ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 310 ชดใช้ด้วยชีวิต!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เงาร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าเยี่ยนตี๋ ดูไปแล้วไม่สูงใหญ่แต่อย่างใด ทว่าเป็นชายชราคนหนึ่งที่รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย

กระนั้นชายชายผู้นี้ยืนอยู่ตรงนั้น เรือนกายกลับดูสูงเทียมฟ้า

เขาก็คืออดีตเจ้าสำนักเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิง!

หวงกวงเลี่ยที่อยู่กลางท้องฟ้า ก้มมองหยวนเจิ้งเฟิง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะออกฌานไวป่านนี้ รุดหน้าขึ้นสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วรึ?”

“ก่อนหน้าเจ้าเข้าฌาน อาการบาดเจ็บเดิมฟื้นฟูแล้วหรือ?” หวงกวงเลี่ยเข้าใจอย่างรวดเร็ว “เจ้าทำได้เยี่ยงไร? หากอาการเจ็บหายดีนานแล้ว เหตุใดไม่เข้าฌานให้เร็วกว่านี้บ้าง ถึงกับเพื่อรอหลังข้าสักหน่อยเชียวหรือ?”

หยวนเจิ้งเฟิงระบายยิ้ม “ไม่น่าเบื่อเช่นเจ้าคิดขนาดนั้นหรอก เพียงแค่เจ้าโชคไม่ดี แต่หากข้าโชคดี”

ขณะมองดูอดีตเจ้าสำนักสนทนาพาทีหน้าตาเฉยอยู่บนยอดเขานภากาศ จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงล้วนส่งเสียงร้องยินดี

ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นำโดยกลุ่มผู่จ้าวจวิน พานป๋อไท่ และหลินเทียนเฟิงกับจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ สีหน้าอารมณ์ล้วนไม่ผ่อนคลายอีกต่อไป

หยวนเจิ้งเฟิงไม่เพียงเหยียบย่างขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ยังออกฌานยังเร็วกว่าที่ทุกคนคาดการณ์ไว้อักโข นี่ทำให้พวกเขารู้สึกรับมือไม่ทันอย่างแท้จริง

ที่แห่งนี้อย่างไรก็เป็นที่ตั้งของสำนักเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิงกุมความได้เปรียบในการเป็นเจ้าถิ่น มีมหาค่ายกลนภาเสริมหนุน แม้หวงกวงเลี่ยจะประสบผลสำเร็จรุดหน้าขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อีกก้าว สามารถกำชัยชนะเหนือหยวนเจิ้งเฟิงที่เขากว่างเฉิงแห่งนี้ได้หรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน

หวงกวงเลี่ยสายตามองหยวนเจิ้งเฟิง เอื้อนเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “แม้เจ้าจะข้ามผ่านขั้นบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้เจ้าจะออกฌานแล้ว กระนั้นแล้วอย่างไร?”

“สำหรับข้า หาได้แตกต่างกันมากไม่!”

เมื่อกล่าวจบ สองมือหวงกวงเลี่ยก็ยกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นถึงผลักฝ่ามือทั้งสองขนานออกไปด้านหน้า

แสงทองมากด้วยพลังมหาศาลรวมตัวกันอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างของเขา ลำแสงอื่นใดในโลกล้วนสลัวดับลงไป ราวกับรวมอยู่ที่ทั้งสองมือของหวงกวงเลี่ยหมดสิ้น

ขณะแสงทองทอประกายระยับ ดวงอาทิตย์ราวกับของจริงบนฟากฟ้า ร่วงหล่นลงมาจากที่สูงห่างจากพื้นดินไม่ถึงหมื่นจั้ง พลังความร้อนอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ กับพลังปะทุทำลายย่อยยับ รวมอยู่ตรงนี้ทั้งสิ้น

วิชาหมัดถึงตะวัน ตะวันเยือน!

สมญานามยกย่องจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนหวงกวงเลี่ย ได้รับมาจากตรงนี้เอง!

พลังบ้าคลั่ง ท่าอันทำลายล้างอย่างง่ายดาย ทำให้ฟ้าดินโดยรอบเขากว่างเฉิงเปลี่ยนเป็นเตาหลอม กลายเป็นโลกที่แสงทองเจิดจ้าแพรวพราวไปทั่วโดยสมบูรณ์

หากแต่ภายในโลกใบนี้ พลังมีฝ่ามือมหึมาข้างหนึ่งเหยียดออกมา คล้ายกับจะพาฟ้าดินโดยรอบเข้ามาระหว่างนิ้วมือและฝ่ามือของตนพร้อมกัน

หยวนเจิ้งเฟิงมองหวงกวงเลี่ย “ตาเฒ่าหวง เป็นความผิดข้า ที่หยุดชะงักอยู่ที่ขั้นมหาปรมาจารย์นานเกินไป ถึงขั้นที่ทำให้เจ้าหลงลืมว่าตอนที่ระดับของเราทั้งสองเท่ากัน เจ้าล้วนแพ้พ่ายด้วยน้ำมือข้ามาโดยตลอด”

ขณะที่ฝ่ามือมหึมาคว่ำลง ฟ้าดินพลันพลิกหมุน ดวงอาทิตย์สว่างไสวนั่นกลับเหมือนว่าถูกหยวนเจิ้งเฟิงคว้าไว้ในมือ

“ชายชาตรีจะไม่เอ่ยถึงความเก่งกาจในอดีต ตอนนี้เจ้ายังคงนำหน้าข้าหนึ่งก้าว ข้าเองก็ยอมรับ เจ้าในขณะนี้มีพลังฝึกปรือและพลังความสามารถเฉพาะตัว ยังคงล้ำเหนือข้าขั้นหนึ่ง”

“แต่ขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน ความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้าตอนนี้ เปรียบกับระยะห่างระหว่างขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แรกเริ่มกับมหาปรมาจารย์ เล็กน้อยเสียยิ่งกว่าเล็กน้อย”

กระบวนท่าฝ่ามือนภากว่างเฉิงของหยวนเจิ้งเฟิงร่วงลงดังกึกก้อง ฟาดดวงอาทิตย์อันน่าพรั่นใจดับสิ้นโดยพลัน!

“แต่ตอนนี้ สถานที่ที่พวกเราประมือกัน เป็นเขากว่างเฉิงของข้า”

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต้องการเหยียบประตูเขาของผู้อื่น ยอดฝีมือระดับสุดยอดของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายบุกโจมตี ระดับพลังฝึกปรืออย่างน้อยที่สุดต้องสูงกว่าศัตรูขั้นหนึ่งถึงจะใช้ได้

นี่เป็นเงื่อนไขแรกของการที่ระดับพลังความสามารถและพลังฝึกปรือของทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน

ดวงอาทิตย์สีทองพินาศย่อยยับ เพลิงไหลทั่วท้องฟ้ากระจายแตกซ่าน กลายเป็นฝนเพลิงสีทองสุดลูกหูลูกตาตกลงมา

แสงเพลิงสว่างไสวสะท้อนอยู่บนใบหน้าของพวกผู่จ้าวจวิน ที่บัดนี้มีสีหน้าสลัวหม่น

บริเวณไกลออกไป พลังปราณแกร่งกล้ายิ่งสองสาย ใกล้เข้ามาอย่างฉับไว

สายหนึ่งเหี้ยมโหดรุนแรง สายหนึ่งหนาหนักทรงพลัง

ทั้งสองพลางหมุนวนกระทบกระแทกซึ่งกันและกัน พลางถลันพุ่งมาทางทิศเขากว่างเฉิงในเวลาเดียวกัน

ทั้งสองคนหยวนเจิ้งเฟิงและหวงกวงเลี่ยต่างไม่เบนสายตามอง

ผู้มาเยือนคือใคร พวกเขาล้วนกระจ่างชัด

คนหนึ่งคือหนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดที่สุดในโลกแปดพิภพปัจจุบัน ประมุขตำหนักอัสนีสวรรค์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว ‘ฟ้าคำรนแปดทิศ’ เฉินลี่

อีกสิ่งหนึ่งคือหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในโลกแปดพิภพปัจจุบัน เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาไร้พรมแดน ขวานจามสวรรค์

ขณะเดียวกับที่เข้าใกล้เขากว่างเฉิง พลังปราณอันแก่กล้าทั้งสองค่อยๆ ลดความเร็วช้าลงมา หมุนวนคุมเชิงต่อเนื่อง กลับไม่เข้าใกล้เขากว่างเฉิงต่อไปอีก

หวงกวงเลี่ยไม่ได้ใส่ใจผู้มาเยือน เขาแบฝ่ามืออก อาวุธสั้นสีทองเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือฉับพลัน

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มี มาตรสุริยันวัดสวรรค์!

เมื่อมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ พลังที่แผ่ออกมาจากร่างหวงกวงเลี่ยพุ่งทะยานอีกครั้ง จากนั้นมือที่ถือมาตรสุริยันวัดสวรรค์ก็โจมตีลงไปทางเขากว่างเฉิงและหยวนเจิ้งเฟิง

ประหนึ่งตะวันวาดข้ามท้องฟ้า เทียบขอบฟ้าอย่างไรอย่างนั้น พลังมหาศาล ไม่อาจขวางกั้น

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขับเคลื่อนพลัง ความน่าพรั่นพรึงในนั้น เกินกว่ามหาปรมาจารย์เช่นหวงซวี่จะสามารถบรรลุถึง

ทว่าบนเขากว่างเฉิง เยี่ยนตี๋ก็ถอดชุดคลุมนภาออกแล้วเช่นกัน

หยวนเจิ้งเฟิงสยายแขนทั้งสองข้างไปทั้งสองฟาก ชุดคลุมนภาสวมทับกาย พลังมหาศาลทะยานขึ้นอีกครั้ง สูงทัดเทียมฟ้า

กระบวนท่าฝ่ามือนภากว่างเฉิงสำแดงออกไปอีกหน ปะทะกับหวงกวงเลี่ยและมาตรสุริยันวัดสวรรค์ซึ่งๆ หน้า!

พลังบ้าระห่ำกระแทกกัน ทั่วทั้งโลกล้วนกำลังโคลงเคลงเล็กน้อย

ฟากฟ้าถึงขั้นปรากฏรอยแยกรำไร มิติปรากฏรอยแตก

บนเขากว่างเฉิง หลังจากเยี่ยนตี๋ถอนชุดคลุมนภาก็ไม่ได้ว่างเว้น สะบัดดาบสวรรค์มังกรทะยาน คมดาบชี้ตรงยังพวกพานป๋อไท่และผู่จ้าวจวิน

ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม เจตจำนงดาบสะเทือนเลื่อนลั่นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ถึงแม้กลุ่มของผู้อาวุโสจางและผู้อาวุโสกงจะเจ็บหนัก กระนั้นเบื้องล่างยอดเขามหาคุณ ในที่สุดผู้อาวุโสเหอก็สามารถหลุดออกจากพันธนาการ ไม่ต้องตั้งมั่นเฝ้ารักษาอยู่ที่เดิม

นางผายฝ่ามือทั้งสอง บุกไปทางศัตรูที่รุกภูเขาเช่นกัน

ท่าดาบเยี่ยนตี๋ดุจท้องฟ้า ด้วยดาบเดียวประหนึ่งฟ้าถล่ม พลังอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมผู่จ้าวจวิน พานป๋อไท่ หลินเทียนเฟิง และมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมของตำหนักอัสนีสวรรค์ทั้งหมดนั่นไว้!

ทว่าที่ทำให้พวกพานป๋อไท่หวาดหวั่นพรั่นพรึงคือ พวกเขาคนเยอะปานนี้เผชิญหน้าเยี่ยนตี๋ กลับรู้สึกต้านไม่ไว้อยู่!

ทั้งสี่คนล้วนแพ้พ่ายถอยร่น สายตาเยี่ยนตี๋จ้องพานป๋อไท่เขม็ง กล่าวอย่างเยือกเย็น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะให้ใครชดใช้ชีวิต?”

ท่ามกลางเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของพานป๋อไท่ เขาก็จับดาบวิเศษอาวุธวิญญาณระดับสูงของตนขึ้น ฟันกระบวนท่าดาบผลาญฟ้าคล้อยทิศประจิมมาทางเยี่ยนตี๋

ด้วยดาบหนึ่งของเยี่ยนตี๋ อาวุธจึงหลุดจากมือของพานป๋อไท่ รูปญาณวรยุทธ์ และร่างผลาญฟ้าคล้อยทิศประจิมที่เขาประสบผลสำเร็จหลังจากย่างสู่ขั้นบรรลุธรรม ถูกเยี่ยนตี๋ฟันจนกลายเป็นสองท่อนโดยพลัน!

พานป๋อไท่ทั้งประหลาดใจและเดือดดาลในเวลาเดียวกัน กลับแลเห็นเยี่ยนตี๋เก็บอาวุธ “หากไม่ใช่พวกเจ้าก่อกวนมหาค่ายกลนภา สำนักข้ายับยั้งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต คงไม่ถึงขั้นเปลืองแรงเช่นนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ต้องพลีชีวิต เขากว่างเฉิงข้าก็จะไม่ต้องบาดเจ็บล้มตายมากมายถึงเพียงนี้เช่นกัน”

ในแววตาพยัคฆ์ทอประกายแสงเย็น เยี่ยนตี๋ชูมือขึ้นกำหมัดฉับพลัน กำปั้นแวววาวประดุจเพชร!

ยอดวิชาแปดพิภพอันดับแรก ที่ราชสีห์เหล็กสือเถี่ยชำนาญครั้งยังมีชีวิตอยู่ วิชากายเพชร!

เยี่ยนตี๋ต่อยหมัดหนึ่งไปด้านหน้าดังสนั่น!

ภาพร่างพานป๋อไท่ราวกับว่าวที่สายขาดสะบั้นก็ไม่ปาน ถูกต่อยจนกระเด็นออกไป!

พวกผู่จ้าวจวินและหลินเทียนเฟิงเห็นเช่นนั้น บนใบหน้าล้วนเปลี่ยนสี ร่างกายเริ่มถอยกรู

หวงกวงเลี่ยและมาตรสุริยันวัดสวรรค์แม้จะแข็งแกร่ง ทว่ากลับเลี่ยงหยวนเจิ้งเฟิงที่มีมหาค่ายกลนภาและชุดคลุมนภาเสริมหนุนตรงหน้าประตูเขากว่างเฉิงไม่ได้

สู้รบจวบจนขณะนี้ ไม่อาจดับสลายเขากว่างเฉิงได้แล้ว

พวกผู่จ้าวจวินและหลินเทียนเฟิงเคียดแค้นในใจ “ก็ลองดูว่าพวกเจ้าจะสามารถหดหัวอยู่ในประตูเขากว่างเฉิงชั่วชีวิตได้หรือไม่!”

ยามนี้ บนยอดเขาพายุสะท้าน เยี่ยนจ้าวเกอที่ค่อยๆ ถูกเหล่าผู้ทรงอำนาจมองข้าม สายตามองตรงยังกลุ่มคนของผู่จ้าวจวินที่อยู่กลางอากาศ “หากอาจารย์ปู่ไม่ออกฌาน ข้าจำเป็นต้องคิดพิเคราะห์รับมือกับหวงกวงเลี่ย กับทิ้งพวกเจ้าและคนอื่นๆทั้งหมดไว้ ทั้งสองเรื่อง เรื่องใดมีความมั่นใจมากกว่าหน่อย”

“ตอนนี้ข้ารู้สึกว่า ข้าม่ต้องเลือกก็ได้ บรรลุทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน”

ประกายตาเยี่ยนจ้าวเกอเยือกเย็น กระทืบเท้าครั้งหนึ่ง

ปลายยอดเขาพายุสะท้าน ปรากฏลวดลายค่ายกลเปล่งประกายขึ้น!

……………