ตอนที่ 1998 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (4) / ตอนที่ 1999 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (5)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1998 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (4)

“แน่นอนว่าแค่เตียงรักษาก็ยังไม่พอ! ตาแก่คนนี้ยังใส่พลังทั้งหมดของเขาลงในลูกกลอนเม็ดนี้ ตราบใดที่ร่างนามธรรมเอาลูกกลอนนี้ใส่ไว้ในร่างขณะมีสัมพันธ์กับร่างรูปธรรม พวกเขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังสามารถมีบุตรได้ทันที ช่างเป็นเรื่องที่ดีอะไรแบบนี้ เจ้ายังจะรออะไรกันอีก”

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา เมื่อนางเห็นประโยคสุดท้าย เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าชังจี่คนนี้เหมือนรู้ว่านางจะมา เขาไม่ปล่อยให้นางประหลาดใจนาน หน้าสุดท้ายของบันทึกประจำวันก็พิสูจน์การคาดเดาของอวิ๋นลั่วเฟิง

“แต่ว่าการสร้างลูกกลอนเม็ดนี้ทำให้ความคิดและจิตวิญญาณของตาแก่คนนี้อ่อนล้ามาก จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนมาวุ่นวายกับความสงบของเขา ตาแก่คนนี้จึงสร้างโลงบำบัดให้ตัวเองเอาไว้แล้ว และวางมันไว้ในห้องหนึ่งของบ้านไม้หลังนี้ข้างเตียงรักษา! ตาแก่คนนี้ยังลอกเลียนแบบอัสนีสวรรค์ขึ้นมาด้วย…”

ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกาย ชังจี่เป็นคนลอกเลียนแบบอัสนีสวรรค์งั้นหรือ ก่อนหน้านี้เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน

“แน่นอนว่ามีแค่คนที่มีร่างแบบนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นที่สามารถผ่านอัสนีสวรรค์มาได้ ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บหนักแต่พวกเขา…ก็จะยังมีชีวิตอยู่”

สิ่งที่ชังจี่ไม่คาดคิดก็คืออวิ๋นลั่วเฟิงได้พบกับเจวี๋ยเชียนแล้วเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดมา ทำให้นางสามารถผ่านอัสนีสวรรค์มาได้แบบไร้รอยขีดข่วน

“ตาแก่คนนี้หวังว่าคนผู้นั้นที่มีร่างนามธรรมแล้วเห็นบันทึกนี้จะเชื่อในตัวเขา ครั้งหนึ่งตาแก่ผู้นี้เคยเป็นคนที่มีคุณธรรมที่สุดในโลก ดังนั้นไม่มีทางที่ตาแก่คนนี้จะโกหกหรอก

มุมปากของอวิ๋นลั่วเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระตุก เหตุใดนางถึงรู้สึกว่า…คนผู้นี้เชื่อถือไม่ได้มากๆ กันนะ

แต่ว่า…อวิ๋นลั่วเฟิงก็มองลูกกลอนบนโต๊ะและจากนั้นก็เหลือบมองห้องที่เปิดประคูค้างไว้ครึ่งหนึ่ง นางเงียบไปสักพักก่อนจะหยิบลูกกลอนสีแดงขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าอวิ๋นเซียว

“ท่านช่วยดูหน่อยว่าลูกกลอนนี้มีอะไรผิดปกติหรือไม่”

อวิ๋นเซียวหยิบลูกกลอนที่หนักอึ้งขึ้นมาแล้วมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ลูกกลอนนี้ อันที่จริงมีพลังน่าเกรงขามอยู่ด้านใน และพลังนี้ก็สามารถดูดซึบได้โดยตรงโดยไม่มีผลเสียอะไร”

“ก็หมายความว่าชังจี่ไม่ได้โกหกข้างั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “จู่ๆ ข้าก็สงสัยว่าชังจี่เป็นคนอย่างไร…”

อวิ๋นเซียวเงียบ “มีภาพเหมือนเขาอยู่บนผนัง”

ตอนแรกสายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงมีสมาธิอยู่กับคัมภีร์บนโต๊ะและไม่ได้สังเกตว่ามีภาพเหมือนอยู่บนผนังเลยแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นเซียวและสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นขำ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ห้ามความสงสัยของตัวเองไม่ได้จึงเงยหน้ามอง

นางจะว่าอย่างไรดีล่ะ

คนที่อยู่ในภาพเหมือนแตกต่างจากที่นางคิดไว้มาก ชังจี่เรียกตัวเองว่าตาแก่ครั้งแล้วครั้งเล่าในบันทึก ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อมโยงเขากับชายชราผมขาว

แต่ว่าภาพเหมือนกลับมีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์น่าเอ็นดู แลดูร่าเริงและแสนบริสุทธิ์ ดวงตาโตและสดใสของเขามีเสน่ห์ดึงดูดที่อธิบายไม่ได้ ริมฝีปากสีชมพูจางๆ ของเขายกขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขาต้องการจะพูดบางอย่าง

แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเชื่อว่าบุรุษผู้นี้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แต่มีจิตใจของชายชรา สิ่งที่ทำให้นางพูดไม่ออกก็คือข้อความที่เขียนไว้ด้านล่างของภาพเหมือน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้อความกำลังชื่นชมเด็กหนุ่มในภาพ

ยกตัวอย่างเช่น ชังจี่ ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดในโลก ชังจี่ บุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในโลก แล้วยังมี…สุดยอดคนรักที่สตรีนับพันฝันถึง!

ถ้าบางคนเห็นเพียงแค่ข้อความเหล่านี้ พวกเขาต้องคิดว่าผู้วาดภาพเหมือนต้องลุ่มหลงในตัวชังจี่อย่างบ้าคลั่งแน่

แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงก็เห็นชื่อที่ลงไว้ที่มุมขอบด้านล่างข้างซ้ายของภาพเหมือนว่า วาดโดย ชังจี่!

ตอนที่ 1999 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (5)

พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าจะเป็นภาพเหมือนหรือข้อความ ทั้งสองก็ถูกเขียนโดยตัวชิงจี่เอง!

ไม่แปลกใจเลยที่อวิ๋นเซียวทำสีหน้าแบบเมื่อครู่ ความหลงตัวเองของชังจี่นี่เอาชนะทุกคนได้จริงๆ! ไม่มีใครสู้เขาได้เลย!

“อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงยกมือกุมหน้าผากก่อนจะหันไปหาอวิ๋นเซียว นางก็นึกได้ถึงบันทึกของชังจี่ แล้วดวงตาของนางก็เปลี่ยนไป “พวกเราทดสอบมันตอนนี้เลยดีหรือไม่”

อวิ๋นเซียวพยักหน้าแล้วตกลงอย่างไม่ลังเล “ได้สิ”

คำตอบของเขาพูดออกมาพร้อมแขนที่ยื่นมาดึงตัวนางเข้าสู่อ้อมกอด นางเงยหน้าสบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งและอบอุ่นของเขา

ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวในท่าอุ้มเจ้าหญิงแล้วก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในห้อง กลิ่นสมุนไพรลอยเข้าจมูกพวกเขาจนทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกสดชื่น

อวิ๋นเซียวระมัดระวังในการเดินมากแล้ววางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวว่าเขาจะทำให้นางบาดเจ็บถ้าเขาใช้แรงแม้แต่นิดเดียว

เสื้อผ้าของพวกเราลงไปกองอย่างสะเปะสะปะอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเซียวกัดริมฝีปากของอวิ๋นลั่วเฟิงเบาๆ ด้วยดวงตาที่มีความอบอุ่นอยู่ภายใน

ภายในห้องเล็กๆ แห่งนี้ยังมีโลงศพวางอยู่ข้างเตียงด้วย

อวิ๋นลั่วเฟิงอมลูกกลอนไว้ในปากแล้วรู้สึกถึงพลังน่าเกรงขามไหลไปทั่วร่างนางขณะที่อวิ๋นเซียวขยับขึ้นลง พลังฌานภายในร่างของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองจมอยู่กับความปรารถนาแล้วสายตาก็จับจ้องอยู่ที่กันและกัน ไม่มีใครสังเกตแสงเบาบางที่ลอยออกมาจากโลงสมุนไพรแล้วพุ่งเข้าใส่ท้องของอวิ๋นลั่วเฟิง

สุดท้ายอวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวก็โดนชังจี่หลอก!

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนหลอกอวิ๋นลั่วเฟิงได้สำเร็จ หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ความจริง ชะตากรรมที่ทุกข์ทรมานของชังจี่เป็นอย่างไรก็คงไม่ต้องอธิบาย!

ความจริงแล้วจากการที่ชังจี่สามารถหลอกอวิ๋นลั่วเฟิงให้มาที่ห้องนี้ได้ก็สรุปได้เลยว่าชังจี่ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปแน่!

ตลกน่า! เด็กที่เกิดจากร่างนามธรรมและรูปธรรมจะต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหน! พวกเขาจะต้องสืบทอดข้อดีของทั้งคู่มาแน่ ดังนั้นเขาจะยอมยกโอกาสดีงามแบบนี้ให้คนอื่นได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน!

เขาต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ตัวเองอยู่แล้ว! เมื่อถึงตอนที่เขาได้เป็นบุตรของทั้งคู่ คนงามทั้งหลายในโลกนี้ก็ต้องกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดเขาไม่ใช่หรือ ไม่มีอะไรที่น่าพึงพอใจไปกว่าการมีอำนาจของทั้งโลกอยู่ในมือและนอนหลงระเริงอยู่บนตักของสตรีงามอีกแล้ว!

ส่วนลูกกลอนสีแดงนั่น อันที่จริงก็เป็นส่วนแบ่งของพลังเขา!

ถึงอย่างไรร่างนามธรรมนี้ก็เป็นมารดาของเขา ดังนั้นก็เป็นเรื่องสมควรที่เขาจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้มารดาไม่ใช่หรือ เขาจะสามารถปกครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จได้ก็ต่อเมื่อมารดาของเขาแข็งแกร่งพอ! ไม่อย่างนั้นใครจะมาหนุนหลังเขาล่ะ

อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวไม่ได้สังเกตเห็นแสงเบาบางที่เข้าไปในร่างนาง แล้วก็ไม่เห็นว่าลูกกลอนในปากของอวิ๋นลั่วเฟิงสว่างขึ้น อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกแค่ว่าร่างของนางหนักขึ้นราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาในร่างกายเท่านั้น

ศึกครั้งนี้ของพวกเขากินเวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน พวกเขาไม่หยุดพักจนกระทั่งวันต่อมาจนทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ขณะเดียวกันอวิ๋นลั่วเฟิงก็ผ่านด่านเลื่อนระดับ…

อัสนีสวรรค์ที่สร้างขึ้นตอนที่นางผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนอาวุโสทรงพลังมากขึ้น อวิ๋นลั่วเฟิงปลดปล่อยอวิ๋นอี้ออกมาอีกครั้งแล้วให้เขาดูดซับอัสนีสวรรค์เหล่านี้

เมื่อมีการปกป้องจากอวิ๋นอี้ก็ไม่มีสายฟ้าสักเส้นที่สามารถมาถึงตัวอวิ๋นลั่วเฟิงได้ สิ่งที่ไม่เหมาะสมยิ่งกว่าก็คือทั้งสองคนบนเตียงไม่สนใจอัสนีสวรรค์รวมถึงอวิ๋นอี้ที่สู้อยู่กับอัสนีสวรรค์แล้วเริ่มออกศึกรอบใหม่อีกครั้ง…

ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวกำลังออกแรงหนักหน่วงอยู่ภายในบ้านไม้เล็กๆ หลังนี้ ฉีซูและมู่เสวี่ยซินก็กลับอาณาจักรหลิวเฟิง ส่วนฉีหลิงก็กลับไปที่อาณาจักรเทียนฉี