ตอนที่ 2002 สังหารนางซะ (2)
เขาสามารถบอกลักษณะนิสัยของคนได้จากใบหน้าของพวกเขา
ฮ่องเต้เป็นพวกเบาปัญญาและพระสนมหลินก็เป็นพวกหยิ่งยโส ถ้าพวกเขารู้ว่าฉีอวี่จะได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรทั้งสี่ พวกเขาต้องตามใจฉีอวี่แน่นอน!
แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ได้พูดคำพวกนั้น ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางตามใจฉีอวี่แบบนั้น และฉีอวี่ก็อาจจะไม่กลายเป็นคนโง่เง่าแบบนี้…
“ราชครู! ท่านโหดร้ายกับข้าจริงๆ!” พระสนมหลินหลับตา
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนางยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ถึงแม้ว่านางจะแต่งงานกับฮ่องเต้มาแล้วสองปีและคลอดองค์ชายสามแล้ว
แต่ว่า…
หัวใจของนางยังอ่อนเยาว์มาก
ตอนที่นางได้พบกับราชครูผู้หล่อเหลาเป็นครั้งแรกในพระราชวัง นางก็ตกหลุมรักเขาจนถึงขนาดที่ถ้าเขายินดีพานางออกจากพระราชวัง นางก็จะทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์และความมั่งคั่งที่นางมีเพื่อจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขา
แต่ไม่คิดเลยว่าบุรุษผู้นี้จะปฏิเสธนางตรงๆ!
เพราะเรื่องนี่ทำให้นางเปลี่ยนความรักเป็นความเกลียดชัง! นางพยายามใส่ร้ายฮองเฮาหรือมารดาของฉีหลิงว่าคบชู้กับราชครู จากนั้นฮ่องเต้ที่เดือดจัดก็จะสังหารพวกเขาทั้งคู่
แต่ว่าราชครูรู้แผนลับของนางแล้ว…แก้วิกฤตครั้งนี้อย่างง่ายดาย!
ตั้งแต่นั้นมานางก็รู้ว่าทุกการกระทำของนางถูกเปิดโปงภายใต้สายตาของบุรุษผู้นี้ นางจึงยอมแพ้ที่จะแก้แค้น!
แล้วยิ่งนางอายุมากขึ้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งชราลงในขณะที่ราชครูยังคงหล่อเหลาอยู่เหมือนเดิม นางจึงรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับราชครูอีกต่อไป จึงไม่ไปยุ่งกับเขาอีก…
นางไม่คิดเลยว่าราชครูจะเก็บความไม่พอใจในตัวนางเอาไว้แล้ววางกับดักนางแบบนี้!
ตอนนี้เองที่ทหารสองคนก็เดินเข้ามาหาพระสนมหลินแล้วยกร่างของนางขึ้นเพื่อพาออกไปนอกท้องพระโรง
แต่ว่าเมื่อพวกเขาเดินออกไปเพียงสองก้าว ฉีหลิงก็หยุดพวกเขา
“ข้ายังมีหนี้ที่ต้องจัดการกับพระสนมหลินอยู่!” ดวงตาของเขาค่อยๆ เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ข้าสงสัยว่าพระสนมหลินจะอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าท่านออกคำสั่งกับผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสได้อย่างไร เพื่อที่จะปูทางให้ฉีอวี่ พวกเขาเกือบสังหารคนของข้าทั้งหมดไม่ใช่หรือ”
พระสนมหลินตัวสั่น นางไม่ได้ปฏิเสธว่านางทำอะไรกับราชครูบ้างเพราะนางกลัวเขาจริงๆ
แต่นางไม่มีทางยอมรับสิ่งที่ทำกับฉีหลิง!
“ฉีหลิง เจ้าพยายามจะใส่ร้ายข้า ข้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น!”
“จริงหรือ” ฉีหลิงยิ้มเยาะ “เจ้าจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าทำ! ข้าไม่รู้ว่าเสด็จพ่อของข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไรแต่ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ทั่วทั้งห้องก็เงียบสนิท หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ทหาร ลากสตรีผู้นี้แล้วฉีกร่างนางออกเป็นชิ้นๆ! ยัดร่างนางไว้ในอนุสรณ์และทำให้นางคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพเหยื่อผู้ต้องประสบเคราะห์ร้ายเพราะนางตลอดไป!”
“ไม่นะ!” พระสนมหลินกรีดร้องเสียงแหลม “ฉีหลิง เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ ข้าเป็นพระสนม เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้”
พูดจบนางก็สะบัดมือของทหารออกแล้วพุ่งเข้าไปหาฮ่องเต้
“ฝ่าบาท ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว ได้โปรดบอกให้องค์ชายรองปล่อยหม่อมฉันด้วยเพคะ…”
ฮ่องเต้มองพระสนมหลินอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง “เจ้าตั้งใจจะสวมหมวกเขียว [1] ให้ข้า! เจ้ายังมีหน้ามาขอให้ข้าช่วยชีวิตเจ้าอีกหรือ แค่ข้าไม่สังหารเจ้าด้วยตัวเองก็นับว่าปรานีแล้ว พวกเจ้ารออะไรอยู่ ลากสตรีผู้นี้ออกไป ข้าไม่ต้องการเห็นหน้านางอีก!”
ตอนที่ 2003 สังหารนางซะ (3)
ในชีวิตนี้ สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือการทรยศ ถึงแม้ว่าพระสนมหลินจะไม่ได้นอนกับบุรุษอื่นจริงๆ แต่นางคิดจะทำ ดังนั้นนางต้องตาย!
ฉีหลิงไม่แม้แต่จะมองหน้าฮ่องเต้ ดวงตาของเขาค่อยๆ เลื่อนไปที่ฉีอวี่
สายตาเย็นเยียบของเขาทำให้ฉีอวี่ตัวสั่นแล้วลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น
ถึงอย่างไรฉีอวี่ก็เป็นบุตรชายของฮ่องเต้ เขาไม่สามารถนั่งมองอีกฝ่ายตายไปเฉยๆ ได้ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “หลิงเอ๋อร์ อวี่เอ๋อร์เป็นน้องชายของเจ้า แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดดังนั้นเจ้าก็ยกโทษให้เขาซะ”
ฉีหลิงส่งสายตาเย็นชาให้ฮ่องเต้ “ใครอนุญาตให้ท่านพูด”
ใบหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความอับอาย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าเป็นบิดาของเจ้านะ!”
“หรือว่าพระสนมหลินจะสั่งการผู้อาวุโสพวกนั้นโดยที่ท่านไม่อนุญาตงั้นหรือ” ฉีหลิงยิ้มอย่างชั่วร้าย “ท่านไม่รู้หรือว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก ท่านยังมีเวลามาขอร้องให้คนอื่นได้อย่างไร”
ริมฝีปากของฮ่องเต้สั่นแล้วใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
เห็นได้ชัดว่าเขาหงุดหงิดเพราะคำพูดของฉีหลิง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ “หลิงเอ๋อร์ ข้าเป็นบิดาของเจ้า เจ้าต้องเคารพข้า! ตอนนี้ข้าสั่งให้เจ้าปล่อยน้องชาย เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้างั้นหรือ”
“ถ้าบิดาของข้าปฏิบัติเหมือนข้าเป็นบุตรชาย ข้าก็จะเคารพเขา ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นแล้วเหตุใดข้าถึงต้องนับเขาเป็นบิดาด้วย”
พูดจบฉีหลิงก็เดินไปหาฉีอวี่โดยไม่แม้แต่จะมองฮ่องเต้
ฮ่องเต้โมโห “ฉีหลิง หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ากลายเป็นผู้นำของอาณาจักรทั้งสี่แล้ว เจ้าก็เลยคิดว่าจะทำตัวแบบนี้กับข้าก็ได้งั้นหรือ แต่อย่าลืมว่าข้าเป็นบิดาของเจ้า! เจ้าต้องเชื่อฟังข้าสิ!”
ฉีหลิงหยุดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทหาร พาตัวเขาออกไป ถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในห้องเขาอีก!”
ชะตากรรมของฮ่องเต้ถูกตัดสินแล้ว
เขาถูกขังอยู่ในห้องของตัวเอง และไม่มีทางที่จะได้ออกมาอีก!
ฮ่องเต้ยิ้มเยาะ ถึงอย่างไรอาณาจักรเทียนฉีก็ยังเป็นของเขา คนของอาณาจักรเทียนฉีจะทำตามคำสั่งของฉีหลิงแทนเขาได้อย่างไร
แต่ว่า…
ระหว่างที่ฮ่องเต้กำลังย่ามใจ ขุนนางและทหารก็ลงมือแล้ว ก่อนที่ฉีหลิงจะออกคำสั่ง พวกเขาก็จับแขนของฮ่องเต้แล้วผลักเขาออกไป
“เจ้ากำลังทำอะไร ข้าเป็นฮ่องเต้นะ พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ตื่นตระหนกแล้วตะโกนออกมา
โชคร้ายที่ขุนนางก็เอือมระอากับวิธีที่โง่เง่าของเขาแล้วจึงไม่หยุด…
ฉีหลิงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป และก็เป็นเขาที่ทำให้อาณาจักรเทียนฉีขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักรทั้งสี่! อาณาจักรอื่นต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา…
ด้วยความสำเร็จขนาดนี้ ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสทั้งสองคนก็ไม่มีความเห็นอื่น ดังนั้นชะตากรรมฮ่องเต้สุนัขก็คาดเดาได้แล้ว…
“พี่…พี่รอง…”
ฉีอวี่กลืนน้ำลายอยากลำบากแล้วส่งยิ้มแหยไปให้ “ข้าไม่รู้ความเกินไป ข้าขอโทษเรื่องที่ข้าทำกับท่าน ได้โปรดยกโทษให้ข้าในฐานะพี่น้องด้วย”
“เจ้าไม่เหมือนมารดาเจ้า เจ้ายังไม่สมควรตาย แต่ตลอดหลายปีมานี้เจ้าท้าทายกฎหมายและกระทำผิดไปมากมาย!” ฉีหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดังนั้นข้าจะให้เจ้าออกไปเดินบนถนนแล้วปล่อยให้ประชาชนตัดสินชะตากรรมของเจ้า”
ฉีอวี่หน้าซีดแล้วทำหน้าบึ้งอย่างน่าสงสาร “พี่รอง ท่านพยายามจะฆ่าข้าหรือ”
หลายปีที่ผ่านมา เขาข่มขืนสตรี สังหารคนไปนับไม่ถ้วนและทำความผิดทุกอย่างที่ทำได้แต่ไม่มีใครกล้าลงโทษเขาเพราะบิดาของเขาเป็นฮ่องเต้
——
[1] สวมหมวกเขียว หมายถึง การสวมเขา การนอกใจ