กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 668
ม้าถูกฝนสาดจนเปียกและถูกกัดกร่อนคาที่ราวกับถูกสาดด้วยกรดกำมะถัน ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดทรมาน

สวีหู่ดิ้นพล่านไปมาด้วยความเจ็บปวด เสี่ยวลู่อยากจะช่วยเขาบังฝนทว่าสายเกินไป สวีหู่ถูกน้ำฝนกัดกร่อนจนเสียชีวิตคาที่ แม้ว่าจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก ไม่มีโอกาสสั่งเสียเลยแม้แต่คำเดียว

เช่นเดียวกับม้าที่น่าสงสารทั้งสองตัว พวกมันตายเรียบจนไม่เหลือแม้แต่ซาก

ตะลึง..

แม้แต่กู้ชูหน่วนยังตกตะลึง

คิดไม่ถึงว่าจะใช้กำลังภายในกระตุ้นลมฝนบนท้องฟ้าได้จริงๆ

นอกจากนั้นยังเป็นฝนกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นอันตรายถึงชีวิต

พรึ่บ!

ร่างทั้งสองร่างหายวับไปและเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพวกนางไว้

ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เห็นรูปร่างหน้าตาของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองคนชัดๆ

คนหนึ่งมีผมและหนวดเคราสีขาวเหมือนนักพรต ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีประหนึ่งนักพรตผู้บำเพ็ญตบะเหมือนเซียน

แต่สิ่งที่พวกเขาทำลงไปเมื่อครู่กลับไม่ได้มีความใจดีมีเมตตาเหมือนเซียนเลย มิหนำซ้ำยังโหดร้ายจนน่าตกใจ

เสี่ยวลู่กำมือแน่นจนกระดูกลั่น

นางอยากออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขาและต่อสู้จนตัวตาย แต่นางรู้ว่าตนเองไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่าพวกนั้น นอกจากนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของนางคือการปกป้องผู้เป็นนาย

กู้ชูหน่วนจ้องมองพวกเขา พวกเขาเองก็กำลังจ้องมองกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ

ในที่สุดสายตาของพวกเขาก็เหลือบไปเห็นโซ่เหล็กที่พันธนาการเหวินเส่าอี๋ไว้

ทันใดนั้นความโกรธของผู้อาวุโสสูงสุดสองคนปะทุขึ้นมาทันที

“ท่านทนการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไร นายน้อยเผ่าเพลิงฟ้าของพวกข้า”

ว่าแล้วผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็กวาดมือขวา หวังจะถอดโซ่ตรวนที่น่าอัปยศออกจากข้อเท้าของเหวินเส่าอี๋

ทว่าหลังจากกวาดมือออกไป นอกจากโซ่ตรวนที่ข้อเท้าจะไม่บุบสลาย มันยังอยู่พันธนาการอยู่บนข้อเท้าของเขาอย่างดีเหมือนเดิม

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปคือร่องรอยความเจ็บปวดบนใบหน้าของเหวินเส่าอี๋ แม้แต่ขาของเขาก็ยืนไม่มั่นคงและทรุดตัวลงไปคุกเข่าตรงนั้นนั่นเอง

เหงื่อกาฬไหลท่วมหน้าผากราวกับว่าเขากำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส

กู้ชูหน่วนเผยยิ้ม “มันทำจากเหล็กชั้นดีหมื่นปี มีเพียงกุญแจพิเศษของเผ่าหยกเท่านั้นที่เปิดมันได้ ต่อให้เจ้าอยู่ระดับเจ็ดก็ทำอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้นก็เท่านั้น”

“นังสารเลว”

จิตสังหารปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดกลัวและจ้องมองผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย “มีข้าคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ากุญแจไขโซ่ตรวนของเขาอยู่ที่ไหน ถ้าข้าตาย นายน้อยแห่งเผ่าเพลิงฟ้าก็จะมีโซ่ตรวนพันธนาการไปตลอดชีวิต”

“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าทรมานเหมือนตายทั้งเป็น”

“บังเอิญว่าข้าทนได้ทุกอย่าง แต่ที่ทนไม่ได้อย่างเดียวคือทนถูกเอาเปรียบ ถ้าเจ้าทำให้ข้าทรมานเหมือนตายทั้งเป็น เช่นนั้นข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าได้แตะต้องไข่มุกมังกรอีกเลยตลอดชีวิต”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยเงื้อมือขึ้นเตรียมจะจัดการกู้ชูหน่วน

ทว่าผู้อาวุโสสูงสุดอีกคนห้ามเขาไว้และจ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่ลุ่มลึก

“เจ้าคือกู้ชูหน่วนผู้ก่อเรื่องวุ่นวายที่เผ่าเพลิงฟ้าใช่หรือไม่”

“ใช่”

“เจ้าช่างอาจหาญยิ่งนัก นานนับพันปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องที่เผ่าเพลิงฟ้า”

“สักวันต้องมีคนทำลายสถิติอยู่ดี”

“เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าหยก หรือว่า…เจ้าคือหัวเผ่าหยกคนถัดมา”

เมื่อพูดถึงหัวหน้าเผ่าหยกคนถัดมา ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองก็ไม่ระงับจิตสังหารไว้อีกต่อไป ราวกับว่าถ้ากู้ชูหน่วนตอบว่าใช่ พวกเขาจะกำจัดนางให้หายไปไม่เหลือซาก

เพียงแต่มีเหตุผลทำให้คิดว่าไม่น่าจะใช่ นั่นก็คือนางอ่อนแอเกินไป

เผ่าหยกไม่มีทางปล่อยให้คนที่เพิ่งเข้าถึงระดับสี่เป็นหัวหน้าเผ่าแน่

นอกจากนี้หัวหน้าเผ่าหยกยังเป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับเจ็ด

“เรามาเจรจากันดีกว่า”

“ฮึ…เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับพวกเข้าด้วยรึ”

“ไข่มุกมังกร เหวินเส่าอี๋ รวมถึงปากทางเข้าเผ่าหยก”

ทั้งสามสิ่งนี้ ไม่ว่าสิ่งไหนก็ดึงดูดใจผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองได้ทั้งนั้น

เสี่ยวลู่เงยหน้ามองกู้ชูหน่วน ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายของนางคิดจะทำอะไรกันแน่

แต่นางเชื่อว่าต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผู้เป็นนายของนางก็ไม่มีทางให้ไข่มุกมังกรหรือบอกทางเข้าเผ่าหยกแก่พวกเขา

“เจ้าต้องการอะไร” ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยถาม

“ง่ายมาก แค่ให้พวกเขาสามคนออกไปก่อน”

นิ้วขาวเรียวของกู้ชูหน่วนชี้ไปทางเสี่ยวลู่ เจี้ยงเสวี่ยและเยี่ยจิ่งหาน

“สองคนนั้นไปได้ แต่เยี่ยจิ่งหานต้องอยู่”

“ถ้าเยี่ยจิ่งหานอยู่ การเจรจาคงต้องสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้” กู้ชูหน่วนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองมองหน้ากันราวกับกำลังคิดว่าควรปล่อยเยี่ยจิ่งหานไปหรือไม่

ทันใดนั้นผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็พูดขึ้นมาว่า “นายน้อย เหตุใดท่านจึงใช้ร่มช่วยแม่ปีศาจสาวผู้นี้ไว้”

ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ทุกคนก็พุ่งความสนใจไปที่เหวินเส่าอี๋

พวกเขาอยากจะถามตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

เหวินเส่าอี๋กับพวกนั้นเป็นเหมือนน้ำกับไฟ พวกนั้นทรมานเขาถึงขนาดนี้ ด้วยฐานะของเขา เขาไม่จำเป็นต้องช่วยนางเลย

เหวินเส่าอี๋จับร่มไว้แน่น ริมฝีปากบางของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อยและคิดจะอธิบาย ทว่ากู้ชูหน่วนชิงพูดขึ้นมาก่อน

“เพราะมีเพียงข้าคนเดียวที่ปลดพันธนาการโซ่ตรวนของเขาได้ ถ้าข้าตาย เขาจะต้องพกความอัปยศนี้ไปชั่วชีวิต นอกจากนั้น ข้ายังวางยาพิษเขาไว้แล้ว…”

วางยาพิษ?

มีการวางยาพิษจริงๆ รึ

เหตุใดเขาจึงไม่รู้สึกถึงพิษในร่างกายเลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวลู่และคนอื่นๆ งงงันเล็กน้อย

นายท่านวางยาเหวินเส่าอี๋ตั้งแต่เมื่อใดกัน

เหตุใดพวกนางจึงมองไม่เห็น

แม้แต่เหวินเส่าอี๋ก็ยังสงสัยว่ากู้ชูหน่วนพูดจริงหรือแค่โกหก

นางวางยาพิษจริงๆ รึ หรือว่านางแค่ขู่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง

ถ้านางแค่ขู่ผู้อาวุโสสูงสุดจริงๆ นางไม่กลัวจะถูกเปิดโปงหรืออย่างไร

“ทำไม ไม่เชื่อรึ เช่นนั้นท่านถกแขนเสื้อออกดูสิ ดูที่ข้อมือของท่าน”

เหวินเส่าอี๋เลิกแขนเสื้อออกดูอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บนข้อมือของเขามีรอยคราบงูอยู่จริงๆ

คราบงูนั้นมีสีน้ำตาลเข้มเหมือนของจริง ดูคล้ายกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นอย่างมาก

“ท่านลองดูจุดตันเถียนของตัวเองดีๆ แล้วหรือยัง”

เหวินเส่าอี๋ตรวจสอบจุดตันเถียนของตัวเองและพบว่ามันเจ็บจนเขาหายใจแทบไม่ออก

ผู้หญิงคนนี้ฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่รู้ตัววางยาเขาจริงๆ

กู้ชูหน่วนเอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าวางยาพิษแบบให้รู้ตัว เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าเป็นปรมาจารย์แห่งพิษนะสิ”

“…..”

“นายน้อย กำลังภายในของท่านเล่า เหตุใดจึงอ่อนแรงเช่นนี้”

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองต่างอยู่ในระดับหก ทันทีที่เหวินเส่าอี๋ตรวจจุดตันเถียน พวกเขาก็รู้ทันทีว่าวิทยายุทธของเหวินเส่าอี๋เหลืออยู่แค่ไหน

เหวินเส่าอี๋ยิ้มอย่างขมขื่น “เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย และข้าสูญเสียวรยุทธ…ไปบางส่วน”

นี่เรียกว่าสูญเสียไปบางส่วนรึ

แบบนี้ควรจะเรียกว่าสูญเสียไปทั้งหมดด้วยซ้ำ ตอนนี้เขามีพลังอยู่แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น

แม้แต่สาวกระดับล่างของเผ่าเพลิงฟ้ายังมีวิทยายุทธแข็งแกร่งกว่าระดับหนึ่ง

เขาที่มีฐานะเป็นถึงนายน้อยแห่งเผ่าเพลิงฟ้ากลับถูกคนอื่นทำลายวรยุทธจนเหลือแค่เพียงระดับหนึ่ง นี่มันหยามหน้าเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาโดยแท้

“นังสารเลว”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยปลดปล่อยไอสังหาร ทันทีที่เขากำมือขวา ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมา จิตสังหารทับถมเป็นชั้นๆ และแผ่นองไปเกือบทั่วทั้งผืนป่า

เหวินเส่าอี๋รีบอธิบายว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู้ชูหน่วน เป็นข้าที่สูญเสียวรยุทธไปเอง พวกเรา…ยังต้องพุ่งเป้าไปที่ไข่มุกมังกร เรื่องวรยุทธของข้า พวกท่านค่อยกลับมาคิดหาวิธีฟื้นฟูในภายหลังเถิด”