แดนนิรมิตเทพ บทที่ 552
เหมือนว่าสัมผัสได้ถึงการจับจ้องของเฉินโม่ หญิงสาวคนนั้นจึงลืมตาขึ้น แล้วยิ้มให้กับเฉินโม่ “เสี่ยวโม่ ในที่สุดนายก็มาแล้ว!”

เฉินโม่มองดูจิตวิญญาณนั้นอย่างนิ่งอึ้ง และพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา “ศิษย์น้องหญิง เป็นเธอจริงๆหรือเปล่า?”

หญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ภายในห้องหิน แล้วยื่นมือระหงหยกให้กับเฉินโม่ ยิ้มแย้มพูดว่า “ฉันเอง ทำไมนายถึงจำฉันไม่ได้แล้วละ!”

“รีบมานี่สิ ฉันรอนายอยู่ที่นี่มาสองพันปีแล้ว ฉันรู้ว่าต้องหาฉันเจอที่นี่แน่นอน!”

เฉินโม่ก้าวเท้าเดินอย่างไม่รู้ตัว แล้วเดินไปหาศิษย์น้องหญิง

เบื้องหลัง คือพวกไช่เหวินหย่าที่เหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว กำลังพุ่งตัวไปข้างหน้า

จ้องมองศิษย์น้องหญิงอยู่นิ่งๆ แล้วจู่ๆเฉินโม่ก็หยุดฝีเท้า แสงสีทองบินออกจากตัวเฉินโม่ กระบี่สับสวรรค์มีเสียงดัง บินพุ่งเข้าไปฟันศิษย์น้องหญิงที่อยู่ภายในห้องหิน

กระบี่สับสวรรค์นั้นทะลุตัวศิษย์น้องหญิงไป เหมือนว่าศิษย์น้องหญิงเป็นเพียงแค่อากาศ มันลอยอยู่บนอากาศสักพัก แล้วก็บินกลับตรงหน้าของเฉินโม่

“เสี่ยวโม่ นายทำอะไร นายรีบมานี่สิ ฉันรอนายอย่างยากลำบากมากเลยนะ!” ศิษย์น้องหญิงไม่มีความโกรธสักนิด และยังยืนยิ้มหานให้กับเฉินโม่เหมือนเดิม รอยยิ้มนั้นเคยเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในความทรงจำของเฉินโม่

เฉินโม่อุทานเล็กน้อยว่า “เป็นภาพลวงตาที่แข็งแกร่งจริงๆ แม้แต่ฉันยังถูกลวง หากไม่ใช่ว่าฉันรู้ดีว่าศิษย์น้องหญิงไม่มีทางรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันเองก็คงจะติดกับด้วยแล้วเช่นกัน”

“ตื่นขึ้นมากันให้หมด!”

เฉินโม่โบกมือ พลังทิพย์ถูกปล่อยออกมา ศิษย์น้องหญิงตรงหน้าและห้องหินหายไปในพริบตา สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน คือหน้าผาที่สูงลิ่ว

และในวินาทีนี้ ทุกคนห่างจากหน้าผาเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น

“กรี๊ด!”

ไช่เหวินหย่าตกใจจนกรีดร้องแล้วรีบถอยหนี มองดูหน้าผาด้วยสีหน้าซีดเซียว “เกิดอะไรขึ้น ดอกฮิกันบานะของฉันละ? ทั้งที่เมื่อกี้ฉันเห็นมันแล้วแท้ๆ!”

พวกเจี่ยงไต้ซือยังคงหวาดผวา พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา จึงรู้ดีว่าทุกอย่างเมื่อกี้ล้วนเป็นภาพลวงตาทั้งนั้น

เมื่อหันหลังมองกลับไป ปากทางถ้ำที่เดิมทีมีก้อนหินขนาดใหญ่ปิดขวางไว้ ตอนนี้กลับโล่งไม่มีสิ่งใดขีดขวาง มีก้อนหินขนาดใหญ่อะไรที่ไหนกัน?

ทุกอย่างล้วนเป็นภาพลวงตา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมพวกเราถึงได้เกิดภาพลวงตาขึ้นละ? แล้วงูยักษ์เมื่อกี้ก็เป็นของปลอมด้วยหรือเปล่า?” หยวนชิงซานถามอย่างงุนงง

งูเกล็ดแดงทิพย์ตัวนั้นไม่ใช่ของปลอมแน่นอน เพราะจิตวิญญาณของมันยังอยู่ในแหวนเก็บของอย่างเงียบสงบ

เฉินโม่พูดนิ่งๆว่า “พวกเรากลับไป บางทีอาจจะได้รู้ความจริง!”

พูดจบ เฉินโม่ก็หันหลังเดินนำหน้ากลับเข้าไป

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ยังคงรู้สึกหวาดผวา แต่ก็เดินตามกลับเข้าไป

ทุกคนเดินกลับไปที่ปากถ้ำ พระราชวังใต้ดินปกติดีทุกอย่าง ไม่ได้ถล่มยังเป็นปกติเหมือนเคย โลงศพหยกขาวของราชินีจิงเจวี๋ยก็ยังถูกแขวนอยู่กลางอากาศอย่างดี เหมือนดั่งว่าสิ่งที่ผ่านมาเมื่อกี้ ไม่เคยเกิดขึ้น

หยวนชิงซานสีหน้าตกตะลึง “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ละ! เมื่อกี้ฉันดึงโลงศพขึ้นมาแล้วนี่นา!”

ไช่เหวินหย่ากลืนน้ำลาย พูดด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “ใช่แล้ว ฉันยังเห็นหล่อนฟื้นขึ้นมากับตาตัวเอง! แล้วยังพูดว่าพวกเราต้องตายกันให้หมดอีกด้วย!”

เฉินโม่กวาดมองทุกคน แล้วพูดอย่างแปลกประหลาดว่า “พวกนายลองมองดูให้ดีๆ ว่าด้านบนสุดของก้อนหินที่แขวนโลงศพไว้ มีอะไรบางอย่างเพิ่มเข้ามาใช่หรือเปล่า?”

ทุกคนแปลกใจ หันไปมองเฉินโม่พร้อมกัน

ไช่เหวินหย่าส่ายหัว “ฉันไม่เห็นอะไรสักอย่างเลยนะ!”

แต่พวกหยวนชิงซานและเจี่ยงไต้ซือ มีการระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นแล้ว จึงแอบใช้พลังชี่แท้ปกป้องจิตใจของตัวเองไว้

ในเวลานี้ พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าด้านบนสุดของก้อนหินที่แขวนโลงศพไว้ มีดอกไม้สีแดงสดความสูงขนาดเท่าตัวคน