บทที่ 334 เด็กดี เจ้าอยากได้สิ่งใด

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 334 เด็กดี เจ้าอยากได้สิ่งใด

ทุกสายตามองตามนิ้วมือของเจ้าหน้าที่มือปราบคนนั้น

แล้วทุกคนก็เห็นของเหลวสีเหลืองปื้นหนึ่งกำลังสะท้อนประกายอยู่ที่ก้นกล่องเก็บหลักฐาน

มันมีลักษณะเป็นเมือกเหลว มีความหนาประมาณนิ้วมือคน กลิ่นคาวเลือดโชยขึ้นมา นอกจากนั้นยังมีกระดาษแผ่นเล็กถูกม้วนเอาไว้หนึ่งแผ่น แต่เนื่องจากมันอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของกล่องเก็บหลักฐาน จึงไม่มีใครสังเกตเห็นมาก่อน

ถังกู่จินใบหน้ากระตุกอยู่ตลอดเวลา

อู๋ซางหยางพินิจดูสิ่งที่เหลืออยู่ในกล่องเก็บหลักฐานด้วยความถี่ถ้วนและพูดว่า “นี่เป็นพิษของยาละลายศพแน่นอนขอรับ… แล้วม้วนกระดาษแผ่นนี้ก็ถูกยัดเอาไว้ในหัวมนุษย์หัวนั้น เมื่อผ่านระยะเวลาที่กำหนด ยาละลายศพก็เริ่มออกฤทธิ์ หัวมนุษย์ที่เป็นหลักฐานของพวกเรา ก็ละลายเหลือเพียงของเหลวเท่านี้…”

รับฟังดังนั้น ทุกคนก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง

นี่มันการทำลายหลักฐานไม่ใช่หรือ?

ฝีมือของใครกันนะ?

ผู้ต้องสงสัยหลักคงหนีไม่พ้นกวนเฟยตู้

ถังกู่จินสงบสติอารมณ์อย่างยากลำบาก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ในม้วนกระดาษนั้นมีข้อความใดอยู่หรือไม่?”

อู๋ซางหยางยื่นมือออกไปขอที่คีบเหล็กมาจากเจ้าหน้าที่มือปราบข้างกาย หลังจากนั้น เขาก็คีบม้วนกระดาษขึ้นมาจากก้นกล่องเก็บหลักฐาน แต่เมื่อคลี่ดูข้อความที่อยู่ด้านใน สีหน้าของอู๋ซางหยางก็เปลี่ยนแปลงไปทันที

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าควรรายงานอย่างไร

ถังกู่จินกล่าวว่า “อ่านออกมา”

อู๋ซางหยางเกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “ใต้เท้าขอรับ นี่มัน…”

“อ่านซะ”

“แต่ว่า…”

“บอกให้อ่าน”

“กราบเรียนใต้เท้า ข้อความอ่านได้ว่า คิดจะจับตัวข้า ฝันไปเถอะ ไอ้กาก!”

“ว่าไงนะ?”

“นั่นคือข้อความทั้งหมดในม้วนกระดาษขอรับ”

“หึ่ย…” ถังกู่จินกัดฟันกรอดด้วยสีหน้าเคียดแค้น เขาทิ้งตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้ตัวเดิม ถึงแม้จะกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยโดยเร็ว แต่บรรดาผู้ติดตามคนใกล้ชิดล้วนทราบดีว่า ขณะนี้ในจิตใจของผู้ตรวจการมณฑลกำลังปั่นป่วนราวพายุคลั่ง

ภายในห้องรับแขกเงียบงันไม่ต่างไปจากสุสานตอนเที่ยงคืน

หลายคนยังไม่เข้าใจคำว่า ‘ไอ้กาก’ หมายความว่าอย่างไร

แต่ฟังดูน่าจะเป็นคำด่าแน่นอน

แถมเป็นคำด่าที่รุนแรงเสียด้วย

“กวนเฟยตู้อยู่ที่ไหน?” ถังกู่จินคำรามออกมาทันที

บรรดาเจ้าหน้าที่มือปราบได้แต่หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะไม่มีใครรู้เลยว่ากวนเฟยตู้อยู่ที่ไหน

หลินเจิ้นหนานมีสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่ไม่อยากจะพูดออกมา

“ผู้อาวุโสหลินมีอะไรจะพูดกระมัง?” ถังกู่จินหันหน้าไปมอง กล่าวเสียงเข้ม

หลินเจิ้นหนานตอบว่า “ข้าน้อยนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ไม่ทราบว่าสมควรพูดหรือไม่”

“พูดออกมา”

“กราบเรียนใต้เท้า ตั้งแต่ตอนที่กวนเฟยตู้นำศีรษะของหลินเป่ยเฉินมารับรางวัล ข้าน้อยก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นับตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ คล้ายกับว่าคุณชายกวนกำลังปิดบังอะไรอยู่”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเจิ้นหนาน ทุกคนก็ถึงกับชะงักกึก

ตอนนั้น กวนเฟยตู้มีพฤติกรรมที่ผิดปกติจริงๆ

ขนาดตอนที่ถังกู่จินถามว่ากวนเฟยตู้ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ยังไม่ตอบรับคำใด และมีสีหน้าร้อนรนเหมือนอยากจะออกไปขึ้นเงินรางวัลเต็มแก่

กวนเฟยตู้คงต้องกลัวความผิดอยู่แน่นอน!

นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดเดา

ถังกู่จินหลับตาลงและนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน

ยิ่งนึกย้อนดูเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเท่านั้น

ตอนนั้นเขามัวแต่ดีใจมากเกินไปที่มีหัวของหลินเป่ยเฉินมาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว ถังกู่จินจึงไม่ได้คิดสนใจรายละเอียดอื่นๆ มิหนำซ้ำ เขากลับมองว่ากวนเฟยตู้เป็นเด็กหนุ่มใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ดูเหมือนว่า… เขาจะมองคนผิดไปเสียแล้ว

“ไปตามจับตัวกวนเฟยตู้มาให้ได้” ถังกู่จินออกคำสั่งด้วยความฉุนเฉียว

เจ้าหน้าที่มือปราบชั้นผู้น้อยรีบปฏิบัติตามคำสั่งโดยทันที

“แต่ใต้เท้าขอรับ การถ่ายทอดสดที่วิหารเทพกระบี่เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วนะขอรับ…”

อู๋ซางหยางพยายามย้ำเตือน

แต่ระหว่างที่เตรียมการนั้น พวกเขายังมีหัวของหลินเป่ยเฉินอยู่ในกล่องเก็บหลักฐาน ทว่า บัดนี้พวกเขาไม่มีหลักฐานไปแถลงข่าวอีกแล้ว

“เลื่อนการถ่ายทอดสดออกไปก่อน” ถังกู่จินว่า

“รับทราบขอรับ” อู๋ซางหยางประสานมือรับคำสั่ง

หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้แต่รอคอยอยู่ในห้องรับแขกด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

บรรดาเจ้าหน้าที่มือปราบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผ่านไปช่วงเวลาไม่ถึง 1 ก้านธูป ก็เริ่มมีเจ้าหน้าที่มือปราบทยอยกลับมารายงานว่า

“กราบเรียนใต้เท้า พวกเราไม่พบตัวกวนเฟยตู้เลยขอรับ”

“กราบเรียนใต้เท้า มีข่าวจากสำนักฝากเงินกระบี่สวรรค์แจ้งว่า กวนเฟยตู้ได้เดินทางไปถอนเงินที่อยู่ในบัตรนิลกาฬใบนั้นเรียบร้อยแล้วขอรับ…”

“กราบเรียนใต้เท้า มีพยานพบเห็นกวนเฟยตู้ปรากฏตัวบริเวณประตูเมืองขอรับ…”

การรายงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คำตอบทุกอย่างชัดเจนแล้ว

กวนเฟยตู้เป็นผู้กระทำผิดจริงๆ

นี่แหละปัญหาใหญ่

เด็กหนุ่มบ้านนอกยางกวนเฟยตู้ถึงกับกล้าหลอกลวงผู้ตรวจการมณฑลได้หน้าตาเฉย

ถังกู่จินโกรธแค้นจนควันออกหู

นอกจากโดนหลอกให้หลงเชื่อแล้ว เขายังโดนหลอกเงินไปอีก 100,000 เหรียญทองคำอีกด้วย

“ถ่ายทอดคำสั่งออกไปให้จับกุมตัวสมาชิกทุกคนของตระกูลกวนมาเดี๋ยวนี้” ถังกู่จินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่มีความอาฆาตแค้นแฝงอยู่ในคำพูดทุกคำ

ตระกูลหลิง ตระกูลเซียว ตระกูลกวนและตระกูลหลิน คือ 4 ตระกูลใหญ่ชื่อดังประจำเมืองหยุนเมิ่ง

ตระกูลหลิงกับตระกูลหลินเป็นตัวแทนของอำนาจ ในขณะที่ตระกูลกวนกับตระกูลเซียวเป็นตัวแทนของความร่ำรวย

พวกเขาเคยเป็น 4 เสาหลักใหญ่ประจำเมือง

แต่ปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย เมื่อบิดาของหลินเป่ยเฉินกลายเป็นผู้ร้ายหลบหนีคดี ตระกูลหลินก็ถึงคราวล่มสลาย แม้ว่าหลินเจิ้นหนานจะเข้ารับช่วงต่อสืบทอดอำนาจแทนคนเก่า แต่ตระกูลหลินก็คงไม่กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกแล้ว

และบัดนี้ ถังกู่จินก็กำลังจะทำให้ตระกูลกวนต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน

หลายคนอยากจะออกหน้าแก้ต่างให้ตระกูลกวน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของผู้ตรวจการมณฑล บุคคลเหล่านั้นก็ต้องปิดปากเงียบไปทันที

ถังกู่จินหันกลับมาจ้องมองกล่องหลักฐานที่หลินอี้นำมาส่งมอบ

“พวกเราตรวจสอบหลักฐาน” ถังกู่จินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มีอารมณ์

อู๋ซางหยางนำตัวเจ้าหน้าที่มือปราบระดับสูงจำนวนหนึ่งเข้ามาตรวจสอบศีรษะของหลินเป่ยเฉิน และพวกเขาก็ไม่กล้ามองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ อีกแล้ว

“ไม่มีตำหนิเลยขอรับ ใต้เท้า”

“นี่คือศีรษะของหลินเป่ยเฉินจริงแท้แน่นอน”

“ไม่มีร่องรอยของการปลอมแปลงขอรับ”

“ไม่มียาละลายศพซ่อนอยู่ด้วยเช่นกันขอรับ…”

เจ้าหน้าที่มือปราบระดับสูงเหล่านั้นให้ความเห็นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

อู๋ซางหยางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แม้ว่ากวนเฟยตู้จะหลอกลวงพวกเขาเพื่อเอาเงินรางวัลค่าหัว แต่ยังนับเป็นโชคดีที่หลินอี้แก้ไขสถานการณ์ และสามารถนำศีรษะของหลินเป่ยเฉินตัวจริงมาส่งมอบได้สำเร็จ

ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

มีเพียงถังกู่จินผู้เดียวที่เสียหน้าเล็กน้อยเนื่องจากถูกเด็กหนุ่มรุ่นลูกตบตาเอาได้อย่างง่ายดาย

ผู้ติดตามคนสนิทอย่างอู๋ซางหยางไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว

ห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบ

แต่แล้วในทันใดนั้นเอง…

“อุ๊วะ ฮ่าฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่า” พลัน ถังกู่จินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

อู๋ซางหยางและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พร้อมใจกันสะดุ้งโหยงเพราะนึกว่าใต้เท้าเสียสติไปแล้ว

แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือหลังจากระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ถังกู่จินก็สลัดความขุ่นเคืองใจทิ้งไปได้หมดสิ้น พลัน ผู้ตรวจการมณฑลยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เขากวักมือเรียกหลินอี้พร้อมกับพูดว่า “เด็กดี เจ้าทำได้ดีมาก บอกมาสิว่าเจ้าอยากได้สิ่งใด ข้าจะทำให้เจ้าสมความปรารถนาเอง”

หลินอี้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือตอบโดยเร็ว “ที่ตระกูลหลินของข้ามีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะใต้เท้าเมตตามากมายนัก ข้าเพียงทำสิ่งที่สมควรต้องทำ มิกล้ารับความดีความชอบหรอกขอรับ”

หลินเจิ้นหนานแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าบุตรชายสมองขี้เลื่อยของเขา จะสามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ถึงขนาดนี้

หลินเจิ้นหนานรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง

ถังกู่จินหัวเราะฮ่าฮ่า กล่าวว่า “ในเมื่อข้าบอกว่าจะให้รางวัล เจ้าจะปฏิเสธได้อย่างไร? มานี่สิ นี่คือรางวัลที่เจ้าสมควรได้รับ”

ผู้ตรวจการมณฑลโบกมืออีกครั้ง แล้วเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างกาย ก็ส่งมอบบัตรฝากเงินสีดำอีกใบหนึ่งมาให้โดยทันที