ค่ายกลเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกแห่งที่ผ่านไป ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงลมเบาๆ พัดเข้ามาที่ใบหน้า ไม่นานค่ายกลหยินหยางก็ปกคลุมไปทั่วเมืองเจียงหลิน

ค่ายกลที่สามารถปกคลุมทั้งคณะหยินหยางได้ แล้วปกคลุมทั้งเมืองเจียงหลินได้อีกครั้ง ไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่แค่ค่ายกลนี้ ยังไม่สามารถหยุดยั้งผู้แข็งแกร่งแดนปราณชีวิตของสำนักโลหิตพิฆาตได้

อย่างไรเสีย ด้วยพลังของค่ายกลในตอนนี้ ยังไม่เท่ากับตอนอยู่ที่คณะหยินหยางเลย

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องรอดูค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้าที่เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตั้งขึ้นมา

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรอาศัยพลังปราณของลู่ฝานปล่อยสายเชือกจำนวนนับไม่ถ้วนไปที่เหล็กตรงหน้า ทันใดนั้นเหล็กพวกนั้นก็เหมือนจะหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นของเหลว ปล่อยแสงออกมา จากนั้นก็เข้าไปในพื้นดิน ขยายออกไปตามสัญลักษณ์ลวดลายของค่ายกลหยินหยาง

ลู่ฝานสัมผัสได้ว่า เหล็กพวกนี้ก็เหมือนกับพลังปราณหลายๆ สาย ส่วนค่ายกลหยินหยางขนาดใหญ่ก็เป็นเหมือนเส้นเลือด สามารถทำให้เหล็กที่หลอมละลายไหลไปทั่วทั้งเมืองเจียงหลิน

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรจัดการตั้งค่ายกลไปด้วย พูดไปด้วยว่า “ค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้า ใช้เหล็กเป็นพื้นฐาน กลายเป็นค่ายกลตั้งรับ คนที่มาโจมตีค่ายกล จะถูกพลังเหล็กสะท้อนพลังกลับ พอตั้งค่ายกลออกมา จะได้พลังโลหะจากฟ้าดิน พอตั้งค่ายกลสำเร็จ จะได้พลังที่ทนทานของผืนแผ่นดิน เมื่อเดินค่ายกล จะได้พลังสองธาตุจากห้าธาตุ ใส่สายฟ้าเข้าไปเพิ่ม ค่ายกลก็จะสำเร็จลุล่วง”

ลู่ฝานฟังอยู่เงียบๆ ดูเหมือนว่าค่ายกลนี้จะร้ายกาจมาก

แต่ทำไมตอนที่เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหลอมรวมเหล็กพวกนี้นั้น พลังปราณของเขาถึงได้ถูกใช้ไปเร็วมาก

ไม่นาน ลู่ฝานก็รู้สึกว่าพลังปราณไม่พอใช้แล้ว

ลู่ฝานก็รีบนั่งสมาธิลงทันที ห้าจิตขึ้นทางฟ้า เริ่มดูดพลังฟ้าดินเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็กำลังอธิบายลักษณะและการควบคุมค่ายกลนี้ให้ลู่ฝานฟัง ลู่ฝานก็ฟังไปด้วย เคลื่อนพลังปราณไปด้วย เหมือนจะเป็นการฝึกวิชาที่รุนแรงมากครั้งนี้

ทางฝั่งลู่ฝานกำลังหลอมเหล็ก ด้านนอกในเมืองเจียงหลินก็วุ่นวายกันหมด

“รับซื้อเหล็ก รับซื้อเหล็ก ป้าจาง บ้านพวกป้ามีเหล็กไหม เหล็กอะไรก็ได้ ซื้อในราคาสูง หนึ่งเหรียญเงินสามกีโล แพงเลยใช่ไหม รีบเอามาขายให้ฉันสิ!”

“อะไรนะ? เหล็กได้ราคานี้เลยหรือ? บ้านฉันยังมีจอบเหล็ก ค้อนเหล็ก เดี๋ยวฉันเอามาให้นะ พ่อเขาเอ้ย เอากระทะเหล็กบ้านเราออกมาที ทุกกระทะขายเหล็กเลย!”

“อื่โก่วจี่ บ้านพวกนายมีเสาเหล็กไม่ใช่หรือไง ขายให้ฉันเถอะ”

“ขายบ้าบออะไร “เสาเหล็ก”เป็นพี่ชายฉัน แต่นายจะซื้อจริงๆ ใช่ไหม? หนึ่งเหรียญเงิน3กีโลจริงหรือ? อย่างนั้นพี่ชายฉันก็มีราคาเหมือนกันนะเนี่ย!”

……

เสียงเรียกรับซื้อเหล็กดังไปทั่วถนน

ตระกูลลู่รับซื้อเหล็กมากมายขนาดนี้ ทำให้คนในเมืองเจียงหลินไม่น้อยหัวเราะกันทั่ว

พวกนักธุรกิจก็กำลังจ้องมอง ตระกูลลู่จะทำอะไรกันแน่? จะทำธุรกิจแร่เหล็กหรือไง? ไม่น่าจะใช่นะ!

ยุคนี้ ทำธุรกิจแร่เหล็กยังสู้ขายยาสมุนไพรไม่ได้เลย

ร้านอาวุธทั้งหมดถูกกว้านซื้อจนเกลี้ยง คนตระกูลลู่ก็กวาดซื้อเหล็กทุกชนิดจนเกลี้ยงเหมือนตั๊กแตนรุมกินข้าว

ในขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกไกลออกไปจากเมืองเจียงหลิน

ชายสวมชุดสีเลือดสิบกว่าคน ก็มาถึงยังยอดเขาแห่งหนึ่ง

มองไปยังทิศทางของเมืองเจียงหลินที่ไกลออกไป

ชายที่เป็นผู้นำพูดขึ้นมาว่า “ลู่ฝาน คนตระกูลลู่แห่งเมืองเจียงหลินกล้ามาฆ่าคนของสำนักโลหิตพิฆาตเรา สงสัยไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว หวังว่าเมืองเจียงหลินจะเป็นเมืองคนรวย ฉันไม่อยากไปจัดการแล้วไม่ได้อะไรกลับมา”

ชายด้านข้างก็พูดต่อว่า “พี่ใหญ่ วางใจเถอะ ผมไปสืบมาแล้ว ลู่ฝานคนนั้นเป็นศิษย์เอกหนึ่งในเก้าคณะของสถาบันสอนวิชาบู๊ ไม่ต้องพูดอย่างอื่น แค่ในมือของเขาก็จะต้องมีของดีราคาไม่น้อยแน่นอน”

“อย่างนั้นก็ดี พวกเรายังเหลืออีกกี่วันจะถึงเมืองเจียงหลิน?”

“มากสุดอีก2วันครับพี่ใหญ่!”