ตอนที่ 1996 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (2) / ตอนที่ 1997 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1996 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (2)

อวิ๋นเซียวกอดหญิงสาวแน่น “ข้าจะสนับสนุนท่านเอง ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจทำอะไร”

“ดี! ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ฉีซูกับฉีหลิงเริ่มไปเตรียมตัว ข้าต้องการทำสงครามกับสำนักอิสระ!”

ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงเฉยชาขณะที่ดวงตาสีนิลของนางมีเจตนาสังหารอยู่ด้านใน สำนักอิสระไม่มีเหตุผลที่จะดำรงอยู่อีกแล้ว…

ฉีซูและไป๋หลิงวิ่งออกจากป่าบททดสอบสวรรค์แล้วมาถึงอย่างรวดเร็ว องค์ชายเฉิงลี่จากอาณาจักรจินหยางกำลังเจ็บปวดจากการกระทำของเสด็จพ่อ เขาจึงไม่กล้ากลับไปที่อาณาจักรจินหยางและเลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังฉีหลิง

อวิ๋นลั่วเฟิงบอกฉีซูและฉีหลิงให้กลับไปเตรียมตัว และขอให้ฉีหลิงบอกที่อยู่ที่แน่ชัดของพื้นที่ต้องห้ามที่เขาเคยพูดก่อนหน้านี้เพราะนางตั้งใจจะไปที่นั่นกับอวิ๋นเซียว

ไป๋หลิงรู้ถึงความอันตรายเบื้องหลังพื้นที่ต้องห้ามดี ดังนั้นหัวใจของนางจึงเต็มไปเต็มไปด้วยความกังวลทันที แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ฟังคำคัดค้านของนางแล้วยืนกรานที่จะเดินทางไป นางก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ

อันที่จริงพื้นที่ต้องห้ามอยู่ด้านหลังของจวนเจ้าเมือง และเพราะพื้นที่ต้องห้ามนี่แหละทำให้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในจวนเจ้าเมืองแม้แต่คนเดียว

ในตอนที่นางมาถึงจวนเจ้าเมือง นางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายหนักแน่นและอึดอัดจนทำให้นางหายใจได้อย่างยากลำบาก ต้องขอบคุณคัมภีร์เซียนโอสถที่สลายกลิ่นอายให้นางได้ทันเวลา

อวิ๋นเซียวยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเงียบงันไร้การเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย รวมถึงดวงตาสีดำที่คล้ายดวงตาของเหยี่ยวก็ยังคมกริบและนิ่งสงบเหมือนเดิม

“อวิ๋นเซียว สาเหตุที่สถานที่นี่ถูกเรียกว่าพื้นที่ต้องห้ามก็อาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นแก่นกลางของแคว้นเฟิงอวิ๋น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็รู้แค่วิธีเข้ามาในแคว้นเฟิงอวิ๋นแต่ไม่รู้วิธีออกไป! ไม่แน่พวกเราอาจจะพบบางอย่างที่นี่ก็ได้”

พูดจบอวิ๋นลั่วเฟิงก็เข้าไปในจวนเจ้าเมือง พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยอดเขาที่อยู่ด้านหลังของจวน

เหนือภูเขามีสายฟ้าสีม่วงรวมตัวกันราวกับว่าสายฟ้ากลุ่มนี้พร้อมที่จะพร้อมที่จะผ่าลงมาทันทีหากมีใครกล้าก้าวเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม แล้วเปลี่ยนผู้บุกรุกให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!

“อวิ๋นอี้” อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกเบาๆ

ร่างของอวิ๋นอี้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงทันทีแล้วเดินไปข้างหน้า

ตูม!

เมื่ออวิ๋นอี้ก้าวไปข้างหน้า สายฟ้าก็ผ่าลงมาบนตัวอวิ๋นอี้อย่างรุนแรง

อวิ๋นอี้ส่งเสียงพึงพอใจแล้วเดินต่อไปข้างหน้า

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาขณะที่มองอัสนีสวรรค์บนท้องฟ้า “ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูก เมื่อสายฟ้าแต่ละเส้นผ่าลงมา สายฟ้าก็จะหายไป! อัสนีสวรรค์ที่กำลังผ่าลงมาที่อวิ๋นอี้ตอนนี้ยังไม่ทรงพลังมาก แต่สายฟ้าแต่ละเส้นก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นกว่าเส้นก่อนหน้า…”

ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่พบอัสนีสวรรค์จนกระทั่งมาถึงที่นี่ กลายเป็นว่าไม่ใช่เพราะตลอดทางไม่มีอัสนีสวรรค์แต่เป็นเพราะมีใครบางคนเคยมาทางนี้แล้ว ดังนั้นอัสนีสวรรค์ที่ผ่าลงมาแล้วจะไม่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่

นี่เป็นเหตุผลที่อวิ๋นลั่วเฟิงสรุปออกมาได้ อัสนีสวรรค์เป็นของที่มนุษย์สร้างขึ้น มีใครบางคนจงใจรวบรวมอัสนีสวรรค์ไว้บนนั้นและจำกัดจำนวนอัศนีสวรรค์เอาไว้ แต่ว่ายอดฝีมือที่สามารถสร้างอัสนีสวรรค์ได้จะน่ากลัวขนาดไหนกัน แล้วเขากำลังปกป้องอะไรที่อยู่ในพื้นที่ต้องห้ามกันแน่

ทุกก้าวที่อวิ๋นอี้เดินสายฟ้าก็จะผ่าลงมา แต่ว่าอวิ๋นอี้ก็ทำราวกับไม่รู้สึกอะไรแล้วเดินต่อไปข้างหน้า อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวก็เดินตามเขาไปติดๆ

จู่ๆ อวิ๋นอี้ก็หยุด อวิ๋นลั่วเฟิงสับสนแล้วพบว่ามีพลังมหาศาลระเบิดออกจากตัวเขา

ตอนที่ 1997 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (3)

“ขั้นเซียนอาวุโส!”

ภายใต้การโจมตีของสายฟ้า อวิ๋นอี้ก็ผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นขั้นเซียนอาวุโสแล้ว!

นี่เป็นเรื่องที่นางไม่คาดคิดมาก่อนเลย!

หลังจากที่ผ่านด่านอวิ๋นอี้ก็ไม่ได้อ้อยอิ่งแล้วเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เลื่อนระดับอีกแล้วอยู่ในขั้นเซียนอาวุโสจนกระทั่งสุดทาง

แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็เชื่อว่าอัสนีสวรรค์ที่สร้างจากการผ่านด่านเลื่อนระดับของนางจะทำให้อวิ๋นอี้เลื่อนขั้นเป็นเซียนจักรพรรดิ…

หลังจากที่ผ่านอัสนีสวรรค์ไป ต้นเถาในดินแดนแห่งฝันที่สงบสุขก็ปรากฏสู่สายตาของพวกเขา

ดอกท้อที่บานสะพรั่งก็ร่วงลงมาจากต้นแล้วแต่งแต้มภาพให้เกิดเป็นความงดงามที่แสนวิเศษ บ้านไม้เล็กๆ ที่โดดเด่นตั้งอยู่ตรงกลางต้นเถาทั้งหลาย

“นี่มัน…” หลังจากที่เห็นแบบนี้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็สะดุ้ง หรือว่าอัสนีสวรรค์ทั้งหมดนั่นมีไว้เพื่อปกป้องบ้านไม้เล็กๆ หลังนี้เท่านั้นหรือ

“พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ” อวิ๋นเซียวพูดหลังจากเงียบไปสักพัก

อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าแล้วพวกเขาก็เข้าไปในบ้านไม้

บ้านไม้หลังนี้ธรรมดามาก ไม่มีแม้แต่อะไรที่แปลกแยกออกมาสักอย่างเดียว พู่กันและกระดาษที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มจากกาลเวลาที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะไม้

อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบคัมภีร์แล้วเปิดอ่านอย่างไม่ตั้งใจ นางตะลึงเพราะค้นพบว่าที่มาของโลกนี้ถูกเขียนอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้ โลกนี้ที่ว่าไม่ได้หมายถึงแค่แคว้นเฟิงอวิ๋นและแคว้นเจ็ดเมือง แต่ยังรวมทั่วทุกแผ่นดินบนโลกใบนี้

แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงก็วางคัมภีร์ลงหลังจากที่อ่านผ่านๆ แล้วหยิบคัมภีร์อีกเล่มขึ้นมา คัมภีร์เล่มนี้เป็นบันทึกประจำวันของคนที่ชื่อชังจี่

ตอนแรกนางเพียงต้องการจะดูผ่านๆ อย่างรวดเร็วแต่เมื่อนางเปิดหน้าต่อไป นางก็ตกตะลึง

“ตาแก่ผู้นี้ใช้เวลาทั้งชีวิตศึกษาเรื่องยาและค้นพบคัมภีร์ล้ำค่าที่ชื่อคัมภีร์เซียนโอสถซึ่งมีโลกอยู่ภายในคัมภีร์ล้ำค่านี้ แต่ว่าคัมภีร์เล่มนี้ต้องการคนที่มีพื้นฐานสูงเกินไปและต้องมีร่างกายแบบนามธรรมเพื่อสืบทอดคัมภีร์เล่มนี้…

…ตาแก่คนนี้ยังสังเกตท้องฟ้ายามค่ำคืนและพบว่าคนที่มีร่างกายแบบนามธรรมจะไม่ปรากฏขึ้นในแผ่นดินนี้ และเพราะความชื่นชอบในพรสวรรค์ ตาแก่คนนี้จึงส่งคัมภีร์เซียนโอสถไปที่มิติอื่น เขาคิดว่ามิตินั้นชื่อว่าหวาเซี่ย”

มือที่อวิ๋นลั่วเฟิงใช้ถือบันทึกประจำวันสั่น กลายเป็นว่าคัมภีร์เซียนโอสถไม่ได้บังเอิญไปโผล่ที่หวาเซี่ย แต่ชังจี่เป็นคนช่วยให้ไปปรากฏที่นั่น!

“โชคร้ายที่ถึงแม้คนที่มีร่างแบบนามธรรมจะมีพรสวรรค์สูงส่งมากแต่ชีวิตรักของพวกเขาจะมีแต่เรื่องน่าสลดใจ! เพราะพื้นฐานร่างกายของนางทำให้นางต้องมีสัมพันธ์กับคนที่มีร่างแบบรูปธรรม ถ้านางตกหลุมรักบรุษที่แตกต่างไปจากนี้ ก็จะส่งผลให้พลังฌานของนางมีแต่ต้องถูกทำลายเท่านั้นและนาง…ก็จะพบจุดจบอันเลวร้าย!”

เมื่ออ่านถึงตรงนี้อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปมองอวิ๋นเซียวด้วยรอยยิ้ม นางโชคดีที่ได้เจออวิ๋นเซียว!

ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นอย่างที่ชังจี่พูดไว้ว่านางไม่สามารถมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่นได้!

นางหันกลับไปอ่านต่อ

“แต่ถึงแม้ว่าร่างกายแบบนามธรรมและรูปธรรมจะเข้ากันได้ดี แต่พวกเขาก็ไม่อาจมีบุตรได้ หากไม่ได้ใช้ธาตุพิเศษ”

มือที่ถือหนังสืออยู่แข็งค้าง นางรู้จักอวิ๋นเซียวมามากกว่าสิบปีและพวกเขาก็มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาหลายครั้ง แต่นางก็ยังไม่ตั้งครรภ์

นางตรวจร่างกายของตัวเองและอวิ๋นเซียวแล้วแต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร ในเมื่อไม่พบปัญหานางก็ได้แต่รอให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ นางไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง

“โชคดีที่ตาแก่คนนี้เป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทนเห็นเชื้อสายดีๆ กลายเป็นของไร้ค่าไม่ได้ ดังนั้นตาแก่คนนี้จึงใช้ทุกอย่างที่เขารู้มาทั้งชีวิตเพื่อสร้างเตียงรักษาขึ้นมา ตราบใดที่พวกเขามีสัมพันธ์กับบนเตียงรักษานี้ พวกเขาก็จะสามารถมีบุตรได้…”