ตอนที่ 248 ปลอมตัว

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 248 ปลอมตัว

 

“พวกนั้นทําไมเหรอ”อู๋หมิงถามพลางมองภาพที่ไป๋จูเหวินหยิบขึ้นมา กระดาษที่วางอยู่ตรงนั้นทั้งหมดเป็นรายงานของอาณาจักรซุยเกี่ยวกับอาณาจักรข้างเคียง แม้แต่อู๋หมิงเองยังไม่ค่อยทราบข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันเลย

 

“คนพวกนี้โผล่มาในความทรงจํา บางทีคนพวกนี้อาจจะพาข้าไปหาชายคนนั้นก็เป็นได้”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองแผนที่บนโต๊ะของอู๋หมิง ตอนนี้อาราจักรซุย และจงกลายเป็นของอาณาจักรอู๋ไปแล้ว ทําให้เขตชายแดนเปลี่ยนไปเป็นติดกับอาณาจักรที่ชื่อว่า ชิน และ วู แทน ทําให้อู๋หมิงที่ไม่มีข้อมูลของอาณาจักรเหล่านี้เลยต้องให้คนของอาณาจักรซุยและจงเดิมมารายงานข้อมูลของพวกมัน

 

“คนพวกนี้เป็นคนของกลุ่มเขี้ยวโลหิต พวกมันอยู่ใน อาณาจักร “ชิน” อู๋หมิงตอบพลางชี้ไปที่แผ่นดินติดกับอาณาจักรซุย ซึ่งอาณาจักรชินที่ว่าก็เป็นอาณาจักรที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แม้จะไม่เล็กเท่าอาณาจักรซุยก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่หากเทียบกับอาณาจักรอู๋ตอนนี้แล้วพวกมันก็เล็กจนน่าตกใจ

 

“แล้วข้าจะสามารถข้ามไปที่นั่นได้ไหม”ไป๋จูเหวินถามด้วยความสงสัย เพราะมันอยู่คนละอาณาจักร การเดินทางไปมาหาสู่ออาจจะไม่สะดวกนักก็เป็นได้

 

“ไม่มีปัญหา อาณาจักรชินเกิดกว้างเรื่องการค้าอยู่แล้ว แต่เดิมพวกมันก็ซื้อขายกับอาณาจักรซุยมาก่อน การเดินทางข้ามแดนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” อู๋หมิงว่าพลางน้ํากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา

 

“แต่ถ้าเจ้ากังวลก็นํากระดาษใบนี้ไปให้สมาคมการค้า พวกเขาจะออกแผ่นป้ายพ่อค้าให้เจ้าเพื่อเดินทางข้ามเขตอย่างถูกต้อง”อู๋หมิงว่าพลางประทับตราของจักรพรรดิลงไป ด้วยคําสั่งของอู๋หมิงการได้ตราของพ่อค้ามาก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่าว่าแต่ไป๋จูเหวินก็มีโรงงานผลิตยาเป็นของตนเอง ต่อให้อู๋หมิงไม่ช่วยก็สามารถของตราพ่อค้าได้อยู่แล้ว

 

“ท่านจะไปอาณาจักรชิ้นงั้นเหรอ” เหม่ยหลินถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสีหน้ากังวล ไป๋จูเหวินพึ่งกลับมาแท้ๆ แต่จะออกเดินทางต่อแล้วอย่างนั้นหรือ นางยังเจอหน้าไป๋จูเหวินได้ครู่เดียวเท่านั้นเอง

 

“ไม่ไวขนาดนั้นหรอก แต่ข้าก็อยากจะไปเร็วๆเหมือนกัน”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ มันยังมีเรื่งที่อยากจะตรวจสออบในกลุ่มนักล่าอสูรอีกหน่อย อย่างน้อยมันก็คงต้องอยู่ที่เมืองร้อยแปดอสูรใหม่ไปอีกครึ่งเดือน

 

“แต่ยังไงท่านก็จะไปสินะ”เหม่ยหลินถามพลางจ้องมองไป๋จูเหวินด้วยท่าที่จริงจัง เหมือนว่านางจะพยายามทําอะไรบางอย่าง

 

“ใช่ เรื่องนี้ข้าปล่อยไม่ได้จริงๆ”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเบา นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋จูเหวินมีเป้าหมายอย่างจริงจัง ไม่เหมือนตอนแรกที่ตนเองออกมาเพื่อชมดูโลกเท่านั้น ยามนี้ต่อให้พวกท่านน้าออกปากห้ามมันก็คงหนีไปอยู่ดี

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปกับท่านด้วย” เหม่ยหลินพูดด้วยน้ํา เสียงเอาจริงอย่างมาก แม้จะเป็นการเดินทางไปอาณาจักรอื่นเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าคนของกลุ่มเขี้ยวโลหิตนั้นไม่ค่อยเป็นมิตรกับไป๋จูเหวินเท่าไหร่ ไม่มากก็น้อย การเดินทางครั้งนี้ต้องมีอันตรายแน่ๆ

 

“มันอันตราย ข้าคง…”ไป๋จูเหวินพยายามจะห้ามไม่ให้เหม่ยหลินตามไป แต่อู๋หมิงที่อยู่ข้างหลังกลับแตะบ่าของไป๋จูเหวินเอาไว้ก่อน

 

“หากข้ายังไม่เป็นจักรพรรดิ ข้าก็จะไปด้วย ในเมื่อมันอันตรายมีคนคอยช่วยย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ”อู๋หมิงพูดพลางมองไปทางเหม่ยหลิน

 

“และข้าก็ไม่คิดว่าเหม่ยหลินจะอ่อนแอขนาดนั้นหรอก”อู๋หมิงยิ้มพลางมองเหม่ยหลินอย่างเข้าใจ ตอนนี้เพราะมันไม่ค่อยได้ฝึกฝนอย่างที่ควรเป็น ทําให้พลังวิญญาณของเหม่ยหลินสูงกว่าอู๋หมิงเสียอีก แถมนางยังมีพลังอสูรในระดับเดียวกันกับพลังวิญญาณอีกด้วย แถมตนนี้นางยังฝึกวิชาฝ่ามือของไป๋จูเหวินจนชําชองแล้ว นางสามารถเป็นกําลังรบได้อย่างแน่นอน

 

“ก็ได้ งั้นหลังจากข้าทําธุระเสร็จแล้วเราจะออกเดินทางด้วยกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา

 

หลังจากกลับมาที่กลุ่มนักล่าอสูร ไป๋จูเหวินก็เข้ามาช่วยเหลืองานของหวงหลงได้มากทีเดียว โดยเฉพาะการรับคนใหม่เข้ามาและการสร้างกลุ่มนักล่าอสูรรุ่นใหม่ ไป๋จูเหวินนํายาที่เคยให้ต้าชิงและต้าเฉินออกมาให้กับกลุ่มนักล่าอสูรรุ่นใหม่ได้ใช้ มันคือยาที่ทําให้สามารถผสานกับแก่นอสูรระดับเงินและทองได้นั่นเอง ทําให้เด็กรุ่นใหม่ในอนาคตมีพลังอสูรสูงกว่าเดิมมาก และมันจะทําให้การฝึกฝนช่วงแรกของกลุ่มนักล่าอสูรใหม่ง่ายขึ้นนั่นเอง

 

นอกจากนี้ไป๋จูเหวินยังแบ่งวิชา 18 ฝ่ามือของตนให้กับกลุ่มนักล่าอสูรเพื่อพัฒนาพลังของกลุ่มนักล่าอสูรขึ้นไปอีกระดับ ตอนนี้ไป๋จูเหวินผูกพันธ์กับกลุ่มนักล่าอสูรแห่ง อาณาจักรอู๋จนไม่อาจตัดขาดกันอีกแล้ว ทําให้ไป๋จูเหวินไว้ใจและมอบวิชาของพวกท่านน้าให้กับกลุ่มนักล่าอสูร โดยเหล่าอาวุโส 11 คนจาก 11 หน่วยจะได้เรียนคนละ 1 ท่า รองหัวหน้า 2 คนเรียนคนละ 2 ท่า และหวงหลงหัวหน้ากลุ่มได้รับวิชาของน้าไก่ฟ้าไปโดยไป๋จูเหวินยังเก็บท่าหลักของแต่ละชุดเอาไว้เช่นท่าเพลิงพิฆาตของน้าราชสี อัสนีข้ามฟ้าของน้าพยัคฆ์ ปักษาโรมรันของน้าไก่ฟ้า และหมอกควันกบดานของน้าจิ้งจอก เป็นต้น ส่วนสมาคมแพทย์นั้นไม่จําเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรเพราะตอนไป๋จูเหวินไม่อยู่ หงเยว่ได้เข้ามาดูแลเป็นระยะๆ ทําให้สมาคมแพทย์มียาสูตรใหม่ใช้อยู่ประจําเลยที่เดียว

 

“นี่ขอรับ ตราพ่อค้าของท่าน” ก่อนออกเดินทาง ไป๋จูเหวินไปขอตราพ่อค้าจากสมาคมการค้าตามที่อู๋หมิงแนะนํา ตอนนี้มันไม่ได้สวมเครื่องแบบของกลุ่มนักล่าอสูร เพราะหากสวมใส่เครื่องแบบคงโดนรู้ทันที แม้อาณาจักรชินจะเปิดกว้าง แต่หากมีคนของกลุ่มนักล่าอสูรเข้าอาณาจักรมาพ วกมันคงต้องจับตามองแน่ๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่ากลุ่มนักล่าอสูรเป็นคนของจักรพรรดิ

 

“พี่ไป เราต้องนั่งรถม้านี้ไปจริงๆเหรอ” เหม่ยหลินถามพลางมองรถม้าที่ไป๋จูเหวินซื้อมาเพื่อใช้เดินทาง

 

“เอาไว้ก่อนข้ามอาณาจักรก็พอ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเก็บเอารถม้าที่พึ่งซื้อมาเข้าไปในมิติของมันเอง เพราะในอาณาจักรไป๋จูเหวินจะใช้การขี่หลินหลินไปก่อน

 

“โอ้ นั่นท่านไป๋จูเหวินนี่นา”ยังไม่ทันได้ออกเดินทาง อยู่ๆก็มีคนเข้ามาทักไป๋จูเหวินเสียแล้ว เพียงแต่คนที่เข้ามาทักกลับเป็นเด็กเสียอย่างนั้น

 

“เจ้า..คนในการประลอง”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองเด็กหนุ่มตรงหน้า มันคือศิษย์ของนักลอบสังหารที่เคยประลองกับไป๋จูเหวินที่งานประลองจวนตะวันคร้อยนั่นเอง

 

“โชคดีจริงๆเลย ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้เจอคนดังแบบนี้” เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้มกว้าง

 

“ดัง?”ไป๋จูเหวินงุนงงเล็กน้อย เพราะมันไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าชื่อเสียงของมันเป็นเช่นไร

 

“ใช่ ท่านเป็นนายน้อยของกลุ่มนักล่าอสูรไม่ใช่หรือ ข้าได้ข่าวมาว่าท่านเป็นคนสั่งผลิตยาให้ใช้ในช่วงสงคราม แถมยังส่งอสูรเข้าไปช่วยเหลือในแนวหน้าอีกต่างหาก แถมท่านยังเป็นคนขวางอาวุธลับของอาณาจักรซุยเอาไว้อีก ตอนนี้ท่านเป็นคนดังจริงๆนะ” เด็กหนุ่มตอบพลางยิ้มกว้าง ความจริงที่มันจําไป๋จูเหวินได้เพราะการประลองก่อนหน้านี้ และอาจารย์ของมันยังบอกให้ระวังไป๋จูเหวินเป็นพิเศษ ถึงกับบอกให้นักลอบสังหารในสังกัดของตนเองห้ามไปยุ่งกับไป๋จูเหวินเลยทีเดียว ตอนแรกมันก็มองว่าอาจารย์ระแวงเกินไป แต่เมื่อได้ทราบผลงานของไป๋จูเหวินในการช่วยเหลืออาณาจักรแล้วมันก็นับถือไป๋จูเหวินขึ้นมาก

 

“บะ แบบนั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินว่าพลางขมวดคิ้วมุ่น

 

“ใช่ แถมท่านยังเป็นอันดับหนึ่งของยอดฝีมือรุ่นใหม่อีกต่างหาก ไม่เชื่อดูนี่สิ” เด็กหนุ่มว่าพลางนําตําราเล่มหนึ่งออกมา มันเป็นตําราที่เขียนตารางรายชื่อเอาไว้ ทําให้ไป๋จูเหวินรู้สึกคุ้นตาอย่างมาก

 

“นี่คือ…”เหม่ยหลินพูดพลางมองตาราง รายชื่อในมือของเด็กหนุ่ม ตําราตรงหน้าเหมือนตารางจัดอันดับยอดยุทธไม่มีผิด แถมในตารางรายชื่อเหม่ยหลินยังอยู่ในอันดับที่ 5 อีกต่างหาก

 

“หรือว่า ไช่จิน”ไป๋จูเหวินมองตําราตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจ นานมากแล้วที่มันให้เงินใช่จินไปลงทุนทําตําราจัดอันดับยอดยุทธของมัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้มันจะได้เห็นผลงานของไช่จินจนได้

 

“…”ไป๋จูเหวินลองอ่านสิ่งที่ไช่จินเขียนลงไปบนกระดาษ มันบรรยายความเก่งกาจของไป๋จูเหวินจนเกินจริงไปหลายเท่า ทําเอาไป๋จูเหวินไม่ทราบจะดีใจหรือเสียใจดี

 

“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่พวกท่านกําลังปลอมตัวกันงั้นหรือ” เด็กหนุ่มถามพลางมองการแต่งตัวของไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลิน

 

“ก็ใช่”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา ตอนนี้ไป๋จูเหวินอยู่ในชุดพ่อค้าธรรมดาเช่นเดียวกับเหม่ยหลิน ทั้งๆที่ปกติพวกมันสวมแต่เครื่องแบบกลุ่มแท้ๆ แม้พวกหลินหลินจะใส่เสื้อผ้าปกติอยู่แล้วก็ตาม

 

“พวกท่านปลอมแค่เสื้อผ้าไม่ได้หรอก มันจะไปมีพ่อค้าที่มีพลังวิญญาณระดับนี้ได้ยังไง” เด็กหนุ่มหัวเราะพลางมองความไม่เข้ากันของไป๋จูเหวินกับชุดพ่อค้า

 

“มันก็จริง”ไป๋จูเหวินยอมรับแต่โดยดี แต่มันก็ไม่ทราบจะทําเช่นไรเหมือนกัน อย่างน้อยคนที่ระดับต่ํากว่าก็คงดูไม่ออก

 

“รับนี่ไปสิ” เด็กหนุ่มยื่นตําราเล่มหนึ่งให้ไป๋จูเหวิน

 

“นี่มัน”ไป๋จูเหวินมองตําราที่เด็กหนุ่มยื่นมาให้ ตรงหน้าปกเขียนเอาไว้ว่าวิชาสงบจิต ซึ่งมันคือวิชาของนักลอบสังหารนั้นเอง

 

“นี่เป็นแค่วิชาพื้นฐานนะ คงช่วยปิดบังพลังของท่านได้บ้าง แต่ข้าให้วิชาชั้นสูงไม่ได้นะนั่นเป็นความลับของสํานักเรา”เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้มกว้าง วิชาพวกนี้เป็นวิชาที่หาได้ไม่ยากนัก ขอแค่สนใจวิชาลอบสังหารย่อมได้เรียนวิชานี้เป็นอย่างแรกอยู่แล้ว มันเลยไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะมอบวิชาพี้นฐานเช่นนี้ให้ไป๋จูเหวิน