บทที่ 335 จิตใจอันโหดร้าย
หลินอี้ที่เห็นดังนั้น ก็รีบส่ายศีรษะปฏิเสธและพูดละล่ำละลักว่า “ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยไม่สามารถรับเงินค่าหัวเอาไว้ได้จริงๆ ใต้เท้าเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลหลิน ทุกอย่างที่ข้าทำให้ท่าน ก็เปรียบเสมือนข้าทำให้แก่บิดาของตนเอง แล้วข้าจะบังอาจรับเงินค่าหัวเอาไว้ได้อย่างไร”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนั้น ต่างก็รู้สึกอยากจะอาเจียนอยู่ในใจ
อายุเพียงเท่านี้ หลินอี้กลับรู้จักใช้คำพูดประจบใจคนจนน่ากลัว
หลินเจิ้นหนานรับฟังดังนั้นก็ยิ่งมีความสุข
เขารู้สึกว่าวันนี้บุตรชายของตนเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีคำพูดคำจาน่ารับฟัง แตกต่างจากตอนปกติเหมือนเป็นคนละคน
การเอาชนะใจใต้เท้าถังกู่จินได้สำเร็จ มีค่ายิ่งกว่าเงินจำนวน 100,000 เหรียญทองคำหลายเท่านัก
สิ่งสำคัญสำหรับคนเราก็คือต้องรู้จักมองการณ์ไกล
จะเอาแต่ผลประโยชน์ซึ่งหน้าไม่ได้
สถานการณ์ของตระกูลหลินในขณะนี้ เปรียบเสมือนรถม้าที่ขับตกข้างทาง ต่อให้รับเงิน 100,000 เหรียญทองคำไว้ แต่ก็ยากที่จะกลับไปโลดแล่นบนถนนได้อีก ทว่า ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหากหลินอี้ได้กลายเป็นคนโปรดของผู้ดำรงตำแหน่งผู้สังเกตการณ์มณฑลคนนี้
“ฮ่าฮ่า เจ้านี่เป็นเด็กดีเหลือเกิน ข้าชื่นชมในตัวเจ้านัก”
ถังกู่จินชูบัตรสีดำในมือขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นี่คือเงินรางวัลที่เจ้าสมควรได้รับที่สุดแล้ว เจ้าช่วยทำให้ข้าไม่ต้องพบเจอปัญหายุ่งยาก เจ้าควรจะรู้ดีว่าการสังหารหลินเป่ยเฉินในวันนี้มีค่ามากขนาดไหน”
หลินอี้เอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมรับบัตรเก็บเงินค่าหัว
แต่ยิ่งปฏิเสธเท่าไหร่ ถังกู่จินก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมในตัวหลินอี้มากขึ้นเท่านั้น
เขารู้สึกเหมือนสวรรค์ส่งเด็กหนุ่มคนนี้มาช่วยเหลือยามวิกฤต
บัดนี้ ทุกอย่างจึงกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
“ได้ยินว่าในการแข่งขันที่ผ่านมา เจ้าสามารถทำคะแนนได้ดี มีความโดดเด่นมากกว่ากวนเฟยตู้หลายเท่า และเจ้านี่แหละคือผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองที่แท้จริง เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายแนะนำตัวเจ้า ส่งไปให้สำนักกระบี่หลวงระดับสามัญ เจ้าแค่ต้องบอกพวกเขาว่าเจ้าคือบุตรบุญธรรมของข้า รับรองว่าทุกคนต้องปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความเคารพนบนอบแน่นอน แต่ข้าไม่ได้จะให้เจ้าอ้างเพียงปากเปล่าหรอกนะ ไว้มีเวลาเมื่อไหร่ ข้าจะจัดพิธีแต่งตั้งเจ้าเป็นบุตรบุญธรรมจริงๆ”
ถังกู่จินยิ้มแย้มอย่างใจดี
หลินเจิ้นหนานหน้าบานตลอดเวลา
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตระกูลหลินจะโชคดีถึงขนาดนี้
จังหวะนั้น หลินเจิ้นหนานรีบกดหัวบุตรชายให้คุกเข่าคำนับถังกู่จิน
แต่โชคดีที่ถังกู่จินโบกมือบอกว่าไม่ต้องมากพิธี และพูดเข้าเรื่องอีกครั้ง “เมื่อการแถลงข่าวจบลง ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวนตระกูลหลินของพวกเจ้า และเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะประกาศอย่างเป็นทางการให้ทุกคนได้รับทราบว่า หลินอี้เป็นบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายของข้า”
“ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ” หลินเจิ้นหนานพูดด้วยความดีใจสุดขีด “นับว่าสวรรค์อวยพรเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว”
ในเวลาเดียวกันนี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกได้แต่พยายามเก็บความอิจฉาเอาไว้ในใจ
พวกตระกูลหลินนี่ตายยากเหลือเกิน
ตอนแรกนึกว่าตระกูลหลินจะถึงคราวล่มสลายเสียแล้ว ที่ไหนได้ พวกเขากลับหาทางทะยานขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง 4 ตระกูลใหญ่ประจำเมืองได้สำเร็จอีกครั้ง
และความยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นของบิดาหลินเป่ยเฉิน ก็จะตกมาเป็นของหลินเจิ้นหนานอย่างแน่นอน
“เอาเถอะ หลินอี้ ก่อนหน้านี้เจ้าต้องต่อสู้กับหลินเป่ยเฉิน คงได้รับบาดเจ็บมาบ้างไม่มากก็น้อย กลับไปรักษาบาดแผลและเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ อาบน้ำอาบท่าให้เนื้อตัวสดชื่น แล้วอีกครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ ขอให้เจ้าเดินทางไปร่วมเป็นสักขีพยานการแถลงข่าวที่วิหารเทพกระบี่ด้วยแล้วกัน”
ถังกู่จินกล่าวปิดท้าย
“ขอรับใต้เท้า”
หลินเจิ้นหนานและบุตรชายหมุนตัวเดินออกไป
ในห้องรับแขกกลับมาเหลือแต่สมาชิกของหน่วยมือปราบเท่านั้น
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของถังกู่จินหายวับไปทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอำมหิตขณะออกคำสั่งเสียงเรียบ “ซางหยาน ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ผู้ต้องสงสัยที่เรากำลังจะปล่อยตัวเหล่านั้น ให้นำตัวไปที่วิหารเทพกระบี่ทันที ข้าจะตัดหัวพวกมันทิ้ง เพื่อทำพิธีบูชาเลือดต่อเทพีกระบี่”
อู๋ซางหยานถึงกับชะงักไปเล็กน้อย “ใต้เท้าหมายถึงผู้ต้องสงสัยทั้งหมดนั้นเลยหรือขอรับ? ไม่ว่าจะเป็นคณะอาจารย์หรือลูกศิษย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม แล้วก็พวกพ่อค้าวาณิชเหล่านั้น?”
ถังกู่จินตอบว่า “ถูกต้อง ทุกคนที่มันอยู่ขวางหูขวางตาข้า มันจะต้องตายไปให้หมด… นี่จะเป็นบทเรียนที่ทำให้ชาวเมืองรู้ว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และชีวิตของพวกเขาอยู่ในกำมือของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
อู๋ซางหยานรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
เขาเพิ่งจะรับรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเจ้านายของตนเองมีจิตใจอันโหดร้ายขนาดไหน
ครั้งก่อน ใต้เท้าถังกู่จินก็เคยฆ่าคนยกหมู่บ้าน 763 ศพมาแล้ว โดยกล่าวหาว่าชาวบ้านเหล่านั้นเป็นกลุ่มโจรสลัดที่ออกอาละวาดในท้องทะเล
บัดนี้ เป็นคราวซวยของชาวเมืองหยุนเมิ่ง
“รับทราบขอรับ”
อู๋ซางหยานรีบส่งมอบคำสั่งต่อไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทันที
ถังกู่จินพยักหน้าด้วยความพอใจ “ถ่ายทอดคำสั่งบอกชาวเมืองทุกคนด้วยว่าอีก 2 เค่อให้ไปรวมตัวกันที่วิหารเทพกระบี่ ใครไม่ไป จะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับหลินเป่ยเฉิน และจะถูกลงโทษในฐานะสาวกปีศาจ”
“ขอรับใต้เท้า” หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบอีกนายหนึ่งรีบถ่ายทอดคำบัญชาโดยเร็ว
“ซางหยาน เจ้าไปเตรียมรถม้า เก็บรักษาหัวของหลินเป่ยเฉินเอาไว้ให้ดี แล้วจงติดตามข้าไปที่วิหารเทพกระบี่ แผนการทุกอย่างยังคงเดิม หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม เราจะประกาศข่าวการจับตายหลินเป่ยเฉินและทำพิธีบูชาเลือดให้แก่เทพีกระบี่ผู้ศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากนั้น รถม้าก็แล่นออกจากสำนักงานของหน่วยมือปราบประจำเมือง ตรงไปยังวิหารเทพกระบี่
มีเจ้าหน้าที่มือปราบผีมือดี 20 นายทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ถังกู่จิน
ในเวลาเดียวกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเยว่หงเซียง ครอบครัวของมี่หรู่หยาน รวมไปถึงฉู่เหิน พานเว่ยหมิน หลิวฉีไห่ เซียวปิง หวังซินอวี่ หลินเสว่หยิน หยินอี้ เสว่เยว่ และลูกศิษย์คนอื่นๆ รวมไปถึงคนเฒ่าคนแก่อีกกว่า 136 คน ต่างก็ถูกจับใส่โซ่ตรวนนำตัวออกมาจากเรือนจำมุ่งหน้าตรงไปที่วิหารเทพกระบี่เช่นกัน
“ไหนว่าจะปล่อยตัวพวกเราแล้วไงล่ะ?”
“พวกท่านบอกว่าจะปล่อยตัวเราแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไม่นะ ข้าไม่ไป…”
“อ๊าก เลิกเฆี่ยนตีพวกเราได้แล้ว…”
“นายท่าน ข้ากลัวแล้ว ได้โปรดอย่าทำอะไรพวกเราเลย!”
นักโทษสูงอายุจำนวนมากถูกเจ้าหน้าที่มือปราบสะบัดสายแส้เฆี่ยนตีให้ออกเดินไปข้างหน้า เพื่อไปพบกับชะตากรรมแห่งความตายที่ไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว
…
‘หลินอี้’ เดินหน้าระรื่นกลับออกมาจากสำนักฝากเงินกระบี่สวรรค์อีกครั้ง
ทำไมถึงใช้คำว่า ‘อีกครั้ง’ ?
เพราะว่าหลินอี้คนนี้แท้จริงแล้วก็คือหลินเป่ยเฉินที่ปลอมตัวด้วยแอปเมจิก คาเมร่า
เงินค่าหัวอีก 100,000 เหรียญทองคำถูกโอนเข้าสู่บัญชีวีแชทพร้อมสำหรับการใช้งานเรียบร้อย
เหลืออีกเพียงแสนเดียวเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็จะมีเงินมากพอสำหรับการติดต่อเทพีกระบี่ได้แล้ว
เด็กหนุ่มเดินกลับเข้าสู่ถนนสายหลักอีกครั้งด้วยการปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
“เราลงมือสำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ถ้าลงมือครั้งที่ 3 คงมีปัญหาแน่นอน ต่อให้ถังกู่จินจะโง่เขลาจนหลงเชื่ออีกรอบ แต่เดี๋ยวก็ต้องมีลูกน้องสักคนที่เอะใจสงสัยบางอย่าง นั่นเท่ากับว่าเราจะใช้แผนการตัดหัวคนไปรับเงินรางวัลไม่ได้อีกแล้ว” หลินเป่ยเฉินเดินไปบนถนนพลางขบคิดแผนการไปด้วย
ความจริงแล้ว การที่เขาสามารถหลอกเงินถังกู่จินได้สำเร็จถึง 2 ครั้งซ้อน ไม่ใช่ว่าชายผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการมณฑลจะโง่เง่าอะไรขนาดนั้น แต่มันเป็นเพราะแอปเมจิก คาเมร่าสามารถทำงานได้ดีเกินไปต่างหาก ทำให้การปลอมตัวในรอบหลังของหลินเป่ยเฉิน ไม่มีสิ่งใดเป็นที่ผิดสังเกตแม้แต่นิดเดียว
ทว่า หากเขาลงมืออีกเป็นครั้งที่สาม ก็จะต้องมีคนผิดสังเกตแน่ๆ
แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินเตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้ว
เมื่อ 1 ชั่วยามที่แล้ว หลินเป่ยเฉินได้เดินทางมาที่ร้านตัดเสื้อแห่งหนึ่ง และจ่ายเงินเป็นจำนวน 10 เหรียญทองคำสั่งตัดชุดที่เขาต้องการ ที่ค่าชุดมีราคาแพงขนาดนั้นเป็นเพราะว่าหลินเป่ยเฉินต้องการใช้อย่างเร่งด่วน และเขาก็ถือโอกาสมาเปลี่ยนชุดที่ร้านตัดเสื้อแห่งนั้นด้วยเลย
หากมีเจ้าหน้าที่ในหน่วยมือปราบสักคนเดินผ่านมาแถวนี้ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ ที่ได้พบว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดที่เหมือนเครื่องแบบของอู๋ซางหยานทุกประการ
เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เดินฮัมเพลงตรงไปที่จวนสกุลกวน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ประจำเมืองหยุนเมิ่ง