กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 669
“ข้าต้องการทั้งไข่มุกมังกรและพวกเขา” ความโกรธพุ่งออกมาจากนัยน์ตาของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย

“นางมีความรู้เรื่องพิษอย่างลึกซึ้ง และรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็รู้ดี หากนางตาย เช่นนั้นก็ไม่มีใครสามารถถอนพิษของข้าได้ เผ่าหยกได้ไข่มุกไปหกเม็ดแล้ว หากพวกเขาได้ไข่มุกมังกรเม็ดสุดท้ายไป เช่นนั้นเผ่าหยกก็จะกลายเป็นเสี้ยนหนามที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้า

เหวินเส่าอี๋เป็นคนสุขุมมาแต่ไหนแต่ไร และไม่ใช่คนที่กลัวตาย

แต่วันนี้เขาพูดกับพวกเขาเช่นนี้

หรือว่าเรื่องต่าง ๆ จะไกลเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้?

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ซีดขาวและร่างกายที่สั่นเทาของเหวินเส่าอี๋ พิษที่ข้อมือของเขาเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน

หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายครั้ง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองก็ต้องทบทวนอีกครั้งว่าจะเก็บกู้ชูหน่วนไว้หรือไม่

กู้ชูหน่วนก็ไม่เข้าใจ มีตาแก่ตายยากทั้งสองคนนี้อยู่ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เหวินเส่าอี๋จะจัดการพวกเขา

เขาช่วยนางเพราะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?

หรือว่าช่วยนางด้วยความบริสุทธิ์ใจ?

เขาเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า จะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของเผ่าได้อย่างไร?

แม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่กู้ชูหน่วนก็ยังคงกล่าวว่า “วรยุทธของข้าเพียงแค่ระดับสี่เท่านั้น แต่พวกท่านล้วนมีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหก หากต้องการจะฆ่าข้า ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่เหวินเส่าอี๋มีเพียงชีวิตเดียว และอีกอย่างไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดก็มีเพียงเม็ดเดียว พวกท่านค่อย ๆ คิดทบทวนดูให้ดีเถอะ ว่าชีวิตของข้ามีค่ามากกว่าไข่มุกมังกรหรือไม่?”

“ปล่อยพวกเขาไป” ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่กล่าวอย่างเย็นชา

“ฝนตกหนักเช่นนี้ พวกเขาจะไปได้อย่างไร?หากพวกเขาล้ม แล้วจะฆ่าตายอยู่ที่นี่หรือ? หรือหากพายุฝนแรงขึ้นกว่านี้ แล้วร่มของพวกเขาปลิวไปจะทำอย่างไร?”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยโบกมือขวา พายุฝนก็หยุดลงในทันที และเมฆดำบนท้องฟ้าก็ลอยออกไป ท้องฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนขยิบตาให้เสี่ยวลู่และเจี้ยงเสวี่ย “พาเยี่ยจิ่งหานไปให้ไกลที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

“นายท่าน……”

“พระชายา……”

“นี่เป็นคำสั่ง เร็วเข้า……”

กู้ชูหน่วนไม่อาจชักช้าได้

วรยุทธของตาแก่ตายยากทั้งสองคนนี้สูงส่ง ถูกนางหลอกเช่นนี้

ยากที่จะรับรองได้ว่าจะไม่ตอบโต้ หากตอบโต้ พวกเขาทั้งหมดก็คงจะหนีไม่พ้น

“พระชายา หากนายท่านฟื้นขึ้นมา แล้วรู้ว่าผู้น้อยพาแค่เขาจากไป และไม่ได้ปกป้องท่าน นายท่านไม่มีทางให้อภัยผู้น้อยอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า ต้องการจะผลักเยี่ยจิ่งหานกลับเข้าไปในกองไฟงั้นหรือ?”

“ผู้น้อยไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ผู้น้อยเพียง……”

“เอาล่ะ มั่วชักช้าอะไรอยู่ รีบไปเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธแล้ว”

กู้ชูหน่วนให้ขยิบตาให้เสี่ยวลู่อีกครั้ง

เสี่ยวลู่เข้าใจ จากนั้นก็ดึงเจี้ยงเสวี่ยและพาเยี่ยจิ่งหานออกไปอย่างรวดเร็ว “ไปกันเถอะ นายท่านกล่าวเช่นนี้ นางย่อมมีเหตุผลของตัวเอง”

เจี้ยงเสวี่ยกัดฟันและรีบแบกเยี่ยจิ่งหานตะบึงจากไป

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ในป่าก็มีเพียงกู้ชูหน่วน หวินเส่าอี๋ และผู้อาวุโสสูงสุดสองคนของเผ่าเพลิงฟ้า

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยกล่าวว่า “ไข่มุกมังกรกับยาถอนพิษล่ะ ควรจะมอบออกมาได้แล้ว”

“จะรีบร้อนไปไหน พวกเขาเดินช้าและยังพาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย ให้พวกเขาจากไปไกลสักหน่อยเถิด”

“พวกเขาจากไปนานเป็นเวลาครึ่งก้านธูปแล้ว”

“วิชาตัวเบาของพวกท่านสูงส่งขนาดนั้น เวลาเพียงแค่ครึ่งก้านธูป ไม่นานพวกท่านก็ตามไปทันแล้ว”

“เจ้าจงใจถ่วงเวลาใช่หรือไม่?”

เดิมทีผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองไม่ต้องการเร่งรัดนาง แต่เมื่อพวกเขาไม่เร่งรัด นางก็นั่งไขว้ขา นอนฮัมเพลงอยู่บนต้นไม้ใหญ่ และหลับตาพักผ่อนอย่างสบายใจ โดยไม่สนใจพวกเขา ราวกับมาเที่ยวพักผ่อน

“สองก้านธูปแล้ว ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่ส่งไข่มุกมังกรและยาถอนพิษออกมา ข้ารับรองได้ว่าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตายไปเสียดีกว่า”

เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว

นานขนาดนี้แล้ว ทำไมลูกน้องของกู้ชูหน่วนถึงยังไม่ได้มาสมทบอีก

หากรอให้ผู้อาวุโสสูงสุดลงมือ นางคงจะไม่มีชีวิตรอด

กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าการรอมานานกว่าหนึ่งชั่วยามนั้น เกินขีดความอดทนของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองแห่งเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว หากยั้งถ่วงเวลาต่อไป จะไม่เป็นผลดีกับนาง

นางค่อย ๆ ลุกขึ้น และปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าของตนเอง และมองไปยังทิศทางที่เจี้ยงเสวี่ยและคนอื่น ๆ จากไป

จากไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว น่าจะปลอดภัยแล้ว

กู้ชูหน่วนโยนขวดยาให้ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย “นี่เป็นยาถอนพิษ กินวันละเม็ดติดต่อกันเป็นเวลาสามวัน พิษในร่างกายของเหวินเส่าอี๋ก็จะหมดไป”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยดมยาถอนพิษ แต่จากประสบการณ์หลายปีของเขา เขาไม่รู้เลยว่าในยาถอนพิษนี้ มีส่วนของผสมสมุนไพรอะไรบ้าง

“หากเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย เจ้าจะต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ

ประหารเก้าชั่วโคตร?

นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเก้าชั่วโคตรของนางอยู่ที่ไหน

“เส่าอี๋ เจ้ามานี่สิ”

เหวินเส่าอี๋มองไปที่กู้ชูหน่วน แล้วมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง จากนั้นก็เก็บร่มและค่อย ๆ เดินไปหาผู้อาวุโสสูงสุด

“เส่าอี๋มีความผิด ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองต้องเป็นกังวลแล้ว”

แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองของเผ่าเพลิงฟ้าจะโหดเหี้ยมไร้ความปรานี แต่พวกเขาก็เลี้ยงดูเหวินเส่าอี๋มาตั้งแต่เด็ก และความสามารถของเขา ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเขาที่ถ่ายทอดให้ด้วยตนเอง

และเขาเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขามาโดยตลอด

จนกระทั่งวันนี้ บุตรสวรรค์ผู้นี้ได้ถูกทำลายวรยุทธจนเหลือเพียงระดับหนึ่ง อีกทั้งยังถูกล่ามโซ่ไว้ จะไม่ให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดใจได้อย่างไร

“ผู้อาวุโสจะระบายความแค้นแทนเจ้าเอง”

ประโยคนี้แทบจะอ้างความเป็นเจ้าของ

ใครก็ตามที่สร้างความอับอายและทำร้ายเหวินเส่าอี๋ พวกเขาจะต้องล้างแค้นด้วยเลือด

ปากของเหวินเส่าอี๋ขมุบขมิบ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

“ไข่มุกมังกรกับกุญแจล่ะ?”

“กุญแจอยู่ที่หอวิญญาณทมิฬ ส่วนไข่มุกมังกร……ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะแย่งไข่มุกมังกรไป ดังนั้นข้าจึงซ่อนมันไว้ในที่ที่ปลอดภัย”

“ที่ไหน?”

“ก็ยังคงเป็นหอวิญญาณทมิฬ”

หอวิญญาณทมิฬ?

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองมองหน้ากัน ราวกับว่าไม่ค่อยเข้าใจว่าหอวิญญาณทมิฬคือที่ไหน?

พวกเขาไม่ได้ก้าวออกมาจากเผ่าเพลิงฟ้าเป็นเวลาหลายสิบกว่าปีแล้ว และไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในเผ่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมากนัก

เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขา กู้ชูหน่วนก็ยิ่งแน่ใจว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงแอบก่อตั้งหอวิญญาณทมิฬขึ้นมาอย่างลับ ๆ

เหวินเส่าอี๋อธิบาย “หอวิญญาณทมิฬเป็นองค์กรมือสังหาร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวนับหลายครั้งในยุทธภพ วรยุทธของพวกเขาแข็งแกร่งและน่ากลัว เพียงแต่พวกเขาต้องการจะสังหาร ก็ไม่มีคำว่าทำไม่สำเร็จ ไม่ได้ฆ่า แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ถูกกู้ชูหน่วนทำลาย”

ผู้อาวุโสสูงสุดไม่สนใจหอวิญญาณทมิฬ พวกเขาสนใจเพียงแค่ไข่มุกมังกรและกุญแจเท่านั้น

“เช่นนั้นก็พาพวกเราไปเอาไข่มุกมังกรและกุญแจที่หอวิญญาณทมิฬ”

“ตกลง……”

กู้ชูหน่วนยกมุมปากขึ้น และพาพวกเขาไปนังหอวิญญาณทมิฬ

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองสงสัยว่านางอาจจะกำลังโกหก แต่เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่ว่านางจะเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ในสายตาของพวกเขาก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

เหวินเส่าอี๋ไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

เห็นได้ชัดว่าไข่มุกมังกรเม็ดนั้นถูกเก็บไว้ในวงแหวนอวกาศของนาง แต่นางก็ยังพาพวกเขาไปที่หอวิญญาณทมิฬ

หญิงผู้นี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ลอบโจมตีเพื่อขุดรากถอนโคนท่านผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง?

ในโลกนี้จะมีใครสามารถจัดการผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองได้อีก นอกเสียจากว่ายอดฝีมือระดับเจ็ดจะปรากฏตัว

หากเป็นไปอย่างที่เขาพูด ดูเหมือนว่าในเผ่าหยกผู้ที่มีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหก จะมีเพียงผู้อาวุโสสูงเท่านั้น

เพียงแต่เผ่าหยกลึกลับ ในโลกนี้ไม่มีใครรู้ว่าในเผ่าหยกของพวกเขา ยังมีผู้อาวุโสสูงอยู่หรือไม่

หากมี เช่นนั้นก็อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก