‘เรียนท่านปีเตอร์’
‘เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้มีโอกาสต้อนรับคนจากตระกูลวลาดิเมียร์ ณ เมืองยูรัลแห่งนี้ ในเมื่อตอนนี้พายุสงบลงแล้วและอากาศก็สดใสขึ้น ดังนั้น เพื่อที่จะฉลองต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้มาเยือนและต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากแดนไกล ข้าใคร่ขอเรียนเชิญชนชั้นสูงในเมืองนี้ทุกท่านให้มาร่วมกันล่าสัตว์ฤดูหนาวในป่าภายใต้อาณาเขตคฤหาสน์ของข้า โปรดให้ข้าได้รับเกียรติต้อนรับทุกท่านด้วย’
‘บารอนเนสคาร์ลีนา ล็อตต์นิโค’
นั่นช่างเป็นจดหมายเชิญที่หรูหราเสียจริง กระดาษทำมาจากกระดาษแข็งชั้นดีพิมพ์ลวดลายดอกทานตะวัน และมีลายมืองดงามสละสลวยเป็นภาษาชาชรานของนางเขียนไว้ จดหมายเชิญยังมีกลิ่นหอมของสตรีที่หญิงสาวชนชั้นสูงผู้งดงามเปี่ยมเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่นางนั้นทิ้งเอาไว้
‘บารอนเนสคาร์ลีนา ล็อตต์นิโค…’ ลูเซียนเพิ่งจะได้ยินชื่อนี้มาจากเซอร์เก คนที่เขาสงสัยว่าจะเป็นนักต้มตุ๋น เขาจึงรู้สึกลังเลเล็กน้อยนตอนนี้
สมาชิกกองคาราวานเห็นว่าลูเซียนไม่พูดอันใดหลังจากอ่านจดหมายเชิญ พวกเขาจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านปีเตอร์ ขุนนางคนไหนเชิญท่านไปพบเช่นนั้นหรือ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูเซียนได้รับจดหมายเชิญประเภทนี้ เจ้าผู้ครองรัฐหลายคนก็เคยเชิญเขาไปพบมาก่อน เพราะนามสกุลวลาดิเมียร์ของเขา และด้วยมารยาทของชนชั้นสูง ลูเซียนจึงต้องรับเชิญหลายๆ ครั้ง และไปร่วมงานเลี้ยงมาแล้วหลายงาน
แม้ว่าหลังจากที่เจ้าผู้ครองรัฐทั้งหลายทราบว่าปีเตอร์เป็นเพียงลูกชายของท่านลอร์ดผู้หนึ่งที่พลาดพลั้งจากการสืบทอดตำแหน่ง พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเย็นชาต่อลูเซียน แต่ถึงกระนั้นจดหมายเชิญเหล่านั้นก็ทำให้กองคาราวานได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางภายในจักรวรรดิไม่น้อย
“มาจากบารอนเนสคาร์ลีนาน่ะ” ลูเซียนตอบไปตามตรง จักรวรรดิชาชรานแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตและมีขุนนางน้อยใหญ่ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญจำนวนนับไม่ถ้วน ลูเซียนไม่ได้รู้จักพวกเขาเสียเท่าไหร่ เว้นก็แต่เคานต์วิตต์ และเขาก็กำลังคาดหวังว่าคนในกองคาราวานนี้จะบอกข้อมูลให้เขาได้ทราบเพิ่มเติม
หลังจากได้ดื่มไวน์ชั้นดีกับอาหารกลางวัน ใบหน้าของเบอร์ดีชิฟก็แดงก่ำ และจมูกแดงๆ ของเขาก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม “บารอนเนสคาร์ลีนาน่ะรึ! ฮ่าๆ… นางคือหญิงงามแห่งยูรัล! เป็นแม่ม่าย! นางได้รับสมบัติมากมายมาจากบารอน แล้วก็นะ ท่านปีเตอร์ ท่านต้องนึกไม่ออกแน่ๆ ว่ามีขุนนางหนุ่มมากมายเพียงใดที่ต้องการจะเอาชนะใจนาง ทั้งหญิงงาม คฤหาสน์ และสมบัติพัสถาน… ลองคิดดูสิท่าน”
เบอร์ดีชิฟยังเมาอยู่เล็กน้อย เขามองมาทางลูเซียนแล้วพยายามส่งสายตาแฝงนัยน์ เพราะนี่ก็คือหัวข้อสนทนาที่รู้กันดีในหมู่ผู้ชาย
“บารอนเนสคาร์ลีนาถูกขนานนามว่า ‘แม่ม่ายดำ’ และ ‘นางจิ้งจอกหลงตน’” หญิงสาวผมบลอนด์ดวงตาสีเขียวกล่าวเสริมด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย “นางเกิดมาในครอบครัวขุนนาง และนางยังเป็นหลานสาวของภริยาคนที่สองของท่านเคานต์อีกด้วย แต่หลายปีก่อน นางปฏิเสธขุนนางหนุ่มทุกคนที่มาตามเกี้ยวพาแล้วแต่งงานกับบารอนล็อตนิคอฟ พ่อม่ายไร้ทายาทที่ตอนนั้นอายุมากกว่านางถึงสี่สิบหกปีเพื่อให้ได้สมบัติกับยศศักดิ์ของท่าน สุขภาพของบารอนล็อตนิคอฟยังค่อนข้างดีมากตอนที่ทั้งสองแต่งงานกันแรกๆ แต่ห้าปีหลังจากนั้น บารอนก็ดูเฒ่าชราลงมากและป่วยหนัก ไม่นานท่านก็จากไป”
“ไอริน่า อยุดเผยแพร่คำลือมั่วๆ สักที” สุภาพบุรุษท่านหนึ่งในกองคาราวานเอ่ยขึ้น “มองไปรอบๆ สิ เราอยู่ในโรงแรมหรูแห่งยูรัลนะ หาใช่กลางป่ากลางเขา ถ้าเกิดพวกขุนนางมาได้ยินเข้าล่ะ”
เบอร์ดีชิฟโบกมือทั้งสองข้าง “ใจเย็นๆ เชื่อข้าสิ พวกขุนนางน่ะอยากจะให้ผู้คนเล่าลือเกี่ยวกับชื่อเสียงแย่ๆ ของบารอนเนสคาร์ลีนาเป็นแน่ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีคู่แข่งน้อยลง พวกชนชั้นสูงน่ะไม่ได้สนใจชื่อเสียงของบารอนเนสหรอก พวกเขาต้องการยศถาบรรดาศักดิ์ เงิน และหญิงงามต่างหากเล่า”
“นางมีชื่อเสียงย่ำแย่จริงๆ นั่นแหละ นางเริ่มเชื้อเชิญขุนนางหนุ่มไปที่คฤหาสน์และจัดงานเลี้ยงแสนฟุ่มเฟือยทั้งหลายนั้นเมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากที่บารอนจากไป”
“เอาเป็นว่า” ลูเซียนแย้มยิ้ม “บารอนเนสเป็นผู้เชิญข้า และเราก็ไม่ได้รีบร้อนไปจากที่นี่ ข้าควรจะมีมารยาทและไม่ทำให้ผู้จัดงานนี้ผิดหวัง”
ลูเซียนจำต้องเล่นไปตามบทบาทเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวตนชนชั้นสูงให้ดี และเพราะว่าเขาไม่ใช่ชนชั้นสูงคนเดียวที่ได้รับเชิญ งานล่าสัตว์ในฤดูหนาวนี้คงจะไม่อันตรายเท่าไหร่ และตราบใดที่เขาไม่ทำตัวโลภมากจนเกินไป ลูเซียนก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกหลอก
อย่างไรเสีย ณ เวลานี้ ตัวลูเซียนเองก็เป็นนักต้มตุ๋นเช่นเดียวกัน
ได้ยินเช่นนั้น สมาชิกในกองคาราวานหลายคนก็เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย บ้างก็เริ่มเล่นมุกตลก ในขณะที่บางคนดูท่าทางไม่ชอบใจนัก
ลูเซียนยืนขึ้นแล้วค้อมศีรษะให้พวกเขาพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้น พบกันใหม่พรุ่งนี้นะทุกท่าน”
หลังจากกล่าวประโยคนั้นจบ เขาก็ปิดหนังสือ ‘Работаактёранадсобой (นักแสดงฝึกหัด)’ ในห้องสมุดห้วงจิต
…
แผ่นดินปกคลุมไปด้วยหิมะหนาหลายชั้น ต้นสนสูงใหญ่สลัดหิมะออกไปเป็นครั้งคราวเพื่อลดภาระ สุนัขแห่งยูรัลสีดำใหญ่หลายตัวพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนูเพื่อไล่ตามฝูงกระต่าย
ทันใดนั้น ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งทะลุตัวกระต่ายป่าสีเทาอย่างแม่นยำ
เสียงปรบมือดังตามมา ขุนนางหนุ่มผู้หนึ่งพยายามจะเอ่ยเอาใจท่านหญิงชนชั้นสูง “น่าประทับใจยิ่ง! คาร์ลีนา ฝีมือการยิงธนูของท่านพัฒนาขึ้นมากจริงๆ!”
คาร์ลีนายกคันธนูขึ้นเหมือนผู้ได้รับชัยชนะ จากนั้นจึงหันมาพูดกับลูเซียน “ท่านปีเตอร์ ถึงคราวท่านยิงบ้างแล้ว ข้าได้ยินมาว่าสมาชิกทุกคนของวลาดิเมียร์เก่งกาจการยิงธนูยิ่งนัก”
บารอนเนสเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี เส้นผมสีบลอนด์นุ่มสลวยถูกมัดเก็บไปด้านหลัง และบนใบหน้ามักประดับด้วยรอยยิ้มที่รับกับดวงตาสีฟ้าของนางเสมอ ริมฝีปากสีแดงเรื่ออวบอิ่มของนางดูราวกับกลีบดอกไม้ ชุดล่าสัตว์สีดำที่นางสวมช่วยขับเน้นทรวดทรงองเอวได้ดียิ่ง ภาพของบารอนเนสในยามนี้นั้นไม่ว่าขุนนางหนุ่มคนใดก็ไม่อาจละสายตาไปได้
ลูเซียนเคยเห็นสตรีที่งามล้ำยิ่งกว่านางมาก่อน ดังนั้นเขาจึงทำเพียงเหลือบมองแล้วเอ่ยตอบว่า “ขอบคุณขอรับท่านหญิงคาร์ลีนา ชื่อเสียงเกียรติยศทั้งหมดเป็นของตระกูล แต่บอกตามตรงนะขอรับ ข้าเป็นพวกชอบต่อยตีมากกว่านักธนูที่ดี”
ลูเซียนชี้นิ้วมายังดาบสองด้ามที่ห้อยอยู่ตรงเอว แต่จากนั้น แม้ว่าเขาจะพูดไปตามมารยาท ลูเซียนก็ยังยิงลูกธนูออกไปอย่างรวดเร็วและเข้าเป้าที่กระต่ายป่ากลางหิมะอย่างตรงเผง
สิ่งสำคัญในการยิงธนูก็คือความมั่นคงและสายตาที่ดี และทั้งสองอย่างนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับลูเซียนเลย
“อื้มม… เห็นได้ชัดว่าท่านถ่อมตนอย่างยิ่งนะเจ้าค่ะ ท่านปีเตอร์ ทักษะการยิงธนูของท่านใกล้เคียงกับระดับอัศวินเลยทีเดียว เมื่อมีเวลาท่านน่าจะช่วยสอนข้าสักหน่อยนะเจ้าค่ะ” คาร์ลีนาจ้องมองลูเซียนด้วยดวงตาสีฟ้ากลมโตที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
นั่นทำให้ขุนนางหนุ่มคนอื่นๆ ไม่พอใจเล็กน้อย ชายหนุ่มผมสีดำผู้หนึ่งหยิบคันธนูของตนขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “เขาก็แค่ใกล้เคียงกับระดับอัศวิน แต่เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เห็นถึงทักษะการยิงธนูระดับอัศวินที่แท้จริง!”
หลังจากนั้น เขาก็ยิงลูกธนูออกไปอย่างร้อนแรงจนมันแทบจะลุกเป็นไฟทั้งดอก ลูกธนูดอกนั้นพุ่งทะลุผ่านต้นไม้ใหญ่และปักเข้าใส่ดวงตาข้างหนึ่งของสัตว์ตัวที่อยู่ด้านหลังนั้น ทำให้ขนบนตัวไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
เขาหันกลับมาแล้วแย้มยิ้มพอใจ “ปีเตอร์ เจ้าเห็นนั่นไหม แน่นอนว่าข้ายินดีซ้อมดาบกับเจ้าด้วยเช่นกันนะ”
ก่อนที่ลูเซียนจะได้ตอบอะไร คาร์ลีนาก็ส่งยิ้มหวานให้ “เป็นลูกธนูที่ยิงได้ยอดเยี่ยม บาร์แชค”
ความนัยน์ของประโยคนั้นชัดเจน จากนั้นคาร์ลีนาจึงหันไปพูดคุยกับขุนนางคนอื่นๆ ทักษะการเข้าสังคมอันเยี่ยมยอดของนางทำให้ตลอดบ่ายวันนั้นอบอุ่นและสนุกสนานไม่น้อย
…
ภายในป่า ห่างไกลจากเหล่าชนชั้นสูงพอสมควร ชายสองคนในชุดคลุมยาวสีดำกำลังจดจ้องไปทางคาร์ลีนา เมื่อเหล่าขุนนางหนุ่มเริ่มกระจายตัวกันเข้าไปในป่าเพื่อหาของขวัญที่ดีที่สุดให้กับคาร์ลีนา ชายคนหนึ่งก็เอ่ยกับชายอีกคน “มีอานกา อีกเดี๋ยวเจ้าแปรงกายเป็นหมีเหมันต์แล้วจู่โจมคาร์ลีนา เจ้าต้องแน่ใจว่าการโจมตีรอบแรกพลาดเป้าหมาย จากนั้นเจ้าก็จู่โจมใส่เจ้าขุนนางผมบลอนด์ข้างกายนาง หลังจากทำให้มันบาดเจ็บ เจ้าก็หนีออกมา แสร้งทำเป็นว่ามันทำร้ายเจ้าด้วยล่ะ”
“ไม่มีปัญหา นิเอคย์” ขณะที่ชายร่างสูงกล่าว ร่างกายเขาก็ค่อยๆ ปกคลุมด้วยแสงสีเทา และเมื่อแสงนั้นหายไป ชายหนุ่มก็กลายเป็นหมีตัวใหญ่ขนสีขาว
‘หมีเหมันต์’ คือสัตว์เวทที่พบได้ทั่วไปในจักรวรรดิชาชราน ตัวที่โตเต็มวัยอาจมีพลังเทียบเท่ากับอัศวินผู้หนึ่งเลยทีเดียว
นิเอคย์แสยะยิ้มขณะเอ่ย “มีอานกา ควบคุมตัวเองสักหน่อย เดี๋ยวเจ้าจะเผลอซ้อมเจ้านั่นจนเละเสียก่อน แล้วก็แสดงให้ดีเล่าตอนที่เจ้าถอยออกมาน่ะ อย่าทำให้มันสงสัยล่ะ”
“ใจเย็นน่า ข้าจัดการได้แน่” หมีขาวตอบกลับมา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หมีเหมันต์สีขาวก็โผล่ออกจากป่าและพุ่งเข้าหาคาร์ลีนาโดยตรง นางกรีดร้องเสียงแหลมขณะหลบการโจมตีจากหมีตัวนั้นแทบไม่พ้น ก่อนที่นางจะรีบไปขอความช่วยเหลือจากลูเซียน
ในตอนนั้นเองที่หมีเหมันต์ตัวใหญ่ยกอุ้งเท้ายักษ์ของมันขึ้นตรงหน้าลูเซียน เมื่อเห็นเช่นนั้น นิเอคย์ก็แย้มยิ้มกว้าง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ทีนี้ขั้นต่อไปก็คือการที่มีอานกาจะทำร้ายชายหนุ่มชนชั้นสูงผู้นั้นแล้วหนีไป
แต่ฉับพลันนั้น หลังจากที่แสงสว่างวาบขึ้นวูบหนึ่ง หมีเหมันต์ก็ล้มลงต่อหน้าม้าของลูเซียนเสียงดังตึง!
ลูเซียนที่อยู่บนหลังม้าถือดาบยาวสีฟ้าอยู่ในมือข้างหนึ่ง แผ่นหลังของเขาเหยียดตรง ขณะที่เขาจ้องมองหมีตัวนั้น มันก็ระเบิดแสงสีเทาออกมาและเผยตัวตนที่แท้จริง นั่นก็คือชายในเสื้อคลุมยาวสีดำ
เมื่อเห็นเช่นนั้น นิเอคย์ก็แทบจะอ้าปากค้าง “เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
……………………