอยปกป้องเผ่ามนุษย์……”

“วางใจเถอะท่านพ่อ ลูกชายท่านจะพยายามให้มากขึ้นและเอาชนะพี่ชิงและคนอื่น ๆ ให้ได้ ข้าจะเป็นเกียรติยศให้ท่าน…… ท่านพ่อ หากลูกคนนี้ไม่ใช่ผู้ที่เก่งที่สุดแล้ว ท่านจะยังรักข้าหรือไม่?……”

คำพูดใสซื่อที่เขาเคยเอ่ยไว้ในวัยเด็กดังสะท้อนอยู่ในหู

ยิ่งรถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ซูเฉินยิ่งรู้สึกโหยหาและเศร้าใจเป็นยิ่งนัก

ซูเฉินถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นปิดม่านลง

เด็กหนุ่มรู้ดีว่าความสัมพันธ์พ่อลูกที่สูญเสียไป บางทีไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิมได้อีก

เชิงอรรถ

ถังหูลู่ ผลไม้เคลือบน้ำตาล