มันดูราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไปหลายวินาที แม้แต่กระแสลมอันเย็นเยียบ
คาร์ลีนากับผู้อารักขาของนางต่างตกตะลึงและยืนนิ่งอยู่กับที่ เฝ้ามองหมีเหมันต์กระโจนเข้าใส่พวกตน จากนั้นก็เกิดประกายแสงจากดาบขึ้นวูบหนึ่ง แล้วหมีเหมันต์ก็ร่วงตุบลงไปกองกับพื้น ทำให้หิมะสาดกระจายไปทั่ว
พวกเขาไม่อาจเชื่อสายตาตนเอง หมีขนาดโตเต็มวัยจะถูกสังหารได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หยาดโลหิตไหลซึมออกมาเป็นเส้นสายบางๆ จากหน้าผาก จมูก ปาก และร่างกายของหมีตัวนั้น หรือถ้าจะให้พูดเจาะจงกว่านั้นก็คือ หยาดโลหิตนั้นไม่ได้หลั่งออกมาเสียทีเดียว แต่มันกลับถูกแช่แข็งด้วยบางอย่างที่ดูเหมือนน้ำแข็งสีฟ้าเป็นประกาย
จากนั้น แสงสีเทาลึกลับก็ระเบิดออกมาจากตัวมัน เมื่อแสงนั้นหายไป หมีตัวนั้นก็หายไปแล้ว กลับแทนที่ด้วยชายผู้สวมเสื้อคลุมยาวสีดำที่นอนอยู่บนพื้น กลางใบหน้าเขามีบาดแผลฉกรรจ์ และเสื้อคลุมยาวของเขาก็ถูกตัดครึ่ง
ชายผู้นั้นยังคงมีชีวิตอยู่ และกำลังดิ้นทุรนทุราย เห็นได้ชัดว่า หากพวกเขาไม่ทำอะไรและปล่อยให้เขานอนอยู่ตรงนั้น อีกไม่กี่นาทีเขาก็คงจะเสียชีวิตลงอย่างแน่นอน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างฉับพลัน ลูเซียนมักจะรับมืออย่างตรงไปตรงมาและเฉียบคม เขาจะใช้พลังอย่างเต็มที่เสมอ
‘ชาวดรูอิดงั้นรึ หรือว่านักเวทที่เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์การแปรงกายกันนะ’ ลูเซียนคิดในใจ แน่นอนว่าหลังจากได้เห็นชายผู้นี้ เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ แต่เพราะแสงสีเทาที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้ ลูเซียนจึงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นนักเวทเสียมากกว่า
แต่ก่อนที่จะหาคำตอบว่าแผนการและเจตนาของชายผู้นี้คืออะไร ลูเซียนจะไม่ช่วยเหลือเขาต่อหน้าผู้คนเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นนักเวท
หลังจากจ้องมองชายผู้นั้นอยู่หลายวินาที ในที่สุดคาร์ลีนาก็ได้สติว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วนางก็กรีดร้องดังก้อง “นักฆ่า!”
กองหิมะบนต้นสนถูกแรงสั่นสะเทือนจากเสียงกรีดร้องนั้นทำให้ร่วงหล่น แล้วบรรดาขุนนางหนุ่มที่กระจายตัวออกไปก็รีบกลับมาหานาง
ในเวลาเดียวกันนั้น ใบหน้าของคาร์ลีนาก็ซีดเผือด และจู่ๆ ร่างของนางก็สูญเสียการทรงตัว นางกำลังจะตกจากหลังม้า และตัวนางก็เอนมาทางลูเซียนอีกด้วย
บนใบหน้าลูเซียนยังคงเป็นสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม มือขวาของเขายังคงกำด้ามดาบแน่น พร้อมกับเอื้อมมือซ้ายไปช่วยประคองตัวคาร์ลีนาให้กลับไปนั่งบนหลังม้าของนางตามเดิม ก่อนที่ลูเซียนจะถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นอันใด ขอบคุณท่านปีเตอร์มากเจ้าค่ะ หากไม่มีท่าน ชีวิตข้าคงดับดิ้นไปแล้ว” สีหน้าของคาร์ลีนาดูราวกับดอกไม้ขาวดอกเล็กที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความอ่อนโยน หลังจากที่นางกลับมานั่งบนหลังม้าตนเองได้ มือทั้งสองข้างของนางกลับยังพันรัดมือขวาของลูเซียนเอาไว้ ในขณะที่ร่างเอิบอิ่มของนางเริ่มเอนแนบเข้าหาแขนของลูเซียน ราวกับว่านางกำลังมองหาที่กำบังที่ไว้ใจได้ ลูเซียนได้กลิ่นที่ผสมกันระหว่างเครื่องสำอางกับน้ำหอมของนางได้อย่างชัดเจน
จมูกของเขารู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ และเขาก็เกือบจะร่ายคาถาของเวท ‘พรายน้ำกรองอากาศ’ โดยสัญชาตญาณเพื่อกำจัดกลิ่นฉุนจัดนี้ออกไป
สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป และลูเซียนก็ไม่คิดไว้ใจบารอนเนสอยู่แล้วเพราะเซอร์เก ดังนั้นลูเซียนจึงไม่รู้สึกอะไรเลยกับหญิงงามที่กอดแขนเขาอยู่ เขาค่อยๆ ดันคาร์ลีนาออกห่างอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดีใจที่ได้ยินว่าท่านปลอดภัยดีนะขอรับ แต่มันอาจยังมีนักฆ่าคนอื่นอยู่รอบๆ นี้ก็ได้ เรายังตกอยู่ในอันตราย กรุณาอย่าทำให้ข้าเสียสมาธิเลยขอรับ”
คาร์ลีนากำลังจะแนบหน้าอกหน้าใจของนางกับแขนของลูเซียน ทว่า หลังจากได้ยินประโยคนั้น นางก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันใด คาร์ลีนาคิดในใจว่า ผู้ชายประเภทไหนกันที่กล้าพูดว่า ‘อย่าทำให้ข้าเสียสมาธิ’ ใส่นาง… ให้ตายเถอะ…
ถึงกระนั้น นางก็ยังคงรักษากิริยาท่าทางเอาไว้ได้ หลังจากนิ่งงันไปวูบหนึ่ง นางก็เอ่ยตอบ “ได้เจ้าค่ะ ท่านปีเตอร์ ท่านช่างกล้าหาญและรอบคอบจริงๆ”
ในตอนนั้นเอง คนรับใช้ของคาร์ลีนาก็กรูเข้ามาล้อมรอบตัวนางเพื่ออารักขาความปลอดภัยจากการโจมตีใดๆ ที่อาจมีมาอีกก็ได้
คาร์ลีนาหาใช่คนไร้ประสบการณ์ ไม่นานนางก็สงบลงเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับคนอื่นๆ “จับตัวนักฆ่านั่นซะ! อย่าให้มันตาย! จับตัวมันไปให้บาทหลวงนิโคไลย์!”
“ตามที่ท่านบัญชา” คนรับใช้หลายคนก้าวออกไปข้างหน้าแล้วหยิบเอาเชือกผนึกพลังเวทและน้ำยารักษาออกมา
บาร์แชค และชนชั้นสูงคนอื่นๆ เพิ่งจะกลับมาถึง พวกเขาต่างรีบร้อนถาม “คาร์ลีนา เป็นอะไรหรือไม่”
ใบหน้าของคาร์ลีนาดูซีดเซียวเล็กน้อย ซึ่งทำให้เหล่าขุนนางหนุ่มยิ่งอยากจะใช้โอกาสนี้ดูแลนางให้ดี
คาร์ลีนาเค้นรอยยิ้มออกมาก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่เป็นอันใด ท่านปีเตอร์จัดการนักฆ่าได้แล้ว น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาเป็นอัศวินจริงๆ และเขาก็หยุดหมีได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียวเท่านั้น”
ขณะกล่าวประโยคนั้น คาร์ลีนาก็เหลือบมองมาทางลูเซียนวูบหนึ่ง แล้วใบหน้าของนางก็พลันแดงเรื่อ
เห็นเช่นนั้น บาร์แชคก็เกิดความหึงหวงรุนแรง เขาจ้องมองลูเซียนพลางกำหมัดแน่น แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักถึงสิ่งที่คาร์ลีนาเพิ่งพูด จึงถามออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ปีเตอร์เป็นอัศวินเช่นนั้นรึ”
แม้ว่าผู้คนที่นี่จะมีโอกาสปลุกพรในกายได้มากกว่า การเป็นอัศวินก็ยังถือเป็นความฝันของเหล่าขุนนางหนุ่มอยู่ดี ตอนนี้บาร์แชคอายุได้ยี่สิบสี่ปีแล้ว และเป้าหมายของเขาก็คือการได้เป็นอัศวินก่อนอายุสามสิบปี หากเขาสามารถแต่งงานกับคาร์ลีนาและฉกฉวยสมบัติของนางมาได้ แม้ว่าเขาจะทำตามเป้าหมายไม่ได้ เขาก็จะยังมีเงินมากพอจะหาซื้อน้ำยาลับจากพวกลักลอบค้าขายผิดกฎหมายเพื่อให้ได้รับพลังนั้นมา
ภายใน ‘สภาเวทมนตร์’ น้ำยาปลุกพรกับน้ำยาชำระล้างโลหิตต้องใช้เงินถึงห้าร้อยธาเลเพื่อให้ได้มา แต่สำหรับชนชั้นสูงในจักรวรรดิลาชรานแล้ว ในดินแดนปิดที่ห่างไกลจากทะเลเช่นนี้ พวกเขาต่างยินดีจะจ่ายกระทั่งหนึ่งหมื่นธาเลเพื่อให้ได้น้ำยาเหล่านั้นมา มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าใจดีว่าพวกเขาโหยหาพลังและยศถาบรรดาศักดิ์มากเพียงใด
ดังนั้น การซื้อขายน้ำยาจึงถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้กำไรงามเกินควรอย่างที่สุด เพราะจักรวรรดิไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสภาเวทมนตร์สักเท่าไหร่ ทางสภาจึงเลือกที่จะลักลอบขายน้ำยาให้กับทางจักรวรรดิในจำนวนจำกัดเป็นครั้งคราวเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มหาศาล นอกจากนี้ นักเวทโบราณบางคนจากเมืองสวรรค์ตะวันออกก็ยังปรุงน้ำยาออกมาในปริมาณเล็กน้อยเพื่อหารายได้เพิ่มอีกด้วย
คาร์ลีนาพยักหน้ารับ “ใช่ ท่านปีเตอร์คืออัศวินที่แท้จริง เขาทั้งแข็งแกร่งและกล้าหาญยิ่งนัก”
บรรดาขุนนางหนุ่มต่างหันไปมองลูเซียนด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางคนก็รู้สึกสับสน บ้างก็หัวเสีย หรือไม่ก็ริษยา
ลูเซียนกล่าวขณะถือดาบ ‘อะเลิร์ต’ “ข้าเดินทางไปรอบๆ ‘ป้อมปราการเพลิง’ อยู่หลายปี และข้าก็ผ่านสถานการณ์อันตรายมามากมาย ข้าจึงสามารถปลุกพรขึ้นมาได้… เจ้าคงรู้ ก็เหมือนกับลูกเหยี่ยวที่ถูกผลักลงจากรังเพื่อเรียนรู้การบินนั่นแหละ”
คาร์ลีนาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วน นางจึงกระแอมไอแล้วเอ่ยกับเหล่าชนชั้นสูงว่า “ท่านแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย เพราะสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เราจึงจำต้องยุติการล่าสัตว์ฤดูหนาวลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่งานเลี้ยงต้อนรับท่านปีเตอร์จะไม่ยกเลิกแน่นอน แต่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ในคฤหาสน์เรามีผู้อารักขาและบาทหลวงมากมาย!”
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นย่ำเกินกว่าที่คนอื่นๆ จะกลับเข้าตัวเมืองยูรัลจากเขตคฤหาสน์ของคาร์ลีนาได้ทัน และนอกจากนี้ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากจะทำคือการปล่อยให้ปีเตอร์มีโอกาสอยู่กับคาร์ลีนาเพียงลำพัง ทุกคนจึงตกลงเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้
…
ดนตรีในชาชรานนั้นแตกต่างจากของอัลโต้และเทรีย เพราะความมีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา
พื้นห้องโถงขนาดใหญ่ปูด้วยพรมสีแดงหนา และเหล่าหนุ่มสาวชนชั้นสูงก็กำลังพูดคุยสังสรรกันโดยถือเครื่องดื่มอยู่ในมือ โต๊ะอาหารยาวตรงมุมห้องมีเลก้าทอง เครื่องดื่มมึนเมาขึ้นชื่อของจักรวรรดิวางเรียงรายอยู่ และมีเนย ขนมปังขาว แพนเค้ก ปลาย่างซอสครีม ไข่ปลาคาเวียร์ เนื้อแกะย่าง ไก่ทอด สเต็ก ซุปหัวบีต ซุปเนื้อวัว และของหวานนานาชนิด
คาร์ลีนาในฐานะเจ้าของงาน กำลังเดินพาลูเซียนไปพบกับแขกเหรื่อคนอื่นๆ
นางสวมชุดราตรีสีดำ และเรือนร่างงดงามของนางก็ได้รับการขับเน้นอย่างดี คืนนี้คาร์ลีนาเลือกที่จะสวมเพียงสร้อยไข่มุกเส้นเดียว เพื่อเผยความงามของลำคอและเนินอกสล้าง
“นี่คือท่านอีวานอฟสกี พ่อค้าผู้โด่งดังในจักรวรรดิเรา เขาทำการค้าขายจากอีกฝั่งหนึ่งของช่องแคบมรสุมไปจนถึงเมืองในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ และแม้แต่ในดินแดนที่มีเขตป้องกันมารินอฟ ท่านก็ยังเห็นธุรกิจการค้าของเขาได้” คาร์ลีนาเอ่ยแนะนำ อีวานอฟสกีคือชายที่สวมแว่นตากรอบเคลือบทองคำ ทำให้เขาดูสง่างามภูมิฐาน ทว่ารูปร่างเขากลับค่อนข้างดีและมีกล้าม ดูราวกับหมีเหมันต์ก็มิปาน
อีวานอฟสกีแตะริมฝีปากบนหลังมือขวาของคาร์ลีนาก่อนจะกล่าวตอบ “ท่านหญิง ความงามของท่านนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าอันญมณีใด ข้าเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาที่ทำงานให้กับเหล่าขุนนางก็เท่านั้นขอรับ”
จากนั้นอีวานอฟสกีก็หันมาจับมือทักทายลูเซียน “ยินดีที่ได้พบกันขอรับ ท่านปีเตอร์ ข้าเคยได้ยินชื่อท่านตอนที่อยู่ในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ยินดีด้วยขอรับที่ท่านปลุกพรได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ข้ามั่นใจว่าหากท่านกลับไปหาครอบครัว ท่านจะได้รับตำแหน่งอย่างรวดเร็วแน่ๆ น่าเสียดายที่บิดาของท่านไม่สามารถร่วมมีความสุขด้วย…”
“ก็นะ… ท่านพ่อมักจะตื่นเต้นง่ายและเมาอยู่ตลอด เพราะงั้น…” ลูเซียนตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ จากข้อมูลที่วาเลนไทน์ให้มา ปีเตอร์และบิดาของเขาไม่ถูกกันเลยสักนิด
หลังจากพูดคุยอย่างเป็นกันเองอยู่ครู่หนึ่ง อีวานอฟสกีก็แย้มยิ้ม “หากข้าจะสามารถได้รับเกียรติ ข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมกันทำเงินมหาศาลในอนาคตนะขอรับ ตอนนี้ข้าคงต้องปล่อยให้ท่านกับท่านหญิงคาร์ลีนาออกไปเปิดการเต้นรำเสียแล้ว”
คาร์ลีนาพยักหน้า จากนั้นนางก็หันไปกล่าวกับแขกด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย โปรดให้การต้อนรับท่านปีเตอร์ โจเซฟ วลาดิเมียร์ จากตะวันตกเฉียงเหนือ!”
เสียงปรบมือหาได้อุ่นหนาฝาคั่ง แต่คาร์ลีนาไม่ได้สนใจ นางมองมาทางลูเซียนเหมือนผู้ที่ตกอยู่ในบ่วงเสน่ห์ของเขา “ท่านปีเตอร์ ในฐานะแม่งาน ข้าขอเชิญท่านเปิดการเต้นรำกับข้าจะได้ไหมเจ้าค่ะ”
ลูเซียนโค้งตัวให้กับนางเล็กน้อยแล้วยื่นมือขวาออกไป “ท่านหญิงล็อตต์นิโค เป็นเกียรติแก่ข้าอย่างยิ่ง”
คาร์ลีนายิ้มหวาน พร้อมกับวางมือนุ่มลงบนมือของลูเซียน แล้วทั้งสองก็เริ่มเต้นรำไปตามเสียงเพลง พวกเขากำลังเต้นรำแบบวนเป็นวงกลมในจังหวะอิเลีย
คาร์ลีนาเอนกายเข้าหาแผงอกของลูเซียน และดวงตาของนางก็เริ่มฉายแววยั่วยวน “ปีเตอร์ ท่านรู้ไหม ตอนที่หมีตัวนั้นเข้ามาจะทำร้ายข้า ข้าทั้งสิ้นหวังและทำอะไรไม่ถูก แต่ท่านกลับยืนอยู่ตรงหน้าข้าและช่วยชีวิตข้าเอาไว้! ตอนที่ข้าเฝ้ามองท่านจากด้านหลัง ข้ารู้สึกได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยอย่างที่ข้าไม่เคยประสบมาก่อน ข้ารู้สึกว่าท่านคือคนที่จะช่วยบังฝนและลมให้ข้าได้ และท่านก็คือคนผู้เดียวที่ทำให้ข้ามีความสุขและลืมเลือนความกลัวกับความกังวลไปทั้งหมด”
“ขอบคุณขอรับ ท่านหญิงคาร์ลีนา แต่ข้าเองก็ทำไปเพื่อปกป้องตนเอง” ลูเซียนตอบ
“ไม่ว่าจะอย่างไร…” ริมฝีปากของคาร์ลีนาเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของลูเซียน และลมหายใจของนางก็เริ่มถี่รัวอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ “ตอนที่ท่านช่วยชีวิตข้าจากอุ้งมือหมี ท่านคือวีรบุรุษของข้า วีรบุรุษผู้กล้าหาญและพึ่งพาได้ของข้า! หัวใจข้าสั่นระรัวเพื่อท่าน และข้าก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย แม้แต่ในตอนที่ข้าแต่งงานกับสามี… เขาเป็นเหมือนบิดาของข้ามากกว่า และข้าก็ซาบซึ้งใจ…”
ลูเซียนครุ่นคิดอยู่หลายวินาทีก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหญิงคาร์ลีนา ท่านเป็นคนดีมาก…”
…………………..