บทที่ 1532+1533

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1532 เอาตัวเป็นที่ตั้งกันถึงเพียงนี้!

บนลานนั้นมีเสามังกรขนดสูงเสียดฟ้าอยู่สี่ต้น บนเสามังกรขนดมีโซ่สีทองอยู่ เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันพร่าเลือนแวบหนึ่ง ตัวคนก็ถูกมัดไว้บนเสามังกรขนดต้นนั้นแล้ว

เธอตกตะลึง รีบโคจรพลังวิญญาณดิ้นรนทันที

ยามนี้พลังวิญญาณของเธอสูงส่งยิ่งนักแล้ว ต่อให้เป็นตรวนเหล็กไหลก็สามารถดิ้นให้ขาดในครั้งเดียวได้

แต่ไม่ทราบเช่นกันว่าตรวนสีทองนี้ทำมาจากวัสดุชนิดใด เธอดิ้นรนอยู่พักใหญ่ก็ดิ้นให้ขาดไม่ได้ กลับทำให้ตรวนเส้นนั้นรัดร่างแน่นขึ้นเรื่อยๆ รัดจนเธอหายใจแทยไม่ออก

เธอไม่หลับหูหลับตาดิ้นแล้ว รีบใช้เคล็ดหดกระดูกทันที ผลคือตรวนเส้นนั้นสามารถยืดหดได้ตามขนาดตัวเธอ โซ่ตรวนสีทองเส้นนั้นยังคงรัดพันตัวเธออย่างแน่นหนาอยู่เช่นเดิม

เธอใช้วิธีสะเดาะตรวนหลากหลายวิธีติดต่อกันอยู่หลายครั้ง ผลคือไม่มีประโยชน์เลย หน้าผากเธอมีเหงื่อผุดขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่ไตร่ตรองอยู่ว่าลองดูอีกสักวิธีดีไหม จู่ๆ ก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ เงยหน้าขึ้นในทันใด สายตาจดจ้อง ณ ตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

ตำแหน่งมีเงาร่างสีทองสายหนึ่งยืนอยู่ เงานั้นคล้ายว่ามิใช่คนจริงๆ แต่เหมือนภาพฉายห้ามิติ ให้ความรู้สึกว่ามีอยู่แต่จับต้องไม่ได้ กู้ซีจิ่วถึงขั้นที่มองไม่เห็นว่าโฉมหน้าของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร และแยกแยะไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นเงาร่างที่ไม่มีตัวตนสายหนึ่ง แต่กู้ซีจิ่วยังคงสัมผัสถึงสายตาที่ราวกับจะแผดเผาตัวคนของอีกฝ่ายได้ โซ่ตรวนรัดแน่นอยู่บนร่างของเธอ ให้ความรู้สึกคล้ายว่ากำลังจะถูกตัดสินโทษอยู่บ้าง

กู้ซีจิ่วไม่ดิ้นรนแล้ว เชิดหน้าสบตากับเงานั้น “เจ้าเป็นใคร?”

เงานั้นจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “กู้ซีจิ่วสินะ? เจ้าช่างขวัญกล้านัก! เจ้าทราบความผิดหรือไม่?” เสียงนั้นแผ่วหวิวเลือนราง ทำให้คนแยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

กู้ซีจิ่วช้อนตามองเขา (หรืออาจจะนาง) “ความผิดอะไร?”

“สังหารเซียน!”

กู้ซีจิ่วคล้ายจะเข้าใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูดถึงเซียนหญิงลี่หวางนายบ่าวคู่นั้นหรือ?”

“มิผิด! ดูท่าเจ้าเองก็ทราบฐานะของพวกเขาแล้ว เจ้ายังกล้าสังหารพวกเขาอีก!”

กู้ซีจิ่วยกมุมปากขึ้น “พวกเขาก่อความวุ่นวายในดินแดนเบื้องล่าง ช่วยเหลือมารร้ายนอกรีตเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เซียนเช่นนี้มีอันใดแตกต่างกับมารร้ายนอกรีตเล่า? ข้าสังหารพวกเขาเป็นการลงทัณฑ์แทนสวรรค์!”

น้ำเสียงของเงานั้นเยียบเย็นลง “ไม่ว่าพวกเขาจะกระทำความชั่วใด ก็ต้องลงโทษตามกฎของเซียน เจ้านับว่าเป็นตัวอันใด? เป็นเพียงเซียนดินต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น อาศัยคุณสมบัติใดมาลงทัณฑ์แทนสวรรค์กัน?! กู้ซีจิ่ว เซียนลี่หวางนายบ่าวไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนของดินแดนเบื้องบน สูงศักดิ์กว่าคนจากดินแดนเบื้องล่างอย่างพวกเจ้า ต่อให้นางสังหารคนดินแดนเบื้องล่างขอเจ้าจนสิ้น พวกเจ้าก็ไม่อาจแตะต้องนางได้แม้แต่ปลายนิ้ว!”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว

ที่แท้คนของดินแดนเบื้องบนก็เอาตัวเป็นที่ตั้งกันถึงเพียงนี้!

มิน่าล่ะเซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นถึงได้วางท่าสูงส่งเหนือปวงชน ที่แท้ก็ถูกที่นี่ล้างสมองนี่เอง!

กู้ซีจิ่วเลิกกคิ้ว “เจ้าเป็นจักรพรรดิของดินแดนเบื้องบนหรือ?”

เงานั้นหัวเราะหยัน “ลงโทษเซียนดินตัวเล็กๆ อย่างเจ้า ไหนเลยต้องให้ฝ่าบาทออกโรงเอง? ข้าคือเซียนผู้ลงทัณฑ์ของดินแดนเบื้องบน!”

กู้ซีจิ่วมองตรวนทองบนร่างตน “ท่านผู้สูงศักดิ์คิดจะลงโทษข้าอย่างไรเล่า?”

เงานั้นกล่าวว่า “เห็นแก่ที่เจ้าไม่ใช่ตัวการหลัก เป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด จะลงโทษให้เจ้ารับอัสนีทองสายหนึ่ง! เพื่อตักเตือนมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง!”

ช่วงที่พูดอยู่ แสงสีทองได้ผุดวาบขึ้นในมือของเงานั้น กลายเป็นลูกแสงขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง ลูกแสงนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ คล้ายว่าจะก่อเป็นฟ้าผ่า!

กู้ซีจิ่วใจหายวาบ นี่ก็คือทัณฑ์อัสนีสวรรค์ใช่หรือไม่?

ตนจะถูกสายฟ้าเส้นนี้ผ่าจนกลายเป็นจุณหรือเปล่า?

เวลานี้เธอไม่มีที่ให้หลบหลีก และไม่อาจหลีกหนีได้ ทำได้เพียงโคจรพลังวิญญาณคุ้มกายอย่างรวดเร็ว…

ลูกแสงสีทองในมือของเงานั้นเจิดจ้าแยงตา สาดแสงดั่งตะวันดวงน้อย ลอยขึ้นสู่ฟ้า

หมุนวนอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็พุ่งลงมาในทันใด พุ่งใส่กลางกระหม่อมของกู้ซีจิ่ว!

————————————————————————————-

บทที่ 1533 ส่งวิญญาณ 1

ลมโหมกรรโชก แสบร้อนปะทะใบหน้า ความรู้สึกนั้นเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ตกลงมากลางกระหม่อม ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกเผาจนไหม้เกรียมแล้ว…

เธอหลับตาลง เตรียมกัดฟันเพื่อรับการโจมตีนี้!

“กู้ซีจิ่ว!” จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนที่คุ้นเคยส่งผ่านมาในหูของเธอ เธอตกใจพลัน ในขณะเดียวกัน ลำแสงสีทองนั้นก็พุ่งเข้าชน ร่างกายเธอทั้งแสบร้อนและเจ็บปวดอย่างเฉียบพลัน แต่แล้วเธอจมลงสู่เบื้องล่าง…

ทุกอย่างตรงหน้ากระจัดกระจายหายไปราวกับเมฆาลอยล่อง เธอลืมตาขึ้นในทันใด พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนอน มีดินแดนเบื้องบนกับเซียนลงทัณฑ์อะไรที่ไหนกัน?

เธอยังคงหวาดกลัวอยู่ เมื่อสักครู่คือความฝัน? หรือว่าวิญญาณตัวเองออกจากร่างแล้วถูกพาขึ้นไปดินแดนเบื้องบนอะไรนั้นจริงๆ?

เธอหลับตารับรู้ถึงร่างกายสักหน่อย ทว่ากลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอันใด

หากตัวเองถูกอัสนีทองอะไรนั่นพุ่งเข้าชนแล้วจริงๆ ก็ควรจะมีความรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักกระมัง?

หรือว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝันจริงๆ?

บางทีเสียงตะโกนประหนึ่งสาปแช่งของคนยักษ์เกราะทองก่อนตายหลงเหลือเป็นเงามืดในใจเธอ ทำให้เธอฝันประหลาดเช่นนี้

เธอยังไม่วางใจ นั่งสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง โคจรพลังวิญญาณภายในร่างกายรอบหนึ่ง ยังคงไม่พบเจออะไรผิดปกติ ถึงคลายกังวลได้อย่างแท้จริง

เป็นแค่ความฝันว่างเปล่าไม่มีอะไรจริงๆ นี่ เมื่อสักครู่ตอนลำแสงสีทองพุ่งเข้ามา เธอกลับยังได้ยินเสียงตี้ฝูอีเรียกเธอครั้งหนึ่ง เสียงนั้นราวกับเสียงพระพุทธเจ้าดังกึกก้อง ทำให้ทั้งร่างกายเธอสั่นสะท้าน ตกใจจนถูกปลุกให้ตื่นในทันใด…

เธอมองดูรอบๆ ภายในห้องมีแต่ตัวเธอเอง ไม่มีแม้แต่เงาของตี้ฝูอี เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มาเลย

เธอมองดูท้องฟ้าด้านนอก ยังคงมืดสนิทยิ่งนัก แล้วหันมามองนาฬิกาทรายอีกครั้ง เป็นเวลายามกะห้า เวลายังเช้าอยู่ แต่เธอกลับไม่อยากนอนต่อแล้ว จึงนั่งสมาธิอยู่อีกนานสองนาน

การนั่งสมาธิครั้งนี้ยาวนานเป็นพิเศษ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว ดวงอาทิตย์ทอแสงขึ้นสูง

ยันต์ถ่ายทอดเสียงข้างกายส่องแสงไม่หยุดหย่อน หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว นี่เป็นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ใช้ระหว่างเธอกับตี้ฝูอีโดยเฉพาะ ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาก่อนแล้ว?

เดิมทีกู้ซีจิ่วอยากจะหมางเมินเขาสักครา ไม่รับสายสักสองสามครั้ง ทว่าก็กลัวว่าเขาจะมีเรื่องอันใดเร่งด่วนจริงๆ ดังนั้นจึงรับสายแล้ว

“ซีจิ่ว วันนี้ไปเจ้าไปอำนวยการส่งวิญญาณอาฆาตในกำแพงวิญญาณอาฆาตเถิด หากไม่ส่งวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นในวันนี้ก็จะสายไปเสียแล้ว พวกมันจะไม่มีโอกาสไปเกิดใหม่ได้อีก ทำได้เพียงรอให้สวรรค์ลงทัณฑ์จนวิญญาณพวกมันแตกสลาย” เมื่อตี้ฝูอีเอ่ยปากก็สั่งการออกมาเป็นชุด ไม่มีคำทักทายใดๆ ทั้งสิ้น

กู้ซีจิ่วชะงักงัน “ท่านเล่า?” เรื่องการส่งวิญญาณอาฆาตไม่ควรเป็นเขาทำเองหรอกหรือ?

“ข้ายังมีธุระอื่นต้องทำ ปลีกตัวไปไม่ได้ชั่วขณะ เด็กดี เจ้าไปอำนวยการพิธีส่งวิญญาณนี้ ข้าให้สานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่ท่านช่วยเหลือเจ้า สิ่งต่างๆ ล้วนเตรียมไว้พร้อมสรรพ เจ้าเพียงทำตามขั้นตอนที่ข้าบอก”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ตี้ฝูอีสอนวิธีการส่งวิญญาณให้เธอจริงๆ หากแค่เพียงส่งวิญญาณแปดดวงหรือสิบดวง เธอย่อมไม่มีปัญหาอันใด ทว่าภายในกำแพงวิญญาณอาฆาตมีวิญญาณอาฆาตหนึ่งแสนดวงที่ถูกปิดผนึกไว้! หากคิดจะส่งพวกมัน จำเป็นต้องปล่อยพวกมันออกมาก่อน…

ด้วยพลังวิญญาณของเธอ ส่งวิญญาณพวกมันเกรงว่าจะแค่กล้อมแกล้มไปได้บ้าง

เธอพูดความกังวลของเธอออกมา ตี้ฝูอีอมยิ้ม “วางใจเถิด ข้าจะสอนค่ายกลส่งวิญญาณให้เจ้า เจ้าเริ่มใช้ค่ายกลใหญ่ส่งวิญญาณก็ได้ ถึงแม้จะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอยู่ไม่น้อย แต่ไม่มีทางเป็นอันตราย…”

เขาไม่รอให้กู้ซีจิ่วพูดจาอันใดก็บอกจุดสำคัญของการจัดวางค่ายกลใหญ่นั้นผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง

อย่างไรเสีย กู้ซีจิ่วกับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมาแปดปีแล้ว ศัพท์เฉพาะมากมายของเขา แค่ฟังเธอก็เข้าใจแล้ว อีกทั้งเธอก็เฉลียวฉลาด ฟังเพียงรอบเดียวก็ทำเป็นแล้ว

————————————————————————————