ตอนที่ 2000 อวิ๋นลั่วเฟิงถูกหลอก (6)
สิ่งที่รอเขาอยู่ในอาณาจักรเทียนฉีคือคำถามเสียงกระด้าง
บรรยากาศภายในท้องพระโรงหนักอึ้ง ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์โดยมีพระสนมหลินอยู่ข้างๆ ฉีหลิงและฉีอวี่ยืนอยู่ด้านล่างพวกเขา
“ฉีหลิง ข้าได้ยินว่าครั้งนี้เจ้าได้รับตราประทับหยกสามชิ้นในระหว่างการประลองงั้นหรือ” ฮ่องเต้เปิดปากถามแล้วพูดตรงเข้าประเด็นทันที “น้องสามของเจ้าจะเป็นผู้นำของสี่อาณาจักรตามคำทำนายของราชครู เจ้าครอบครองตราประทับหยกไว้ก็เปล่าประโยชน์ เจ้าควรจะยกมันให้น้องสามของเจ้าแทน”
พูดจบฮ่องเต้ก็ส่งสายตาให้ฉีอวี่ “เหตุใดเจ้ายังไม่ไปเอาตราประทับหยกคืนมาอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ” ความปิติยินดีไหลเข้าสู่หัวใจของฉีอวี่แล้วเขาก็เดินเข้าไปหาฉีหลิงอย่างร่าเริง
ฉีหลิง ต่อให้เจ้าได้ตราประทับหยกสามชิ้นแล้วอย่างไร สุดท้าย เจ้าก็ต้องยกให้ข้าอยู่ดี
“พี่รอง เหตุใดท่านยังไม่เอาตราประทับหยกออกมาให้ข้าอีก หรือว่าท่านอยากข้าค้นตัวท่านงั้นหรือ”
ร่างของฉีหลิงยืนตัวตรงราวกับไม้อัดดินปืน “ทุกคนรู้ดีว่าใครเป็นผู้ชนะการประลองระหว่างสี่อาณาจักร เสด็จพ่อเอาแต่พูดว่าน้องสามจะกลายเป็นผู้นำของสี่อาณาจักรแล้วเหตุใดเขาถึงไม่ได้อันดับหนึ่งล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วด้วยดวงตาที่ฉายแววหมดความอดทน
“ข้าก็แค่ต้องการให้พวกเจ้าทั้งคู่เดินอ้อมน้อยลง เจ้าไม่รู้หรือว่าความสามารถของราชครูทรงพลังขนาดไหน คำพูดของเขาจะผิดพลาดได้อย่างไร ต่อให้ตอนนี้เจ้าสามารถทำให้ทั้งสี่อาณาจักรเชื่อฟังได้แล้วอย่างไร สุดท้ายเจ้าก็ต้องคืนให้น้องสามเจ้าอยู่ดี สู้มอบอำนาจให้เขาเสียตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ”
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือฉีอวี่ว่านอนสอนง่ายกว่าฉีหลิงมาก ถ้าเขายอมให้ฉีหลิงขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรทั้งสี่ เขากลัวว่าตัวเองต้องทำตามที่อีกฝ่ายสั่งแม้ว่าเขาจะบิดาก็ตาม
ฮ่องเต้ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!
“ราชครูพูดอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉีหลิงมองฮ่องเต้ “ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็บอกได้อย่างเดียวว่าราชครูสายตามีปัญหา! เลยทำให้เขาคิดว่าขยะอย่างฉีอวี่จะสามารถปกครองสี่อาณาจักรได้!”
“สามหาว!”
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ใบหน้าของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงก่อนจะตะโกนขึ้นมาด้วยความเดือดดาล “ตอนนี้เจ้าก็กล้าขัดคำสั่งข้าแล้ว เมื่อเจ้าขึ้นเป็นผู้ปกครองของทั้งสี่อาณาจักร เจ้าจะเห็นหัวข้าหรือ ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าต้องเอาตราประทับหยกออกมาไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม! รีบเอามันมาเดี๋ยวนี้!”
รอยยิ้มเยาะปรากฏบนริมฝีปากของฉีหลิง เขาตั้งใจจะพูดบางอย่างแต่จู่ๆ ประตูท้องพระโรงก็ถูกเปิดออก
บุรุษในชุดสีขาวผู้หนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
บุรุษผู้นี้มีใบหน้างดงามเหนือจริง เมื่อเขาเดิน ผู้คนก็จะเห็นหมอกเซียนเลือนรางอยู่ด้านหลัง เขาถือขลุ่ยหยกไว้ในมือ ขณะที่ย่างก้าวของเขาเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ขุนนางและแม่ทัพทั้งหมดก็เดินตามหลังบุรุษผู้นี้เข้ามาเช่นเดียว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินทุกอย่างที่เกิดภายในท้องพระโรงเมื่อครู่แล้ว
ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ที่นี่ นางต้องบอกได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือคนที่บรรเลงบทเพลงในป่าก่อนหน้านี้
เขาคือเจวี๋ยเชียนที่กลับชาติมาเกิดใหม่!
“ราชครู!” เมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นี้ ฮ่องเต้ก็ลุกขึ้นยืนทันที “ข้ายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยบอกว่าลูกสามของข้าจะได้ปกครองทั้งสี่ออาณาจักร ข้าจำได้แม่นยำมาก”
บุรุษผู้นั้นยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเขางดงามเหนือโลก สีสันที่สวยงามที่สุดในโลกก็เทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของเขา
แต่ว่ารอยยิ้มของเขาต่างจากรอยยิ้มหยิ่งทระนงของจีจิ่วเทียนและรอยยิ้มอ่อนโยนของเฉินอวี้ชิง รวมถึงไม่คล้ายกับรอยยิ้มรักใคร่ลึกซึ้งของอวิ๋นเซียวด้วย รอยยิ้มของเขาแผ่ความเย็นเยียบออกมาจนทำให้หัวใจของผู้คนเจ็บปวด
“ข้าเคยพูดอย่างนั้นจริงๆ …”
ฮ่องเต้โล่งอก แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร บุรุษผู้นี้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ว่า ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่น เจ้าไม่รู้หรอกหรือ”
ตอนที่ 2001 สังหารนางซะ (1)
ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น เจ้าไม่รู้หรือ
ใบหน้าของฮ่องเต้มืดครึ้มทันที “ราชครู ท่านพูดว่าอะไรนะ”
ล้อพวกเขาเล่นงั้นหรือ
เขาพูดเรื่องตลกอะไร เขาจะรักและเอาใจใส่ฉีอวี่มากมาตลอดหลายปีไปทำไมถ้าไม่ใช่เพราะราชครูสรรเสริญว่าฉีอวี่จะกลายเป็นผู้ปกครองของอาณาจักรทั้งสี่ แต่ตอนนี้ราชครูกำลังบอกเขาว่าอีกฝ่ายแค่ล้อพวกเขาเล่นงั้นหรือ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าข้าพูดเล่นนะ” บุรุษผู้นั้นประหลาดใจ “อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดจริงๆ ว่าคนโง่อย่างฉีอวี่จะกลายเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในสี่อาณาจักรได้”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘คนโง่’ ฉีอวี่และพระสนมหลินก็เดือดดาล
“ราชครู ท่านพูดเพื่อฉีหลิงใช่หรือไม่ เขามอบสินบนหรืออะไรบางอย่างให้ท่านงั้นหรือ ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกไว้ชัดเจนว่าอวี่เอ๋อร์จะกลายเป็นผู้ปกครองของทั้งสี่อาณาจักร! ” พระสนมหลินพูดลอดไรฟันด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง
“สินบนงั้นหรือ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น บุรุษผู้นี้ก็เผลอส่งเสียงขึ้นจมูก “ถ้าอย่างนั้นสินบนแบบไหนที่พระสนมหลินคิดว่าเพียงพอที่จะเอามาติดสินบนเปิ่นกั๋วซือ [1] ล่ะ”
พระสนมหลินเกือบจะโต้ตอบด้วยความโกรธแต่ฮ่องเต้ก็ได้สติแล้วจ้องนางทันทีทำให้นางต้องกลืนคำพูดกลับลงไป
“ราชครู” ใบหน้าของฮ่องเต้ดูไม่ได้เอามากๆ และเขาก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “เหตุใดตอนนั้นท่านถึงล้อเล่นแบบนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทำเรื่องผิดพลาดแบบไหนลงไปเพราะคำล้อเล่นของท่าน”
บุรุษผู้นั้นเงยหน้าพร้อมยิ้มบาง “ครั้งหนึ่งพระสนมหลินเคยทำตัวหบายคายกับเปิ่นกั๋วซือ แล้วเหตุใดราชครูคนนี้จะล้อเล้นแบบนี้ไม่ได้”
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองพระสนมที่หน้าถอดสี
“ไร้สาระ! ” พระสนมหลินตะโกนอย่างเดือดดาล “ท่านกล้าใส่ร้ายเปิ่นกงงั้นหรือ! เปิ่นกงไปทำตัวหยาบคายใส่ท่านตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หืม? ถ้าอย่างนั้นเมื่อสิบปีก่อนใครเป็นคนเข้ามาเกี้ยวพาเปิ่นกั๋วซืองั้นหรือ หรือว่า…พระสนมคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นหรือ”
เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นที่บุรุษผู้นี้พูดถึงทำให้พระสนมหลินหน้าแดง เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาเกรี้ยวกราดของฮ่องเต้ นางก็กัดปากแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว เปิ่นกงก็แค่ล้อราชครูเล่นเท่านั้น ใครจะรู้ว่าราชครูจะคิดเป็นจริงเป็นจังล่ะ”
“อ้อ? ” เขาแสดงสีหน้าเข้าใจ “ในเมื่อพระสนมสามารถล้อเล่นกับเปิ่นกั๋วซือได้ เหตุใดเปิ่นกั๋วซือจะล้อเล่นบ้างไม่ได้ จริงหรือไม่ ฝ่าบาท”
ดวงตาของบุรุษผู้นี้ฉายแววสนุกสนานขณะที่ค่อยๆ หันไปมองใบหน้าเกรี้ยวกราดของฮ่องเต้
ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ยืนขึ้นแล้วจับตัวพระสนมหลินมาตบถึงสองครั้ง แล้วตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “นังสารเลว เจ้าเป็นสนมของวังข้าแต่เจ้ากลับมักมากกล้าเกี้ยวพาราชครูงั้นหรือ ทหาร ลากสตรีผู้นี้ออกไปรอรับโทษ! ”
ร่างของพระสนมหลินโดนตบจนชาแล้วไร้เรี่ยวแรงจนค่อยๆ ร่วงลงพื้น
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางเข้าใจว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
ก่อนหน้านี้นางฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉีอวี่แต่เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ เขาก็หวาดกลัวจนถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดออกมาสักคำเดียว เขาซ่อนตัวเงียบๆ อยู่ด้านข้างเพราะกลัวว่านางจะลากเขาไปเกี่ยวด้วย
ราชครูเดินช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าพระสนมหลิน รอยยิ้มของเขาคล้ายกับอากาศในฤดูใบไม้ผลิแต่ไม่สามารถเห็นก้นบึ้งในดวงตาได้
“ครั้งหนึ่งเจ้าเคยเกี้ยวพาข้าแต่หลังจากที่ข้าปฏิเสธ เจ้าก็อับอายจนเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นแล้วตั้งใจจะใส่ความข้า! โชคดีที่ข้าหลบหลีกแผนการเจ้าแล้วไม่ยอมให้เจ้าทำสำเร็จ แต่ว่าข้าก็จดจำเรื่องนี้ไว้ในใจแล้ว! …
…ข้าก็เลยให้บุตรชายมารับความผิดที่เจ้าทำไว้ แล้วใช้เรื่องนี้ทำลายเจ้า! ”
ในเมื่อราชครูถูกแต่งตั้งเป็นราชครูแล้วเขาจะมีความสามารถธรรมดาได้อย่างไร
——
[1] เปิ่นกั๋วซือ 本国师 (běnguóshī) คำเรียกแทนตัวของราชครู