เรื่องราวไม่ถูกต้อง
หลี่กั๋วรุ่ยเห็นเซี่ยหย่งผ่อนคลายร่างกายหันหน้ามาก็พรูลมหายใจ
เขาเหนื่อยตั้งนานแล้ว เพียงแต่อยู่ต่อหน้ากองทหารชิงซานนี่ไม่อยากเสียมาด ตอนนี้เห็นเซี่ยหย่งเก็บรูปขบวนแล้ว เขาก็รีบคลายหัวไหล่ นวดแขนที่ปวดล้าบ้าง
“ใช่ไม่ถูกต้อง” เขาเอ่ย “ไม่ใช่บอกว่าจะมีทหารจินมาอีกรึ? ต่อให้ตั้งกระบวนทัพ จนถึงตอนนี้ก็น่าจะเข้ามาแล้ว”
พวกเขาด้านนี้สงสัยไม่เข้าใจ ในกระบวนทัพด้านหลังก็สงสัยไม่เข้าใจ
“พวกขี้ขลาดฝูงนี้ที่แท้จะรบไม่รบกัน?” จ้าวฮันชิงยิ่งหงุดหงิด ควบม้าหมุนอยู่กับที่ไม่หยุด “พี่สาวข้าไปดูสักหน่อย”
พักนี้เพื่อความปลอดภัย คุณหนูจวินไม่ได้ให้จ้าวฮั่นชิงไปเป็นทหารสอดแนมอีก
ด้วยเหตุนี้จ้าวฮั่นชิงจึงไม่มีชีวิตชีวานัก ได้โอกาสจึงเอ่ยขึ้นมา
คุณหนูจวินยิ้มๆ
“ไม่ต้องให้เจ้าไปหรอก ด้านหน้ามี” นางเอ่ย
“แต่นานปานนี้พวกเขาก็ยังไม่ส่งข่าวมา” จ้าวฮั่นชิงเอ่ย “หรือว่าเกิดเรื่องแล้ว?”
น่าจะไม่ ทหารสอดแนมเหล่านี้ล้วนเชี่ยวชาญการซ่อนตัวสืบหารวมถึงการหลบหนีที่สุด นอกจากนี้นางก็บอกความต้องการหลายครั้งแล้วว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสังหารศัตรู ต่อให้เห็นโจรจินหลงอยู่คนเดียวก็ห้ามลงมือ
ภารกิจของพวกเขาก็คือสอดแนม
คุณหนูจวินเงยศีรษะมองไปด้านหน้า ทหารจินมีเท่าไร รวมตัวเป็นกระบวนทัพอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มีสัญญาณส่งมา
ด้านนั้นที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เสียงกีบเท้าม้ากุบกับดังมา ทหารสอดแนมสามคนขี่ม้าเร็วรี่มา
พวกเซี่ยหย่งกับหลี่กั๋วรุ่ยผู้คนในกระบวนทัพสี่เหลี่ยมข้างหน้าสีหน้าประหลาดใจ
ถึงกับเปิดเผยร่องรอยของตนเองกลับมาแล้ว?
“คุณหนูจวิน” เหล่าทหารสอดแนมเข้ามาในกระบวนทัพสี่เหลี่ยม ลงจากม้าคำนับแล้วรีบร้อนเอ่ยขึ้น “ทหารจินถอยไปแล้ว”
ทหารจินถอยไปแล้ว?
เมื่อครู่พวกเขามองเห็นทหารจินถอยไปแล้ว
“ไม่ขอรับ ทหารจินทั้งหมด” ทหารสอดแนมเอ่ย สีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน “เมื่อครู่ทหารจินหนึ่งหมื่นล้วนถอยไปแล้ว พวกเราตามไปดูตลอดทาง พวกเขาถอยออกจากป้าโจวไปแล้ว”
ทหารจินหนึ่งหมื่นถอยออกไปจากป้าโจวแล้ว?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
คุณหนูจวินสีหน้ายากปิดบังความตกตะลึง
……………………………………….
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
พวกจูจั้นยืนอยู่หน้าเมือง มองดูประตูเมืองเปิดกว้าง สีหน้าแปลกพิกลอยู่บ้าง
นายทหารที่มาส่งข่าวคนนั้นก็ระมัดระวังก้าวเข้ามาเช่นกัน
“ประหลาดแล้ว” เขาเอ่ย “ก็บอกอยู่ชัดเจนว่าที่นี่มีทหารจิน?”
สิ้นเสียงก็เห็นจูจั้นควบม้าเข้าไปด้านในเมือง
“เฮ้ยเฮ้ย” เขาตกใจรีบร้องตะโกน “ถ้าเป็นกลยุทธ์เปิดเมือง…”
“เปิดเมืองมารดาเจ้าสิ” จูจั้นศีรษะก็ไม่หันกลับทิ้งประโยคหนึ่งไว้ควบม้าเร็วรี่เข้าเมือง
นายทหารร้อยคนหลังร่างเขาก็ติดตามทันที
พริบตาหน้าประตูเมืองก็เหลือเพียงนายทหารส่งสารคนเดียว เขามองซ้ายมองขวา รู้สึกว่าตามคนมากไปจะปลอดภัยกว่าจึงรีบควบม้าไล่ตามไปด้วย
บนถนนมีร่องรอยการทุบทำลายวางเพลิงปล้นชิง แต่ความเสียหายไม่มาก คล้ายตอนที่กำลังทำลายฉับพลันก็หยุดไป
“ยังมีคนอีกไหม?” จูจั้นพลันตะโกนเสียงดัง “ข้าคือจูจั้นบุตรชายเฉิงกั๋วกง พวกเราได้รับคำสั่งให้คุ้มครองประชาชนทั้งหลายออกจากเขต”
เสียงนี้ฉับพลันดังขึ้นบนท้องถนนที่เงียบกริบ ทำให้นายทหารส่งสารที่ตามมาด้านหลังตกใจตัวสั่น
ตกใจหมด อย่าเรียกทหารจินมานะ!
แต่จูจั้นกลับไม่หยุด เขาควบม้าไปตามถนน ขี่ม้าเร็วรี่พลางตะโกนเสียงดัง นายทหารคนอื่นๆ ก็ตะโกนตามด้วย
เสียงสะท้อนก้องบนท้องถนนว่างเปล่า ยิ่งขี่เข้าไปข้างในสีหน้าของผู้คนก็ยิ่งเคร่งเครียด
เคร่งเครียดด้วยอาจมีทหารจินซุ่มซ่อนอยู่พุ่งออกมาโจมตี แล้วก็หวาดกลัวว่าจะเห็นภาพประชาชนล้มตายจากภัยอีกครั้ง
ฉับพลันข้างทางก็มีประตูเปิดออก ผู้ชายผู้หญิงสีหน้าหวาดกลัวหลายคนมองเห็นพวกจูจั้นบนถนน
“เป็น เป็นทหารของเฉิงกั๋วกงหรือ?” บุรุษที่เป็นหัวหน้าตะโกนเสียงสั่น
ยังมีคนรอด!
จูจั้นยกมือออกแรงเช็ดคราบเลือดบนหน้าไป
“ใช่แล้ว” เขาเอ่ย เสียงดังกังวาน “เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ? ท่านชายจูจั้นผู้สง่างามรูปโฉมความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ พวกเจ้าไม่รู้จักรึ?”
บุตรชายเฉิงกั๋วกง
ผู้ชายผู้หญิงทั้งหลายมองบุรุษผู้เรียกตนเองว่าบุตรชายเฉิงกั๋วกง แม้เช็ดคราบเลือดที่เลอะเทอะออกไปแล้ว แต่ใบหน้าที่ถูกคราบเลือดและฝุ่นดินบดบังดวงนั้นก็มองความสง่างามไม่ออกจริงๆ
แล้วมองดูนายทหารหลายร้อยคนนี้ตรงหน้า พวกเขาชุดเกราะขาดวิ่นอยู่บ้าง คราบเลือดเปรอะเปื้อน ดาบยาวหอกยาวในมือก็เปรอะเต็มไปด้วยคราบเลือด รูปร่างกำยำ ดุร้ายยิ่งนัก
เพียงแต่ความดุร้ายนี่ไม่ได้ทำให้คนหวาดกลัว มองเห็นพวกเขาหน้าตาองคาพยพเหมือนตนเอง สวมชุดทหารโจวที่คุ้นเคย ผู้ชายผู้หญิงทั้งหลายล้วนร้องไห้เสียงดังพุ่งออกมา
คิดไม่ถึงว่าจะยังมีทหารโจวมาจริงๆ
ผู้ชายผู้หญิงทั้งหลายล้วนพุ่งออกมา คุกเข่ากับพื้นโขกศีรษะร้องไห้
ไม่ทอดทิ้งข้า
ไม่ทอดทิ้งข้า
พร้อมกับที่ชาวบ้านหลายคนนี้เดินออกมา บนท้องถนนก็มีชาวบ้านวิ่งออกมาจากสถานที่ซ่อนตัวอีก เห็นฝูงชนมากมายบนท้องถนน ในใจพวกทหารอย่างจูจั้นก็ผ่อนลมหายใจ
ยังดี ยังดีล้วนมีชีวิตรอด
“แต่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” นายทหารส่งสารเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “หรือทหารจินไม่ได้เข้าเมืองมารึ?”
ได้ยินถามถึงเรื่องนี้ ชาวบ้านทั้งหลายบนหน้าก็หวาดผวาอย่างยิ่ง
“มาแล้วขอรับ” ผู้ดีชนบทอ้วนตุ๊ต๊ะไม่รู้หลบอยู่ที่ใดมาหน้าแต้มถ่านดำปี๋ทั้งหน้าเอ่ยขึ้น “มามากมายขอรับ ทำคนกลัวแทบตาย”
มาแล้ว?
นายทหารส่งสารตกใจสะดุ้งโหยง
“คนเล่า?” เขาตะโกน
ชาวบ้านทั้งหลายสีหน้าก็ประหลาดใจอยู่บ้าง มองดูพวกจูจั้นตรงหน้า
“ไม่ใช่ท่านชายพวกท่านตีพวกเขาหนีไปหรือขอรับ?” มีคนเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว พวกเขาก่อนหน้านี้ฉับพลันก็หนีไปกะทันหัน” ทุกคนรีบเอ่ยตาม
กะทันหัน?
จูจั้นมองไปทางสหายร่วมศึก
ดูท่าคงเพราะแตรสัญญาณถอยทัพนั่นเป็นเหตุ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถอยไปกะทันหัน?
“สนพวกเขาทำไม พวกเรารีบไปเถอะ” นายทหารส่งสารเอ่ยขึ้น “บางทีโจรจินอาจไปรวมตัวกันก็ได้ ว่ากันว่ากำลังพลหมื่นนายเลยนะ”
ชาวบ้านรอบด้านฉับพลันหน้าถอดสีตะโกนตกใจไม่ขาด
“ท่านชายช่วยข้าด้วย”
“เฉิงกั๋วกงช่วยพวกเราด้วย”
พวกเขาร่ำไห้ตะโกน บนถนนคนนับไม่ถ้วนคุกเข่าลง
“แน่นอน พวกเรามาเพื่อช่วยพวกเจ้า” จูจั้นเอ่ยเสียงดัง พลางส่งสัญญาณให้ชาวบ้านทั้งหลายลุกขึ้น “ข้าจะคุ้มกันอยู่ด้านหลัง ขวางโจรจินไว้ พวกเจ้าตอนนี้รีบเดิน”
ชาวบ้านทั้งหลายลนลานลุกขึ้น พยุงผู้เฒ่าจับจูงเด็กน้อยวิ่งไปทางนอกเมือง
ทหารส่งสารมองดูชาวบ้านทั้งหลายแห่แหนวิ่งไปทางทิศใต้แล้วมาข้างกายจูจั้นอีกครั้ง
“ท่านชาย พวกเรารีบไปเถอะ ไปด้วยกันกับพวกเขา” เขาเอ่ย
จูจั้นมองไปทางทิศเหนือ
“ยังต้องไปดูที่อื่นอีก” เขาเอ่ย “หาประชาชนได้เท่าไรก็นับเท่านั้น”
“ไม่น้อยแล้ว” นายทหารส่งสารรีบเอ่ย “ชาวจินเข้ามาในเขตแดนแล้วนะขอรับ”
แต่คำพูดนี้ของเขาไม่มีประโยชน์อย่างสิ้นเชิง จูจั้นขี่ม้าออกจากประตูเมืองควบม้าไปทางเหนือแล้ว หลังร่างเขานายทหารหลายร้อยนายตามไปติดๆ
……………………………………….
“พี่สาว!”
จ้าวฮั่นชิงขี่ม้าทะยานเร็วรี่มาจากไกลๆ
“รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว”
เซี่ยหย่ง หลี่กั๋วรุ่ย หยางจิ่งที่ยืนอยู่รอบกระโจมล้อมเข้ามา
พวกเขาตั้งกระโจมที่นี่สองวันแล้ว ทหารจินตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มา ทหารสอดแนมด้านหน้าก็ยืนยันซ้ำไปมาว่าทัพใหญ่ของทหารจินถอยออกจากป้าโจวแล้ว มุ่งไปทางอี้โจว
อี้โจวเป็นดินแดนของชาวจิน
นี่พวกเขาจะถอนกำลังกลับดินแดนหรือ?
“ชาวจินฝั่งนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” คุณหนูจวินเอ่ยถาม
จ้าวฮั่นชิงหัวเราะคิกคัก
“พี่สาว ท่านพูดถูกแล้ว” นางเอ่ย “ชาวจินเกิดเรื่องแล้ว”
……………………………………….
“ท่านหญิง!”
เหลียงเฉิงต้งฟังถ้อยคำของทหารยามพลันร้องเรียกตระหนก
“เฉิงกั๋วกงขอรับ”
นายหญิงอวี้ยกมือห้ามปรามเขา นางมองดูทหารยามที่กองทหารชิงซานส่งมาคนนี้
“พูดเช่นนี้ เฉิงกั๋วกงลอบโจมตีกองทัพใหญ่ปีกซ้ายของแคว้นจิน กองทัพใหญ่ปีกซ้ายนี่มีองค์ชายเจ็ดของแคว้นจินนำ” นางเอ่ย
ทหารยามขานรับ
“องค์ชายเจ็ดตอนนี้ถูกทัพใหญ่ของเฉิงกั๋วกงล้อมขังไว้ ดังนั้นทั่วป๋าอูจึงสั่งทหารจินทั้งแนวรบกลับไปปกป้องช่วยองค์ชาย” เขาเอ่ย พูดถึงตรงนี้ก็ลูบศีรษะอีกครั้ง “คุณหนูจวินบอกแม้ไม่แน่ว่าจะจัดการองค์ชายเจ็ดได้ แต่สำหรับทั่วป๋าอูแล้วทนรับความเสี่ยงนี้ไม่ไหว ดังนั้นตอนนี้ทหารจินที่ขามเขตแดนมาจึงกลับไปหมดแล้ว”
นายหญิงอวี้ยิ้มแล้ว
“ใช่สิ ตอนนั้นบิดาของฮ่องเต้แคว้นจินก็ตายในมือเฉิงกั๋วกง ทั่วป๋าอูโทษตนเองเรื่องนี้สิบกว่าปี เขาย่อมทนโทษตนเองอีกสิบกว่าปีไม่ได้” นางเอ่ย
เหลียงเฉิงต้งสีหน้ายุ่งยากใจ
“นี่ท่านกั๋วกงเพื่อแก้วงล้อมให้พวกเรา ตอนนี้ทัพใหญ่ถอนกำลังจากไป ชาวจินเหลือเพียงทหารกับแม่ทัพที่แตกทัพ พวกเขาย่อมจัดการง่ายแล้ว” เขาเอ่ย “แต่…”
“นี่เป็นข่าวดีข่าวหนึ่ง” นายหญิงอวี้ขัดเขา สีหน้านิ่งสงบเอ่ยขึ้น “พวกเราจะได้มีเวลามากกว่าเดิมคุ้มครองประชาชนทั้งหลายลงใต้”
แต่นี่ไม่ใช่ข่าวดีเรื่องหนึ่ง
“ท่านหญิง” เหลียงเฉิงต้งก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง สีหน้าร้อนรน “เฉิงกั๋วกงมีกำลังพลเพียงสามหมื่นนาย เขา นี่ติดกับอยู่ในแดนเหนือแล้ว”
บุกเข้าไปในเขตชาวจิน ลอบโจมตีองค์ชายแคว้นจิน ข้างนอกมีทหารกองหนุนหลายหมื่นของชาวจินล้อม
ที่สำคัญก็คือเฉิงกั๋วกงไม่มีทหารกองหนุนแล้ว
นี่พูดได้ว่า…
แผ่นหลังของนายหญิงอวี้เหยียดตรงไม่หันกลับมา
“ดังนั้นคุ้มครองประชาชนทั้งหลายลงใต้เถอะ” นางเอ่ย “อย่าผิดต่อเฉิงกั๋วกง”
เหลียงเฉิงต้งมองดูแผ่นหลังของนายหญิงอวี้ แล้วมองดูทางเหนือนิดหนึ่ง สีหน้าโศกเศร้าคับแค้น
“ขอรับ” เขาเสียงแหบพร่าค้อมกายขานตอบ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง จูจั้นก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” เขาเอ่ยขึ้น มองดูจดหมายในมือแล้วหัวเราะลั่น “พ่อของข้าร้ายกาจจริงๆ! ไม่เสียทีเป็นพ่อของข้า ถึงกับเล่นไม้นี้ ทำโจรจินพวกนี้ตกใจตายแล้ว”
เขาหัวเราะลั่นอยู่ แต่มือที่กำจดหมายกลับสั่นระริก บนมือเส้นเลือดเขียวปูดนูน
นายทหารทั้งหลายข้างกายไม่มีคนหัวเราะ โดยเฉพาะคนตัดฟืนหลายสิบคน สีหน้าร้อนรน
“ท่านชาย พวกเรารีบไปอี้โจวเถิด” พวกเขารีบร้อนเอ่ย “ท่านกั๋วกงอันตรายแล้ว”
จูจั้นมองไปรอบๆ ประชาชนมากมายเกือบพันบ้างยืนอยู่บ้างนั่งอยู่รอบด้าน แต่ละคนๆ เสื้อผ้าขาดวิ่น สีหน้าตระหนกวิตก
ตอนนี้แม้ทัพใหญ่ของชาวจินถอนกำลังออกไปแล้ว แต่เป่าโจวยังมีทหารแม่ทัพแตกทัพอยู่ไม่น้อย เผาฆ่าปล้นชิงทั่วทุกแห่ง
“พ่อข้าทำเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เพื่อให้ข้าไปช่วยเขา” เขายิ้มพลางเอ่ย ยัดจดหมายในมือเข้าไปในอกเสื้อ “ไป ลงใต้ต่อ”
ได้ยินเสียงเรียก ชาวบ้านผู้ประสบภัยรอบด้านรีบลุกขึ้น แม้หวาดหวั่นวิตก แต่ในดวงตายังมีความหวัง
มีทหารเหล่านี้อารักขา พวกเขาย่อมหนีรอดได้
“ท่านชาย” คนตัดฟืนหลายคนรวมถึงนายทหารอดไม่ได้เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า
จูจั้นกำดาบยาวในมือแน่น นำชาวบ้านผู้ประสบภัยที่จับกลุ่มรวมตัว ร่างกายเหยียดตรงไม่หันหลังกลับทะยานม้าไปข้างหน้า