ตอนที่ 1504

War sovereign Soaring The Heavens

ต้วนหลิงเทียน สู่เซียน?

 

ข้าไม่สนใจจะรู้ชื่อคนแพ้?!

 

วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงทำให้ชายวัยกลางคนตะลึงงัน ยังทำให้กับผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวรอบๆถึงกับอึ้ง!

 

บ้า!

 

บ้าไปแล้ว!!

 

นี่เป็นความคิดเดียวในใจของทุกคนที่มามุงชม กระทั่งคนของสำนักจันทร์จรัสแสงเองก็ไม่เว้น ทั้งหมดรู้สึกว่าวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนถือดีเกินไป!

 

เพราะสุดท้ายผลการประลองก็ใช่ว่าจะรู้ชัด!

 

“ประเสริฐ! ประเสริฐ!!”

 

ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำเพื่อระงับโทสะ ค่อยมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง “ข้าจะให้ทุกคนแลเห็น ว่าวาจานี้มันย้อนกลับไปตบหน้าเจ้าดังปานใด!”

 

“ถ้าเจ้ามีปัญญาสามารถ ข้าก็เฝ้ารอให้เจ้ามาตบหน้าข้าอยู่…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมยกยิ้มบางๆ แลดูไม่ยี่หระแม้แต่น้อย

 

จังหวะนี้ทุกผู้คนอดไม่ได้ที่จะหันมองส่งสายตากัน

 

หรือต้วนหลิงเทียนมั่นใจมาก ว่าเอาชนะชายวัยกลางคนผู้นี้ได้?

 

“หาที่ตาย!”

 

คำนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่ต่างใดจากละอองไฟหล่นลงน้ำมัน จุดประกายโทสะชายวัยกลางคนให้ปะทุออกทันใด ร่างมันพุ่งปรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนปานคนคลั่ง!

 

ฉับไวปานสายลมพัด!

 

“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือในรายนามปฐพี อาศัยแค่ความเร็วนี้ก็เหนือกว่าหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั่วไปมากโข!”

 

เหล่าผู้ชมของ 9 ขุมพลัง ย่อมตระหนักได้ว่าความเร็วของชายวัยกลางคนไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม

 

ขณะเดียวกันทั้งหมดก็หันไปจับตาดูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

 

ทว่าฉากเรื่องราวต่อมากลับทำให้แววตาทั้งหลายเผยความประหลาดใจกันถ้วนหน้า

 

“เจ้าเร็วได้แค่นี้หรือ?”

 

เสียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเบาๆ

 

ขณะเดียวกันเพียงสืบเท้าออกไปก้าวหนึ่งด้วยอริยาบทผ่อนคลาย ทว่าหนึ่งย่ำก้าวนี้…กลับทำให้ร่างวูบไปบรรลุถึงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนที่พุ่งมาปานภูตผี!

 

ฟังจากท่าทางทั้งวาจา บอกให้ทั้งหมดตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความเร็วที่แท้ของต้วนหลิงเทียนเป็นแน่

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากคนเราคิดใช้ความเร็วสูงสุด อย่างไรก็ไม่มีทางกล่าววาจาทั้งท่าทางผ่อนคลายเช่นนี้ออกมาได้เลย!

 

ต่งฮุยที่เดินมาส่งต้วนหลิงเทียน ที่ตอนนี้ยืนชมดูเรื่องราวอยู่ข้างๆ ก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก

 

“ความเร็วนี่…น่ากลัวว่าจะมิได้ต่ำไปกว่าสู่เซียนขั้นกลาง?”

 

ต่งฮุยลอบสูดลมหายใจเข้าอย่างสะท้าน ‘ความเร็วศิษย์น้องต้วนไม่ใช่ของหลุดพ้นมนุษย์แล้ว…หรือศิษย์น้องต้วนทะลวงไปยังขอบเขตสู่เซียน! มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนศิษย์พี่ป๋ายถึงยอมรับเขาเป็นศิษย์น้อง!!’

 

ตอนนี้ต่งฮุยคิดว่าเพราะต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะในเชิงยุทธ์อันยากพบพาน ป๋ายลี่หงจึงรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์น้อง

 

ทว่ามันไม่เคยคิดเคยฝันเลย ว่าที่ป๋ายลี่หงยอมรับต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับพลังฝีมือแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถสำเร็จ ‘เคล็ดจารึกพิสดาร’ ของอาจารย์ที่มันไม่เคยพบหน้ามาก่อนต่างหาก!

 

เรื่องที่ต่งฮุยคิด ก็เป็นเรื่องในหัวของผู้คนทั้งหมดตอนนี้

 

“ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนกลับใช้ มันเหนือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์…นี่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปยังสู่เซียนแล้วรึ!?”

 

“อาจเป็นได้!”

 

“เช่นนั้นแล้วข่าวลือที่ต้วนหลิงเทียน ได้ติดอันดับในรายนามปฐพี ที่แท้เป็นเพราะบรรลุสู่เซียนแล้วงั้นเหรอ…เช่นนั้น เรื่องหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบติดอันดับได้ก็ข่าวลวงน่ะสิ!?”

 

“สมควรเป็นข่าวลวงจริงๆ!”

 

……

 

ในขณะที่คนของ 8 ขุมพลังสงสัยเรื่องนี้ พวกมันก็ลอบใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ

 

อย่างไรก็ตามพวกมันกลับไม่อาจตรวจพบอะไรได้

 

และเพราะเรื่องนี้ทำให้พวกมันยืนยันได้ทันที…ว่าต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียนเรียบร้อยแล้ว!

 

ด้วยความสามารถของพวกมัน ย่อมสามารถตรวจสอบพลังฝึกปรือของผู้ที่มีด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตสู่เซียนได้ไม่มีปัญหา

 

แต่ทักษะวิญญาณลี้ลับของพวกมัน ไม่อาจตรวจสอบพลังฝึกปรือของขอบเขตสู่เซียนหรือเหนือกว่านั้นได้!

 

“ขอบเขตสู่เซียน!? ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”

 

พอหลิวเยว่กับหลิวไห่ได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก ใบหน้าเหรอหราปานเห็นผีกลางวันแสกๆ

 

คนอื่นๆของสำนักจันทร์จรัสแสงก็เช่นเดียวกัน

 

ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรสำหรับคนสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างพวกมัน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันมั่นใจมาก ว่ายามต้วนหลิงเทียนพึ่งมีชื่อเสียงขึ้นมาต้วนหลิงเทียนพึ่งอยู่ในขอบเขตพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น!

 

และเพราะพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนถูกศิษย์ฝ่ายในของสำนักตรวจสอบยืนยันด้วยตัวเอง ทำให้พวกมันมั่นใจว่าพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนมีเพียงแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น

 

หากมีผู้ตรวจสอบคนสองคน เป็นได้ว่าอาจผิดพลาด

 

ทว่าด้วยมีคนมากมายตรวจสอบยืนยัน มันย่อมไม่ผิดพลาด!

 

ด้วยเหตุนี้ในใจของพวกมันถึงได้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทั้งหวาดกลัว!

 

เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือนต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงจากขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบมาถึงสู่เซียนได้แล้ว?!

 

ในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึงกับพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะเสียเวลาอะไรกับชายวัยกลางคนให้มากความ ยกมือขึ้นควบแน่นปราณแท้ตบฟาดออกไปยังชายวัยกลางคนอย่างไร้เรื่องราว ซัดร่างมันกระเด็นปลิดปลิวไปไม่เป็นท่า!

 

ร่างชายวัยกลางคนที่ถูกซัดบาดเจ็บสาหัสนัก แต่ก็ไม่ถึงกับพิกลพิการอะไร

 

พอมันค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากได้สำเร็จ สายตาที่มองมายังต้วนหลิงเทียนก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัว “จะ..เจ้าทะลวงถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”

 

ในสายตาของมัน ต่อให้เป็นอันดับ 1 ในรายนามปฐพี ก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งทำร้ายมันจนร่อแร่ได้ง่ายดายแบบนี้!

 

มีความเป็นไปได้อยู่ทางเดียวเท่านั้น เรื่องที่อีกฝ่ายสยบมันได้ราบคาบเช่นนี้คืออีกฝ่ายบรรลุถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว!

 

เมื่อตัดผ่านขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์เข้าสู่ขอบเขตสู่เซียนแล้ว เท่ากับว่าต้องออกจากรายนามปฐพี

 

และโดยปกตินั้นผู้ที่ติดอันดับในรายนามปฐพี ทันทีที่ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นต้น ก็มีพลังฝึกปรือทัดเทียมสู่เซียนขั้นกลาง!

 

“เจ้าก็ไม่ใช่คนโง่นี่นา”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายวัยกลางคนพร้อมยิ้มให้บางๆ หลังจากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านพัก โดยที่ไม่สนใจผู้คนทั้งหลายที่ยืนใบ้รับประทานกันแม้แต่น้อย

 

ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียน!

 

ต้วนหลิงเทียนแห่งสำนักจันทร์จรัสแสง เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนแล้ว!

 

หลังอึ้งไปพักหนึ่งคนทั้งหลายก็กลับมารู้สึกตัว แต่ก็ยากจะปกปิดความตกใจกับข่าวใหญ่นี้ได้!

 

หลังจากนั้นประหนึ่งมหาพายุพัดพาก็ไม่ปาน ข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปปากต่อปาก ไม่นานก็กระจายไปทั่วเมืองหานเหอ!

 

จังหวะนี้คนในเมืองหานเหอที่ไม่ใช่ผู้รักสันโดษหรือปิดด่านบ่มเพาะ ล้วนทราบข่าวนี้ทั้งสิ้น!

 

ตระกูลโอวหยางก็ไม่เว้น

 

“มันทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”

 

โอวหยางหลัวผงะไปทันทีที่ได้รับทราบข่าวนี้ นางยังจดจำได้ดีว่าวันนั้นที่ต้วนหลิงเทียนช่วยชีวิตนางไว้ ปราณแท้ที่แผ่ออกทั่วร่างยังเป็นกลิ่นอายขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์

 

ด้วยเหตุนี้นางจึงมั่นใจว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนยังไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนแน่ๆ

 

ทว่ามาตอนนี้…

 

เดิมทีนางก็สิ้นหวังเรื่องล้างแค้นต้วนหลิงเทียนอยู่แล้ว พอได้รับทราบข่าวนี้ไป ใจนางก็หลงเหลือแต่เพียงความท้อแท้สิ้นหนทาง

 

“ตัวประหลาด! ตัวประหลาดที่อันตรายนัก! ตระกูลโอวหยางเรามิอาจเป็นศัตรูกับมันได้!!”

 

หลังจากได้รู้ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนบรรลุสู่เซียนแล้ว โอวหยางป้าถึงกับหน้าเสีย ใจมันล้มเลิกความคิดต่อต้านต้วนหลิงเทียนไปหมดสิ้น

 

ไม่ว่าข่าวลือเรื่องทะลวงผ่านขอบเขตสู่เซียนจะกลายเป็นประเด็นร้อนเพียงใด ต้วนหลิงเทียนที่กลับห้องไปบ่มเพาะในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ไม่ได้รู้เรื่องราวแม้แต่น้อย

 

นอกจากการบ่มเพาะพลังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกมาใช้เวลากับต่งฮุย ให้อีกฝ่ายได้เลี้ยงรับรอง ทั้งสนทนาเกี่ยวกับเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนบ้าง

 

เรื่องนี้ทำให้ต่งฮุยตระหนักได้ถึงเรื่องอันน่ากลัวทันที บางทีที่ป๋ายลี่หงไม่น่าจะรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง เพราะศักยภาพในเชิงยุทธ์เสียแล้ว…

 

เพราะมันพบว่ายามถกกันเรื่องจารึกอาคมเซียน องค์ความรู้และความเข้าใจที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา เป็นอะไรที่ตัวมันเองก็ยากจะเข้าใจ

 

สุดท้ายมันจึงตระหนักได้ ว่าไม่ใช่พลังฝีมือและอัจฉริยะภาพในเชิงยุทธ์ที่ทำให้ป๋ายลี่หงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง แต่เป็นเพราะความสามารถรวมถึงความเข้าใจในศาสตร์แห่งการจารึกอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนมันสูงจนน่ากลัว

 

“ศิษย์น้องต้วน เคล็ดวิชาจารึกอาคมเซียนของเจ้า ข้าฟังแล้วมันมิใช่เคล็ดวิชาจารึกทั่วๆไปใช่หรือไม่?”

 

หลังจากต่งฮุยได้รับฟังเรื่องการจารึกบางอย่าง มันก็อดไม่ได้ที่จะถามต้วนหลิงเทียนออกมา เพราะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างบางอย่าง

 

“ศิษย์พี่ฮุยข้าเองก็ได้ยินศิษย์พี่ป๋ายลี่หงกล่าวว่า ท่านเองก็เคยฝึกเคล็ดจารึกพิสดารมาก่อน…หรือตอนข้าอธิบายท่านจับเค้าลางของเคล็ดจารึกพิสดารไม่ได้เลย?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอกพร้อมหัวเราะ

 

“คะ…เคล็ดวิชาจารึกพิสดาร!?”

 

พอได้ยินคำนี้ต่งฮุยนิ่งคิดครู่หนึ่ง ไม่นานสีหน้ายิ่งมาก็ยิ่งเต็มไปด้ววยความหวั่นหวาด “ศะ…ศิษย์น้องต้วน…เจ้าเชี่ยวชาญเคล็ดจารึกพิสดารแล้ว!?”

 

“ก็ยังไม่นับว่าเชี่ยวชาญหรอก…แค่ก้าวข้ามประตูมาได้แล้วน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถ่อมตัว ยิ้มบาง

 

อย่างไรก็ตามแม้เขาจะถ่อมตัว แต่ต่งฮุยก็ชักหน้าเหวอไปกันใหญ่

 

หลังจากนั้นไม่นานต่งฮุยก็หอบหายใจถี่รัวด้วยความตื่นเต้น “ดูเหมือนศิษย์พี่ป๋ายลี่หงจักได้พบพานบุคคลที่ท่านตามหามานานเสียที…ตอนแรกข้าคิดว่าศิษย์พี่ป๋ายรับศิษย์น้องต้วนเป็นศิษย์น้อง เพราะความสามารถในเชิงยุทธ์เสียอีก”

 

“ที่แท้ข้ากลับเข้าใจผิดแต่แรก”

 

ต่งฮุยยืนยันได้สมบูรณ์

 

ป๋ายลี่หงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องนั้น ไม่ใช่เพราะศักยภาพในเชิงยุทธ์แน่นอน แต่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถสืบทอดเคล็ดจารึกพิสดารได้!

 

ป๋ายลี่หงเองก็เหมือนกับมัน พลังวิญญาณไม่ได้สูงล้ำเหนือคนทั่วไป ไม่อาจฝึกปรืออะไรเคล้ดวิชาจารึกพิสดารได้

 

ได้ยินคำนี้ของต่งฮุย ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม

 

“จริงสิพี่ฮุย พวกวัตถุดิบที่ข้าต้องการ จะมาถึงในอีก 2 วันใช่ไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองต่งฮุย ค่อยถามเปลี่ยนเรื่อง

 

เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้เขาต้องอยู่ในเมืองหานเหอเพิ่มอีก 2-3 วันนั้น เพราะกำลังรอวัตถุดิบชุดสุดท้าย

 

เป็นวัตถุดิบที่ต่งฮุยให้คนไปรวบรวมมาอีกรอบ

 

และวัตถุดิบเหล่านั้นก็เป็นวัตถุดิบที่ต้วนหลิงเทียนต้องใช้ในการซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ

 

“มิผิด อีก 2 วันก็มาถึงกันแล้ว”

 

ต่งฮุยพยักหน้ารับ มันย่อมไม่กล้าละเลยเรื่องของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

 

หลังจากนั้นอีก 2 วัน วัตถุดิบทั้งหลายก็ส่งมาถึง

 

‘จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ 1 ส่วนจากวัตถุดิบพวกนี้…ให้ตายเถอะวัตถุดิบตั้งมากมายของเมืองหานเหอ กลับฟื้นฟูได้แค่ส่วนเดียว ท่าทางการซ่อมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะหนักหนาเอาเรื่องกว่าชั้น 3 มาก…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าถึงมันจะยากเพียงใด เขาก็ต้องพยายามรวบรวมหามาให้จงได้!