ตอนที่ 482 - งานประลองลูกรักของพระเจ้า

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.482 – งานประลองลูกรักของพระเจ้า 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงไม่ขาดแคลนแก่นอบิลิตี้ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D กระทั่งแก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิก็ยังมีครอบครองไว้อีกมาก อย่างไรตาม ขีดความสามารถในการรับพลังงานของมนุษย์มีจำกัด หากคิดรับแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้าย จำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งทั้งกายใจ และหลิงหวู่ยี่ไม่อาจเข้าถึงมัน 

 

 

 

 

 

ดังนั้น ฉินเฟิงจึงเลือกแก่นราชันย์สัตว์ร้ายให้แก่หลิงหวูยี่ ให้ใช้มันช่วยในการวิวัฒนาการ แม้จะมีความเสี่ยง แต่หลิงหวูยี่ก็ตกลง 

 

 

 

 

 

“ประธานไม่ต้องเป็นห่วง การทดลองในครั้งนี้มีโอกาสสำเร็จถึง 60 เปอร์เซ็นต์ นับว่าสูงมากแล้ว” 

 

 

 

 

 

“อืมแต่ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมา ขอให้หยุดผ่าตัดทันที” 

 

 

 

 

 

“รับทราบ” 

 

 

 

 

 

หลังจากสนทนากับไป่ยี่สักพัก ฉินเฟิงก็หันไปจัดการธุระเรื่องอื่น 

 

 

 

 

 

เขาหยิบตัวเชื่อมจิตสำนึกออกมา เร่งเร้าพลังสมาธิเข้าสู่โลกของมัน 

 

 

 

 

 

“เรียกดูข้อมูลขององค์กร Z ” 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ฉินเฟิงมีตำแหน่งเป็นผู้การรัฐ ฉะนั้นสามารถเรียกดูข้อมูลได้มากมาย เข้าถึงข้อมูลส่วนลึกที่ในชีวิตก่อนของเขามิอาจทำได้  

 

 

 

 

 

เพราะก่อนเกิดใหม่ ฉินเฟิงมีสถานะเพียงทหารรับจ้าง เขามิได้รับตำแหน่งบริหารใดๆของพันธมิตรมนุษย์ภูมิภาคหัวเซี่ย 

 

 

 

 

 

ข้อมูลถูกนำออกมาแสดงอย่างรวดเร็ว ทว่าน่าแปลก ที่มันกลับมีบันทึกไว้เพียงไม่กี่หน้า 

 

 

 

 

 

คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากันทันที 

 

 

 

 

 

นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! 

 

 

 

 

 

จำได้ไหมว่า ฉินเฟิงเคยรายงานข้อมูลไปแล้ว และมันมีมากกว่าในตอนนี้เสียอีก 

 

 

 

 

 

จากนั้น เขาก็รีบค้นหาข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

 

 

“ขอเรียกดูข้อมูลของหยานฟาง” 

 

 

 

 

 

คนๆนี้ คือคนที่ฉินเฟิงจับตัวมาด้วยตนเอง เป็นน้องชายของหยานชูวร่างทดลองจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D เดิมสมควรเป็นคนที่สามารถเค้นถามเบาะแสได้มากมาย และเกาหยูคังได้ส่งตัวอีกฝ่ายไปยังแผนกที่เชี่ยวชาญในด้านการสอบสวนองค์กรมืด แต่ผ่านมานาน ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ 

 

 

 

 

 

สักพัก สีหน้าของฉินเฟิงก็เริ่มกลายเป็นเขียวคล้ำ นั่นเพราะเขาพบว่ามีเรื่องคาดไม่ถึงเกิดขึ้น! 

 

 

 

 

 

หยานฟางจบชีวิตลงอย่างกะทันหัน! 

 

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากข้อมูลแล้ว มันคือสามวันให้หลัง หลังจากฉินเฟิงส่งตัวคนร้ายไป 

 

 

 

 

 

แต่ไม่มีใครแจ้งข้อมูลนี้แก่ฉินเฟิงเลย ส่วนเกาหยูคังในเวลานั้น ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้ เลยปล่อยผ่านไป 

 

 

 

 

 

“ร้ายกาจ! องค์กร Z ช่างร้ายกาจจริงๆ ดูเหมือนว่าในกลุ่มพันธมิตรมนุษย์จะมีพวกเขาแฝงตัวอยู่” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงพอจะคาดเดาได้อยู่บ้าง เพราะในตอนที่เขาเริ่มเค้นถาม นักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดต่างสาบานเป็นมั่นเหมาะ ว่าพวกตนไม่ใช่คนขององค์กร Z และคนเหล่านี้ มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ว่าอาจถูกชักชวนโดยผู้ใช้พลังระดับสูงให้เข้ามาร่วมงาน 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ เบาะแสถูกตัดออกไปอีกแล้ว! 

 

 

 

 

 

แต่ช่างมันเถอะ เพราะไม่ว่าจะเรื่องรอยสักขององค์กร Z หรือการผลิตร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์เป็นจำนวนมากยังคงอยู่ ดังนั้นสามารถออกตามหาพวกมันและสืบย้อนความได้ ข้อมูลที่ฉินเฟิงได้มาในตอนนี้ ถือว่าค่อนข้างเยอะแล้ว 

 

 

 

 

 

“รอก่อนเถอะ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะต้องหาพวกแกให้เจอ!” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงถอนตัวจากโลกแห่งจิตสำนึก 

 

 

 

 

 

เวลาล่วงเลยผ่านไป การผ่าตัดของหยางเคียนและหลิงหวูยี่ ในที่สุดก็จบลง 

 

 

 

 

 

ร่างกายของหยางเคียนสั่นสะท้าน เกิดการเปลี่ยนแปลง คนธรรมดาทั่วไปได้รับวัตถุระดับสมบัติอย่างกะทันหัน ส่งผลให้สามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้ 

 

 

 

 

 

ส่วนทางหลิงหวูยี่ การวิวัฒเป็นไปอย่างราบรื่น เขายกระดับขึ้นเป็นเลเวล D การทดลองนี้ถือเป็นการสร้างความหวังใหม่ให้แก่เกาลี่และคนอื่นๆ 

 

 

 

 

 

ไม่มีเวลาที่จะฝึกฝน ฉินเฟิงยังคงมีอีกหลายสิ่งต้องจัดการ 

 

 

 

 

 

… 

 

 

 

 

 

ในภูเขาพ่อแม่ลูก 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงตรงเข้าไปยังสวนใต้ดิน 

 

 

 

 

 

ที่นี่มีสมุนไพรวิญญาณธาตุมืดถูกเพาะอยู่นับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีผลไม้และดอกไม้ แต่สิ่งเหล่านี้ มิได้หมายความว่าทั้งหมดจะเป็นสมบัติ 

 

 

 

 

 

ตรงกันข้าม บางชนิดกักเก็บสารพิษร้ายแรงเอาไว้ 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม คุณภาพของพืชเหล่านี้ สูงสุดอยู่ที่เลเวล D ในความเป็นจริง สำหรับฉินเฟิงที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว พวกมันถือว่ามิได้มีบทบาทอะไรมากมาย 

 

 

 

 

 

“การสร้างสวนใต้ดิน ฉันได้ใช้โล่พลังงานปกคลุมพวกมันเอาไว้ทุกวัน ให้แยกตัวโดเดี่ยวไม่ปล่อยความมืดมิดเล็ดลอดออกมา มิฉะนั้นจะทำร้ายผู้คน ถ้าฉันจากไป ที่นี่จะต้องกลายเป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอน” 

 

 

 

 

 

“เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนอื่นอาจไม่ต้องการมัน เพราะพวกนี้เป็นสมุนไพรวิญญาณธาตุมืด หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้คนที่มาอยู่ใหม่เกิดความสงสัย หรืออาจมีคนเจตนาไม่ดี ฉกฉวยโอกาสสร้างปัญหาก็ได้” 

 

 

 

 

 

“แต่ถ้าให้เคลื่อนย้ายมันทั้งหมด คงลำบากเกินไป” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเดินไปตามทางสวนใต้ดิน กลิ่นอายทมิฬนับไม่ถ้วนปกคลุมฉินเฟิง ดาวเคราะห์อบิลิตี้เริ่มหมุนวน ยิ่งดูดซับพวกมันเข้ามา ดาวเคราะห์ก็หมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

 

 

 

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงต้องดูดกลืน!” 

 

 

 

 

 

โดยไม่สน ไม่แคร์ว่าสมุนไพรวิญญาณ , ผลไม้วิญญาณจะสุกหรือโตเต็มวัยหรือไม่ , ดอกไม้วิญญาณจะเบ่งบานเต็มที่หรือเปล่า แท้จริงแล้วทุกต้นล้วนแฝงไปด้วยธาตุมืด ดังนั้นฉินเฟิงตัดสินใจดูดกลืนพวกมันทั้งหมด! 

 

 

 

 

 

เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำทันที ฉินเฟิงลงไปยังชั้นแรกของสวน พลังพิเศษปะทุออกมา 

 

 

 

 

 

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง อธิบายเพียงสั้นๆคือ ‘น่าสะพรึงกลัวมาก’ หลังปลดปล่อยพลังพิเศษดูดกลืน สมุนไพรวิญญาณระดับต่ำเหล่านี้ มิอาจทานทนต่อการสูบกลืนได้  

 

 

 

 

 

เพียงชั่วพริบตา จากลำต้นที่มีสุขภาพแข็งแร่ง พลันกลายเป็นเหี่ยวเฉา ปราศจากความชุ่มชื้นและพลังงานทางจิตวิญญาณ 

 

 

 

 

 

อักษรรูนภายในสมุนไพรธาตุมืด ที่มีขนาดเพียงเล็ก หรืออาจกล่าวได้ว่าแค่ไม่กี่สิบรูนเท่านั้น ได้ตกลงไปในดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง ขนาดไม่ต่างไปจากฝุ่น 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมาก เมื่อฝุ่นเริ่มสะสมและมากองรวมกัน มันก็กลายเป็นกลุ่มก้อนมหาศาล! 

 

 

 

 

 

ยังไม่พอ ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ส่งผลให้กระทั่งธาตุมืดที่ฝังอยู่ในดิน ก่อตัวขึ้นมาเป็นคลื่นยักษ์ซัดสาดใส่เขา 

 

 

 

 

 

ผืนดินที่เดิมปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายจากธาตุมืด บัดนี้กลับกลายเป็นผืนดินปกติธรรมดา กระทั่งสารอาหาร หรือแหล่งพลังงานที่อุดมอยู่ภายในมันล้วนหายไป 

 

 

 

 

 

หากใครเข้ามาที่นี่ในตอนนี้ แล้วมีคนอธิบายว่ามันคือสวนสมุนไพร คงไม่มีใครยอมเชื่อ 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเดินลงไปทีละชั้น ทีละชั้น ไม่นานอักษรรูนธาตุมืดจากทั้งสวน ก็ถูกสูบมายังเขา  

 

 

 

 

 

ต่อมา บนดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง ปรากฏดอกไม้สีดำขึ้นทันใด ก็เหมือนกับในตอนนั้น ที่ฉินเฟิงได้รับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า 

 

 

 

 

 

เขาได้รับสืบทอดความสามารถใหม่มาอีกครั้ง! 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงลองยกมือขึ้น ดอกบัวสีดำหมึกปรากฏขึ้นในมือของฉินเฟิง ภายในดอกบัวอัดแน่นไปด้วยพลังงานมหาศาล ส่งกลิ่นอายสยดสยองน่าพรั่นพรึง 

 

 

 

 

 

เพียงเรียกใช้งาน ฉินเฟิงก็พลันตระหนักได้ ว่าตราบใดที่ดอกบัวนี้หลุดจากการควบคุม สถานชุมชนเฟิงหลีทั้งหมด อาจถูกเปลี่ยนเป็นเมืองแห่งความตายไปในพริบตา 

 

 

 

 

 

พลังงานจากมัน ช่างรุนแรง น่าหวาดกลัวเกินไปจริงๆ 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเร่งควบคุมพลังสมาธิของเขา สั่งการให้ดาวเคราะห์เพชรนำดอกบัวสีหมึกนี้กลับไป 

 

 

 

 

 

“ฟู่ว … ” หัวใจที่ตื่นตระหนกเมื่อครู่จึงค่อยคลายลง 

 

 

 

 

 

“ในเมื่อมันทรงพลังถึงขนาดนี้ งั้นฉันจะขอตั้งชื่อให้กับมัน ว่าดอกไม้แห่งการทำลายล้าง!” 

 

 

 

 

 

อบิลิตี้ให้ถูกตั้งชื่อเป็นที่เรียบร้อย 

 

 

 

 

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็เดินออกจากสวนใต้ดิน สิ่งสุดท้ายที่ยังกังวลอยู่ในจิตใจของเขา มันได้หายไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงประกาศออกไปทันที 

 

 

 

 

 

“ตอนนี้ ขอประกาศอพยพถิ่นฐาน อีก 3 วันต่อมา ผู้บริหารสถานชุมชนจะถูกเปลี่ยนมือ ใครก็ตามที่เต็มใจ เดินทางไปยังเมืองเฟิงหลีแห่งใหม่กับพวกเรา จะได้รับทุกอย่างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!” 

 

 

 

 

 

เพียงพริบตา ข่าวนี้ก็ลุกลามไปทั่วทั้งสถานชุมชนเฟิงหลี บ้างก็จริง บ้างก็ถูกเติมแต่ง แต่ที่ทุกคนรู้เหมือนกันก็คือ ผู้ว่าการในสถานชุมชนของพวกเขา ปัจจุบันกลายเป็นตัวตนยิ่งใหญ่อย่างเลเวล C แล้ว 

 

 

 

 

 

ซึ่งนับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทศมนตรีเมืองเฉิงหยาง การดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้ , เมืองที่ถูกสร้างโดยบุคคลเช่นนี้ ดินแดนของมันในอนาคต ย่อมไม่ต่างจากขุมทอง , ทรงอำนาจ และมีปัจจัยด้านความปลอดภัยที่สูงลิ่ว 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้ แม้สถานชุมชนเฟิงหลีจะทำให้พวกเขารู้สึกสงบและปลอดภัย แต่คนที่จากไปเพราะชื่อของฉินเฟิง กลับมีมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์! 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมาก 

 

 

 

 

 

จากนั้น ฮั่นเจียนก็นำลูกน้องผู้ใช้พลังของเขามารับมอบตำแหน่งต่อ 

 

 

 

 

 

ฮั่นเจียนรู้สึกซาบซึ้งสุดแสน แม้ฉินเฟิงจะนำประชากร กว่า 80 เปอร์เซ็นไปก็ตาม แต่ชุมชนถูกก่อสร้างมาแล้วเป็นอย่างดี นั่นหมายความว่าฮั่นเจียนสามารถครอบครอง และบริหารได้เลยโดยตรง ไม่จำเป็นต้องไปปรับแต่งหรือสร้างอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไป 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงประหลาดใจก็คือ เวลานี้ คนที่มาหาเขา มิใช่แค่เพียงฮั่นเจียน 

 

 

 

 

 

แต่ยังมีผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูง เติ้งเหนียนติดตามมาอีกด้วย 

 

 

 

 

 

“ไม่ทราบว่าอาจารย์ใหญ่เติ้งมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม 

 

 

 

 

 

“ฉันมีบางอย่างจะขอให้ช่วยจริงๆ ไม่ทราบว่าผู้การรัฐฉิน … ” 

 

 

 

 

 

“รู้จัก ‘งานประลองลูกรักของพระเจ้า’ รึเปล่า?”