บทที่ 144 มันต้องตาย ! (ปลาย)
ในช่วงนั้น เยี่ยฉวนซึ่งออกนำหน้าไปก่อน เขาได้ตวัดกระบี่ยาวในมือกวัดแกว่งไปมา ส่งผลให้ศีรษะ ของศิษย์แห่งฉางมู่ผู้นั้นหลุดกระเด็นลงเบื้องหน้า ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาทะยานเข้าหาเป้าหมายราย ถัดไป !
ภายในเวลาไม่นาน ในลานกว้างก็ได้สับสนอลหม่านไปด้วยการต่อสู้ระหว่างศิษย์ทั้งสองแห่ง !
ถึงไม่บอกก็คงพอจะรู้ว่าเยี่ยฉวนและพวกอีกสามถูกสกัดล้อมจากศิษย์แห่งฉางมู่
คนทั้งสี่ช่วยกันออกปะทะต้านทานคนนับร้อย ซึ่งก็ถือว่าเสียเปรียบมากอยู่แล้ว และซ้ำร้ายเข้าไปอีก เมื่อในคนทั้งร้อยคนนั้น พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่กล้าแกร่งไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร !
ขณะนั้นศิษย์นับร้อยต่างทุ่มเทกายใจในการต่อสู้อย่างสุดใจขาดดิ้น หรือหากจะกล่าวให้ชัดเจน พวก เขาต่างก็ล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการฆ่าอย่างแท้จริง แรงกระตุ้นนั้นเกิดจากศิษย์แห่งฉางมู่ถูกเยี่ยฉวนสังหาร มิหนำยังใช้ชิ้นเนื้อจากร่างคนตายสลักเป็นตัวอักษร ‘สถานศึกษาฉางมู่’
การกระทำของเยี่ยฉวนในครั้งนี้เองเป็นที่ยั่วยุอารมณ์โทสะบังเกิดแก่ศิษย์ฉางมู่ทุกคน !
โดนล้อมสกัด !
เมื่อถูกจู่โจมทั้งสองด้าน ไม่นานเยี่ยฉวนทั้งสี่ก็ถูกสกัดกั้นและขยับล่าถอยทีละก้าว !
“ถอยไปทางขึ้นเขาฉางซาน !”
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงเยี่ยฉวนตะโกนข้ามลาน
พวกคนอื่นอีกสามคนเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างพากันถอนออกจากที่มั่น ในไม่ช้าทั้งสี่ก็มาถึงที่หมายทางขึ้นเขาฉางซาน
เส้นทางค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับคนมากมาย ดังนั้นเมื่อคนทั้งสี่ล่าถอยไปยังเส้นทางอันแสนคับแคบนั้น ยังผลให้การจู่โจมโดยแข็งกร้าวของสถานศึกษาฉางมู่ลดทอนลงเป็นอันมาก เยี่ยฉวนไม่รอช้าเขากระทืบ เท้าขวาลงบนพื้นดินอย่างแรง พลังปฐพีค่อย ๆ แทรกซึมขึ้นสู่กายา !
เมื่อภายในกายมีพลังปฐพีเสริมแทรกจนเต็มเปี่ยม ส่วนในมือได้กระชับกระบี่หลิงซิ่วไว้แน่น เยี่ยฉวนจึงพลันพุ่งทะยานเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็ว !
“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”
ด้วยพลังเสริมแห่งปฐพีผนึกเข้ากับรังสีกระบี่ ส่งให้พลังปะทะผลักออกจากเยี่ยฉวนทวีความน่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังกระบี่ก่อนหน้าหลายเท่า !
ปลายกระบี่พุ่งสู่เป้าหมาย !
บังเกิดประกายแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นที่ปลายกระบี่หลิงซิ่วก่อนจุดระเบิดราวปะทุออกภูเขาไฟ
ตู้ม !
ลำแสงกระบี่พุ่งปะทะร่างศิษย์แห่งฉางมู่กว่าหกหรือเจ็ดคนเบื้องหน้า ในทันที ร่างพวกเขาต่างแหลก กระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกิดเป็นร่องเหนือขึ้นไปเบื้องหน้า
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เศษเสี้ยวผลพวงแห่งพลังจากกระบี่ของเยี่ยฉวนก็ยังได้ปะทะเข้ากับร่างของศิษย์ ฉางมู่ซึ่งอยู่ใกล้เคียงจนพวกเขาได้รับบาดเจ็บอีกนับสิบ !
รองอาจารย์ใหญ่หลีซิ่วที่ยืนดูพลังออกปะทะแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวน พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว อย่างไม่พึงใจ ด้วยรับรู้ต่อความกล้าแกร่งแห่งพลังซึ่งตนเองไม่เคยคิดฝันมาก่อน !
เป็นไม่ได้ที่ผู้มีขั้นพลังหลอมรวมลมปราณจะสามารถผลักออกพลังปะทะแห่งกระบี่ที่รุนแรงถึงเพียงนี้ !
ศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่หลายสิบคนต่างจ้อมมองเยี่ยฉวนด้วยแววตาหวาดกลัวเฉกเดียวกัน ภายใต้ความกระเหี้ยนกระหือรือในการต่อสู้หมายเอาชีวิต สายตาของพวกเขาแฝงด้วยความหวาดกลัวลึกล้ำอยู่ ภายใน !
เพราะเหตุว่าพลังปะทะแห่งกระบี่ครานี้รุนแรงน่าเกรงขามสุดที่จะประมาณ !
ฝั่งอาจารย์ใหญ่จี้ เขาเองก็ออกประหลาดใจไม่น้อย ด้วยพลังกระบี่ของเยี่ยฉวนในเวลานี้รุนแรงเกิน กว่าขอบข่ายแห่งพลังชี่ขั้นหลอมรวมลมปราณไปมาก ! หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือกระแสแห่งพลังที่พุ่งทะยานจากชายหนุ่มนั่นเอง !
ผู้ที่อยู่ข้างเยี่ยฉวนอีกคน โม่อวิ๋นฉีสลัดหยาดโลหิตของศัตรูออกจากใบหน้าทันที ก่อนที่เขาจะใช้ศอก กระทุ้งเยี่ยฉวนพลางร้องว่า “พี่ชาย ซัดพลังกระบี่อีกสักยก !”
เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ยกเท้ากดลงบนพื้นดินมือกระชับหลิงซิ่วแน่น ในไม่ช้าพลังปฐพี อันมหาศาลพลันแทรกซึมสู่ร่างกายจากล่างขึ้นบน ในขณะต่อมาชายหนุ่มก็ได้ผลักกระบี่หลิงซิ่วออก ซึ่งมันก็ ก่อให้เกิดการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง !
เมื่อเห็นเช่นนั้น ศิษย์ฉางมู่พลันสีหน้าตื่นกลัว พวกเขาต่างพากันล่าถอยออกจากที่นั่นอย่างเร่งด่วน
ทันใดนั้น คนผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า ไม่ไกลจากอาจารย์ใหญ่จี้
เขาคือหลี่เสวียนชางอาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่ !
“คารวะอาจารย์ใหญ่ !”
บรรดาศิษย์ทุกคนพร้อมใจค้อมตัวห่อกำปั้นแสดงคารวะต่อหลี่เสวียนชาง
ผู้ที่เพิ่งมาถึงกวาดสายตาไปยังพื้นที่ในลานกว้าง บนพื้นดินเต็มไปด้วยร่างคนตายกลาดเกลื่อน พลัน สายตาหยุดชะงักยังเศษชิ้นส่วนอันเคยเป็นร่างของเฟินเจี๋ย ซึ่งเยี่ยฉวนจัดเรียงเป็นตัวอักษรกลางลานดิน สุดท้ายสายตากวาดมาจับจ้องที่เยี่ยฉวน “ฝีมือเจ้าสินะ ?”
ชายหนุ่มไม่มีคำพูดออกจากปาก เขาเหยียดแขนข้างขวาออกและพุ่งกระบี่ในมือตรงเข้าสู่เป้าหมาย
ฉับ !
ศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งซึ่งไม่ทันระวังตัว ฉับพลันถูกพลังกระบี่ของเยี่ยฉวนขาดสะบั้นในทันที !
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลี่เสวียนชางพลันหรี่ตาชำเลือง ทันใดนั้นบังเกิดพลังชนิดหนึ่งปรากฏสูงขึ้นเหนือศีรษะ ของเยี่ยฉวน ก่อนที่เพียงชั่วขณะเดียวกันก็ได้เกิดพลังกระแสลมพัดพาพลังเพิ่งบังเกิดนั่นเข้าไป
ตู้ม !
สองพลังปะทะกลางอากาศจึงสูญสลายไป !
เมื่อการณ์ปรากฏเช่นนั้น หลี่เสวียนชางพลันตวัดสายตากลับมาที่อาจารย์ใหญ่จี้ “เจ้าจะเปิดศึกเช่นนั้น หรือ ?”
อาจารย์ใหญ่จี้ยกน้ำเต้าสุราขึ้นจิบอึกหนึ่ง ขณะนั้นเองพื้นดินใต้ฝ่าเท้าเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หากมิใช่เพียงพื้นดิน ทว่าภูเขาฉางซานทั้งลูกสั่นไหวโยกคลอนไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งดูเหมือนว่ากระแสลมจะ หยุดชะงักโดยฉับพลัน แม้แต่แสงเรืองรองซึ่งบังเกิดขึ้นรอบกายของอาจารย์จี้ก็เสมือนจะบิดเบือนไป…
ภาพที่เห็นทำให้หลี่เสวียนชางหรี่ตาชำเลืองมองอย่างตรึกตรอง “สรรพสิ่งบิดเบือน… พลังขั้นสุดยอด ผนึกยุทธ์ไม่นึกเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา นอกจากเจ้าต้องเผชิญมรสุมชีวิตแล้ว กลับมีขั้นพลังเพิ่มสู่สูงสุดอีกด้วย !”
อาจารย์ใหญ่จี้มองสบตาคนพูด “ในแคว้นเจียงมีเพียงสี่คนซึ่งรวมทั้งตัวเจ้าและข้าที่พลังสู่ขั้นสุดยอด ผนึกยุทธ์ หากเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าก็จะสู้กับเจ้า อย่างไรก็ตาม คนเช่นข้าไม่ต้องคำนึงถึงศีลธรรมอันใด บางทีการต่อสู้ของพวกเราอาจจะทำให้โลกกลับตาลปัตร อีกทั้งสถานศึกษาฉางมู่ต้องล่มสลายไปด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร ?
สายตาของหลี่เสวียนชางแน่วแน่ที่คนพูด โดยมิได้โต้แย้งแต่อย่างใด
“ต่อสู้อย่างนั้นหรือ ?”
“หากสงครามเริ่มขึ้นจริง อย่างไรเสียสถานศึกษาฉางมู่ย่อมได้รับชัยชนะด้วยกำลังคนที่มีมากกว่า ถึง กระนั้น กำลังส่วนใหญ่ย่อมถูกทำลาย ยอดฝีมือกว่าแปดในสิบจะต้องตายลงในระหว่างสงคราม เหลือศิษย์ เพียงส่วนน้อยที่ยังรอดชีวิต !”
“สถานศึกษาฉางหลานของเจ้าเล่า ?”
“สถานศึกษาฉางหลานมีศิษย์เพียงสี่คน ถ้ารวมอาจารย์ใหญ่ด้วยเป็นห้า จะว่าไปฝ่ายสถานศึกษา ฉางหลานไม่มีอะไรต้องเสีย !”
“ไม่คุ้มกัน !”
หลี่เสวียนชางทอดตาไปตามร่างของศิษย์ฉางมู่ที่นอนตายอยู่เกลื่อนกล่น ความหม่นหมองเข้าครอบงำ เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปทางอาจารย์ใหญ่จี้ “พวกฉางหลานของเจ้าจะออกไปเสียจากตรงนี้ก็ได้ แต่…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ พลันเขาหันกลับและชี้ไปที่เยี่ยฉวน “มันต้องตาย ! หากเจ้าเลือกที่จะให้มันมีชีวิตอยู่ ย่อมหมายความว่าเจ้าเลือกที่จะตายไปพร้อมกับมัน ! ทีนี้ก็แล้วแต่เจ้า !”
สิ้นเสียงของหลี่เสวียนชางทันใดนั้นมีคนจำนวนหนึ่งตรงเข้าล้อมกลุ่มอาจารย์ใหญ่จี้และศิษย์ฉางหลานทั้งสี่คน
คนทั้งหกที่เข้ามาล้อมนั้น พวกเขาล้วนแต่อยู่ในพลังขั้นผสานเทพทุกคน !