บทที่ 32 Ink Stone_Romance

ทำไมคุณออสการ์ไม่มานะ ฉันได้เขียนในจดหมายแจ้งไปแล้วว่าให้มาหาในวันนี้ หรือว่าฉันเขียนวันที่ผิดไป ถึงแม้วันนี้ยังพอเหลือเวลาก่อนจะหมดวันก็จริง แต่ก็กลัวว่าเขาอาจจะไม่มา  แถมยังอยู่ในช่วงเปิดเทอมก็เป็นไปได้ด้วยว่าเขาอาจจะไม่ว่างมา

ไม่สิ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะตอบกลับมาบ้าง แต่ดูจากที่ไม่มีข่าวคราวอะไรแจ้งมาก็น่าจะใกล้เคียงกับความหมายว่าเขาจะมา แต่แล้วจะมาเมื่อไรกันล่ะ หญิงสาวที่มาร่วมงานวันเกิดเอ่ยถามอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นสีหน้าดูเป็นกังวลของอาเรีย

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ คุณอาเรีย”

“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”

เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประเด็น สายตาของบรรดาหญิงสาวที่นั่งอยู่รอบโต๊ะตัวไม่ใหญ่มากต่างก็หันมาทางอาเรีย ตอนนี้ไม่ใช่อาเรียที่เป็นกังวล แต่เป็นเหล่าหญิงสาวที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่เธอต่างหาก อาเรียเผยยิ้มอันสดใส แสร้งทำเป็นไม่เป็นไร และปฏิเสธกลับอีกครั้ง

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันเพียงแค่เฝ้าคอยวันนี้อย่างตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าชวนใครมาน่ะค่ะ”

“อ๋อ เป็นเช่นนั้นเองสินะคะ”

“ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นค่ะ”

เพียงแค่นั้น บรรยากาศเดิมก็กลับมา บรรดาหญิงสาวที่มารวมตัวกันในสวน ยิ้มเบาๆ ให้กับท่วงทำนองอันสงบสุข พวกเธอฉลองวันเกิดอาเรียด้วยแก้วแชมเปญที่ไร้แอลกอฮอล์

‘ดีนะที่มีวงดนตรี’

ก่อนวันเกิด เจสซี่ถามเธอว่าต้องการวงดนตรีวันละครั้งไหม แต่เธอก็ตอบตกลงไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ถ้าไม่มีล่ะก็คงจะกลายเป็นงานวันเกิดเล็กๆ ที่น่าเวทนาแน่ๆ อาเรียจึงตัดสินใจว่าจะให้อะไรเจสซี่เป็นของขวัญสักหน่อย

“เริ่มจากแกะของขวัญกันดีไหมคะ”

“ดีเลยค่ะ”

อาเรียไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับกล่องของขวัญหลากสีหลายขนาดที่บรรดาหญิงสาวนำมา แต่ก็แกะกล่องเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น

“ว้าว! เป็นกิ๊บติดผมที่น่ารักจริงๆ ค่ะ”

ไม่น่าแปลกใจที่ของขวัญเหล่านั้นล้วนเป็นของจำพวกเครื่องประดับอัญมณีชิ้นเล็ก และกล่องดนตรี อาเรียติดกิ๊บไว้บนศีรษะแล้วยิ้มอย่างร่าเริง

“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ  ฉันต้องหาที่สำหรับวางกล่องดนตรีไว้ในห้องซะแล้วล่ะ”

ไม่ล่ะ ความจริงมันทั้งดูธรรมดาแล้วก็ไร้รสนิยมเกินไป ฉันคงต้องเอาให้เจสซี่

ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่จะแกะนั้นเป็นของขวัญจากซาร่า บนหน้ากล่องถูกโรยด้วยผงทองละเอียดอย่างใส่อกใส่ใจ

อาจด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย บางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญชิ้นที่ดีที่สุดก็ได้

“นี่มัน…”

“ถูกใจเลดี้ไหมคะ”

ในกล่องมีผ้าเช็ดหน้าและถึงมือที่ล้วนมีลายปักอย่างสวยงาม

การผสมผสานระหว่างลายดอกไม้อันงดงามและลวดลายปักแต่งรอบๆ ผ้านั้นลงตัวกันอย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ สิ่งนี้เป็นงานฝีมือของมนุษย์จริงๆ หรือ เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะและไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา

“ฉันเลือกแบบลวดลายให้เข้ากันไม่ได้สักทีจนโมโหเลยค่ะ”

ซาร่าหยิบผ้าเช็ดหน้าแบบเดียวกันออกมาพลางยิ้มเบาๆ ไม่ใช่แค่หนึ่งผืน แต่หยิบออกมาสองผืน เธอสมควรได้รับความสนใจจากมาร์ควิสจอมทื่อนั่นอย่างที่คิดจริงๆ

“…มันสวยกว่าที่หนูคิดไว้มากจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาขอบคุณเลยค่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเตรียมสิ่งที่ดีกว่านี้มาให้ได้”

ปฏิกิริยาของอาเรียแตกต่างจากที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เหล่าหญิงสาวต่างสงสัยและอยากดูผ้าเช็ดหน้านั้น ซาร่าโชว์ผ้าเช็ดหน้าให้บรรดาหญิงสาวดูแทนอาเรียที่ยังคงยืนตกตะลึง

เมื่อบรรดาหญิงสาวเห็นผ้าเช็ดหน้าที่ถูกปักอย่างงดงาม ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับอาเรีย ดูเหมือนพวกเธอเองก็ไม่รู้ว่าความจริงซาร่าสามารถเย็บปักได้สวยงามขนาดนี้

“นี่มันฝีมือที่พระเจ้าประทานไม่ใช่เหรอคะ”

“ฉันไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย”

“วิเศษจริงๆ ค่ะ”

ซาร่าตอบด้วยความเขินอายหลังจากได้รับคำชมจากเหล่าหญิงสาว

“ชมกันเกินไปแล้วค่ะ”

“เกินไปอะไรกันคะ! นี่ช่างเป็นสมบัติสุดล้ำค่าประหนึ่งเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ!”

“ใช่แล้วค่ะ!”

“ฉันหวังว่าถ้าผู้คนมากมายได้เห็นสิ่งนี้ในที่อย่างนิทรรศการได้ก็คงจะดีนะคะ”

“ฟังดูดีนะคะ! เพราะนี่ก็เป็นงานศิลป์ใช่ไหมล่ะคะ”

อาเรียอารมณ์เสียเล็กน้อยหลังได้ยินพวกเธอคุยกันเรื่องจะจัดแสดงนิทรรศการงานเย็บปักถักร้อย เพราะหากเป็นเช่นนั้น ทักษะของซาร่าที่มีเพียงเธอคนเดียวที่รู้ ก็จะถูกแบ่งปันออกไปยังคนอื่นๆ

แม้เธอจะไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร แต่เธอก็ตอบกลับน้อยลงเรื่อยๆ

หลังจากชื่นชมงานฝีมือเย็บปักของซาร่าได้สักพัก ไม่นานพวกเธอก็เปลี่ยนเรื่องคุย และแน่นอนว่าเดรสที่อาเรียใส่อยู่เป็นเป้าหมายหัวข้อสนทนาต่อไป

“จะว่าไป เดรสของเลดี้อาเรียช่างงดงามเหลือเกินค่ะ”

“จริงด้วยค่ะ สีสันก็งดงาม ดีไซน์ก็ดูมีทันสมัย”

“นั่นสิคะ เสื้อโค้ตขนสัตว์ที่ใส่ครั้งแรกก็ดูนุ่มและหรูหรามากเหมือนกันนะคะ ทั้งเสื้อโค้ตขนสัตว์ แล้วก็ชุดที่ใส่คู่กัน ดูไม่น่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ เลดี้ซื้อมาจากไหนเหรอคะ”

อาเรียทำหน้าเขินอายหลังจากเหล่าหญิงสาวถาม ทำแบบนี้น่าจะพอดูถ่อมตนบ้างแหละนะ

“ไม่ได้ซื้อมาหรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีรสนิยมเลือกอะไรแบบนี้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นได้รับมาเป็นของขวัญเหรอคะ”

“ค่ะ ท่านพ่อฉันขึ้นไปทางเหนือแล้วส่งของขวัญมาให้ค่ะ”

พวกเธอพยักหน้ายอมรับ เพราะมีพ่อจำนวนไม่กี่คนนักที่จะส่งของขวัญแบบนั้นมาให้ลูกสาว และพวกเธอก็ชมว่ามันช่างงดงามดูเข้ากับเธอมากๆ

หลังจากเจอกันไม่กี่ครั้ง ตอนนี้เหล่าหญิงสาวคิดว่าอาเรียเป็นนางฟ้าผู้ใจบุญอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เธอไม่ใช่นางร้ายอย่างที่เขาลือกัน อีกทั้งเธอยังแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเธอกับท่านเคานต์เป็นไปได้ด้วยดี

ดังนั้น อาเรียจึงใช้ไม้ตายสุดท้าย

“ความจริงมีของขวัญอื่นที่ฉันชอบมากกว่าเดรสนี้กับโค้ตขนสัตว์เสียอีกค่ะ ฉันสามารถกอดตอนนอนได้ ไม่เหมือนเสื้อผ้าพวกนี้ที่ฉันไม่สามารถใส่ทุกวันได้”

ของขวัญที่เธอถูกใจกว่าชุดเดรสแสนสวยนี้มันคืออะไรกันแน่ บรรดาหญิงสาวสงสัยเป็นอย่างมาก

“สิ่งนั้นคืออะไรเหรอคะ”

อาเรียตอบด้วยท่าทีที่เขินอายแก้มแดงระเรื่อ

“…ตุ๊กตาหมีค่ะ”

หากเป็นเด็กหญิงก็ว่าไปอย่าง แต่เธออายุมากพอที่จะปล่อยของเล่นออกจากมือได้แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะอาเรียอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม อีกทั้งเธอยังตัวเล็ก คำตอบเธอที่ว่าเธอชอบตุ๊กตาจึงเป็นที่ยอมรับของทุกคนไปโดยปริยาย แถมยังได้ภาพลักษณ์เด็กน้อยน่ารักแสนไร้เดียงสามาอีก

“อุ๊ย ตุ๊กตาหมีนี่เอง”

“ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งข้าก็เคยนอนกอดตุ๊กตาหมีแล้วหลับไปเหมือนกันค่ะ”

แม้อายุจะห่างจากอาเรียเพียงแค่ประมาณสองถึงสามปี แต่เหล่าหญิงสาวก็ไม่สามารถลบรอยยิ้มบนริมฝีปากออกไปได้ และพูดคุยราวกับเธอเป็นน้องสาวจริงๆ อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ในตอนนั้น แม้แต่ซาร่าเองก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าเอ็นดูของเธอ และเล่นไปตามบท ‘อวดของเล่น’ ของอาเรียได้อย่างดี

“ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอฉันดูตุ๊กตาแสนน่ารักตัวนั้นหน่อยได้ไหมคะ ฉันสงสัยว่าตุ๊กตาน่ารักตัวไหนกันที่ขโมยหัวใจเลดี้อาเรียไป”

อ่า ฉันพยายามเลิกนิสัยชอบอวดงานอดิเรกคอลเลกชันของตัวเองแล้ว แต่พอมีโอกาสเช่นนี้ก็อดที่จะไม่อวดไม่ได้ อาเรียสั่งให้เจสซี่ไปเอาตุ๊กตามา

“สงสัยจังเลยนะคะ ว่าถ้าเอาไปนอนกอดจะน่ารักขนาดไหน”

“นั่นสิคะ”

เสียงหัวเราะสดใสก้องในสวนราวกับนกน้อยร้องบอกเวลายามเช้า เห็นได้ชัดว่าตุ๊กตาหมีน่ารักตัวนั้นมีเพชรประดับอยู่มากเกินเสียกว่าจะเรียกว่าน่ารักได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่ได้คิดเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว

‘ถ้าพวกหล่อนเห็นตุ๊กตาที่อยากดูนักอยากดูหนาแล้วจะยังคงใบหน้าอ่อนโยนอย่างนี้ได้อยู่ไหมนะ’

อีกไม่นานก็จะได้เห็นปฏิกิริยาของพวกเธอว่าจะทำหน้าอย่างไร อาเรียกอดตุ๊กตาที่มีอัญมณีขนาดใหญ่ประดับที่ตา จมูก และหู แล้วจึงใช้ใบหน้าของเธอลูบตุ๊กตาไปมาอย่างดูไร้เดียงสา

“น่ารักใช่ไหมล่ะคะ ท่านพ่อมอบให้เป็นของขวัญ ฉันก็เลยยิ่งรู้สึกว่ามันพิเศษขึ้นไปอีก”

พวกเธอต่างยืนอึ้ง บรรดาครอบครัวหญิงสาวที่มางานต่างไม่ได้มีฐานะอำนาจมากมายขนาดนั้น อีกทั้งพวกเธอยังมองอาเรียเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงไม่นึกว่าจะได้เห็นตุ๊กตาหมีที่ประดับด้วยอัญมณีเช่นนี้

พวกเธอคงจะเคยเห็นตุ๊กตาประดับอัญมณีชิ้นเล็กๆ ที่ตา หรือจมูกมาบ้างแล้ว แต่ตุ๊กตาที่มีอัญมณีประดับแม้กระทั่งหูคงจะมีไม่มากนัก

บรรดาหญิงสาวจึงตระหนักได้ว่าอาเรียเป็นบุตรสาวของท่านเคานต์ผู้มีธุรกิจรายได้ร่ำรวยมหาศาล และในขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าเธอได้รับความรักจากท่านเคานต์มากกว่าที่พวกเธอคิดไว้มาก

สวนถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เพราะพวกเธอเพิ่งตาสว่างว่าอาเรียแตกต่างกับพวกเธอแค่ไหน พวกเธอมองอาเรียเป็นแค่เด็กหญิงที่น่ารักราวกับน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น แต่แล้วบรรยากาศกลับกลายเป็นเช่นนี้เพียงเพราะตุ๊กตาเล็กๆ ตัวหนึ่ง

อาเรียเอียงคอเล็กน้อยราวกับไม่เข้าใจเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร เธอเริ่มทำหน้าบูด เพราะคิดว่าตนคงทำอะไรผิดไป ซาร่าที่เผลอประเมินเธอสูงไปจึงเอ่ยปากพูดขึ้น

“ช่างเป็นตุ๊กตาที่น่ารักจริงๆ เลยค่ะ ตุ๊กตาที่ประดับอัญมณีแม้กระทั่งที่หูพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก ท่านเคานต์คงจะอยากมอบตุ๊กตาดีๆ ให้เป็นของขวัญเลดี้อาเรียนะคะ ว่าไหมคะ”

“…จริง จริงด้วยค่ะ”

“ตุ๊กตาน่ารักกว่าที่คิดไว้มากจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งเลยนะคะนี่”

จากนั้นอาเรียจึงกลับมายิ้มอย่างสดใสอีกครั้ง บรรยากาศไม่ได้กลับไปเหมือนตอนแรกทั้งหมด แต่ก็ยังพอกลับมาหัวเราะคิกๆ คักๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสได้ในเชิงผิวเผิน

ตั้งแต่อาหารจานหลักรสเลิศจนถึงเค้กสามชั้นรสหวานละมุน ปรุงโดยเชฟที่เจสซี่เชิญมาจากข้างนอก ทำให้งานปาร์ตี้มีชีวิตชีวา

ต่อให้คนที่ได้รับเชิญมางานจะมีน้อย และไม่มีอะไรน่าจับตามอง แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำให้เห็นว่าอาเรียได้รับความรักจากท่านเคานต์ขนาดไหน ทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธออีก

หากตัดเรื่องที่เหล่าหญิงสาวที่เชิญมาไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรมากออกไป แน่นอนว่างานนี้ถึงจะเรียบง่ายแต่ก็สร้างความพึงพอใจให้แก่อาเรียทีเดียว เพราะตอนแรกเธอคิดว่าคงจะไม่ได้อะไรจากงานนี้

‘จบไว้เท่านี้เลยดีไหมนะ’

ออสการ์ไม่มาก็หงุดหงิดไปแล้ว จุดประสงค์ของเธอก็บรรลุไปแล้ว ผ้าเช็ดหน้าจากซาร่าก็ได้รับแล้ว

เดิมทีงานวันเกิดของเด็กๆ ก็จบอย่างสั้นๆ และกระชับเป็นปกติอยู่แล้วด้วย พวกเธอก็ไม่สามารถดื่มฉลองทั้งคืนได้เหมือนกับพวกผู้ใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอไม่ใช่เด็กหนุ่มแต่เป็นเด็กสาว ตกกลางคืนอาจจะมีอันตรายอะไรแฝงอยู่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ ฉะนั้นพวกเธอจะต้องกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน อาเรียจึงประกาศปิดงานวันเกิด

“ถ้าเช่นนั้น ขอบคุณทุกๆ ท่านที่อุตส่าห์มาในวันนี้นะคะ”

ดูเหมือนจะเสียเวลาไปมากพอแล้วล่ะ เธอไม่อยากจะแสร้งยิ้มทำเป็นหัวเราะกับเด็กๆ พวกนั้นอีกต่อไป กลับไปอ่านหนังสือรอออสการ์คงจะมีประโยชน์กว่า

“เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วเหรอคะ”

“นั่นสิคะ สนุกมากเสียจนไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้”

เหล่าหญิงสาวที่พึงพอใจกับงานปาร์ตี้ที่ถึงแม้จะเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุข ต่างตอบรับความต้องการของอาเรีย

ดูเหมือนงานปาร์ตี้ควรจะจบลงอย่างเรียบง่ายเช่นนั้น เว้นเสียแต่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาปรากฏตัว

………………………………………………