บทที่ 1534+1535

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1534 ปลดปล่อยวิญญาณ 2

ตี้ฝูอีไม่วางใจ เขาให้นางทวนซ้ำอีกรอบหนึ่งหลังจากเขาพูดจบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอันใดผิดพลาดจึงได้วางใจ “ซีจิ่ว ไปเตรียมตัวเถิด ข้ารอฟังข่าวดีจากเจ้า”

กู้ซีจิ่วพยายามอดทน ทว่ากลับอดทนไม่ไหว “ท่านบอกว่าวันนี้จะมาหาข้าไม่ใช่หรือ? ไม่มาแล้วหรือ?”

“เด็กดี วันนี้ข้าไม่มีเวลาจริงๆ พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกเราค่อยเจอกัน” น้ำเสียงของตี้ฝูอีอ่อนโยนทว่าทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้

“ท่านมีเรื่องอันใดกันแน่? ท่านอยู่ที่ไหน?” กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขามีอะไรปิดบังตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ตี้ฝูอีไม่พูดจาอันใด กู้ซีจิ่วรอตั้งนานจนไม่รอให้เขาตอบกลับแล้ว ขบเม้มริมฝีปาก “คงมิใช่ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้อะไรอีกหรอกนะ?”

“ปราดเปรื่อง!” ตี้ฝูอีกล่าวชมนางหนึ่งคำ “เอาล่ะ สายมากแล้ว รีบไปเตรียมตัวเถิด อย่าผิดเวลานะ” เมื่อพูดประโยคนี้จบ ตี้ฝูอีก็ตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียงทันที

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงมองยันต์ถ่ายทอดเสียงในมือ รู้สึกเดือดดาลในใจอย่างมิอาจอธิบายได้

ลิขิตสวรรค์! ลิขิตสวรรค์! เธอเกลียดคำคำนี้!

สิ่งใดที่เขาไม่อยากพูดล้วนเป็นลิขิตสวรรค์!

เธอรู้สึกเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ นึกไม่ถึงว่าฝ่ามือเธอกลับมีไฟลุกขึ้น…

เมื่อเธอรู้สึกตัว ยันต์ถ่ายทอดเสียงนั้นก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นผุยผงแล้ว

เธอนิ่งอึ้ง

เอาเถิด ดูเหมือนพระเจ้าก็ไม่อยากให้เธอกับเขาติดต่อใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจนเกินไป จึงทำลายตัวเชื่อมการติดต่อเพียงหนึ่งเดียวในยามนี้เสีย

ถึงแม้เธอเป็นคนสร้างยันต์ถ่ายทอดเสียงชนิดนี้ขึ้นมาเอง ทว่าการสร้างของสิ่งนี้ต้องใช้เวลา อย่างน้อยสามวันถึงจะสร้างอันใหม่ออกมาได้ ตี้ฝูอีคงทนไม่ไหวที่จะไม่ได้ติดต่อเธอสามวันกระมัง? หากเขาติดต่อไม่ได้ก็ย่อมมาหาเธอ…

เธอลุกพรวดขึ้นมา เริ่มอาบน้ำแต่งตัว

การส่งวิญญาณอาฆาตต้องไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงกล้า เช่นนั้นก็ไม่ใช่การส่งวิญญาณแล้ว จะทำให้วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ถูกแสงแดดแผดเผาจนวิญญาณแตกสลาย

แต่ก็ไม่อาจไร้ซึ่งดวงอาทิตย์ หากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไอหยินหนาแน่นมากขึ้น พลังของวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นจะเพิ่มพูน ถึงเวลานั้นเธอไม่เพียงแต่ส่งวิญญาณพวกมันไม่ได้เท่านั้น บางทีอาจถูกพวกมันส่งวิญญาณแทน

เนื่องด้วยเหตุผลทั้งสองที่กล่าวมา สิ่งที่กู้ซีจิ่วต้องทำในพิธีส่งวิญญาณนี้ก็คือเลือกช่วงเวลายามอาทิตย์อัสดง ตะวันลับขอบฟ้าไปกึ่งหนึ่ง

ตะวันยอแสงอำพัน หมอกวสันต์สีชาดอบอวล

แท่นสูงแท่นหนึ่งถูกสร้างขึ้น ณ ทางเหนือของคฤหาสน์ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม

แท่นสูงสูงประมาณสามจั้ง ด้านบนติดตั้งเสาหลักเก้าต้นตามหลักยันต์แปดทิศ ภายใต้เสาหลักทุกต้นล้วนมีสาวกแปดคน ทุกคนล้วนสวมชุดพิธี ยืนล้อมวงอย่างมั่นคง

สานุศิษย์สวรรค์สี่ท่านยืนอยู่ทั้งสี่มุมของแท่นสูง หลงซือเย่ ฮวาอู๋เหยียน เชียนเยวี่ยหร่าน เทียนจี้เยวี่ย

พวกเขาก็สวมใส่ชุดพิธีของตนมาเช่นกัน โบกสะบัดพลิ้วไหวยามลมพัด ราวกับจะโบยบินขึ้นไปตามสายลม

กู้ซีจิ่วยืนอยู่จุดศูนย์กลางของแท่นสูง สวมชุดพิธีขาวดุจหิมะ เส้นผมปล่อยยาว มือถือกระบี่ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างทรงพลัง

เบื้องล่างของแท่นสูง นักรบองอาจสง่างามแปดกลุ่มยืนตามจุดต่างๆ แต่ละคนกล้าหาญชาญชัย เปี่ยมด้วยพลังหยาง

ในหนึ่งกลุ่มมีหนึ่งร้อยคน แต่ละกลุ่มสวมเสื้อเกราะสีสันแตกต่างกัน คนแปดกลุ่ม เสื้อเกราะแปดสี โอบล้อมแท่นสูงไว้ตรงกลาง

เนื่องจากต้องใช้กำลังคนจำนวนมากในพิธีส่งวิญญาณครั้งนี้ จึงเกือบทำให้ชาวบ้านในเมืองหลวงตื่นตระหนก ทุกคนต่างทยอยหลั่งไหลกันเข้ามา

แน่นอนว่าโดยรอบของแท่นสูงมีกองกำลังทหารดูแลความสงบเรียบร้อย พวกชาวบ้านยืนอยู่วงนอกมองดูบนแท่นสูงจากที่ห่างไกล

ถึงแม้ระยะทางค่อนข้างไกล ทว่าทุกคนยังคงมองเห็นผู้อำนวยการของพิธีส่งวิญญาณนี้อย่างชัดเจน

กู้ซีจิ่วในชุดพิธีขาวดุจหิมะ ดูโดดเด่นเหนือธรรมดา เกศาดำอาภรณ์ขาว ใบหน้าสง่างามเยือกเย็น มีกลิ่นอายบางอย่างเมื่อยืนอยู่ด้านบนนั้น

เธอผู้นี้ไม่ใช่หญิงสาวที่โดนกลั่นแกล้งในตอนนั้นอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าท่าทางของเธอสงบเยือกเย็นยิ่งนัก ทว่ากลับให้ความรู้สึกประหนึ่งมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากหมอบกราบ…

————————————————————————————-

บทที่ 1535 สายตานับหมื่น (1)

กู้เซี่ยเทียนย่อมมาด้วยเช่นกัน เขาอยู่ภายในกองกำลังทหารรักษาความสงบ ห่างจากแท่นสูงนับว่าไม่ไกลเท่าใดนัก เขามองลูกสาวบนแท่นสูงเป็นครั้งคราว ดวงตาฉายแววความภาคภูมิใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นี่คือลูกสาวของเขา! แข็งแกร่งยิ่งกว่าลูกชายคนไหนทั้งนั้น!

เฮ้อ น่าเสียดายที่มารดาและพี่ชายของนางจากโลกนี้ไปเร็วนัก มิเช่นนั้น ไม่รู้ว่านางจะดีใจขนาดไหนเมื่อเห็นภาพฉากเช่นนี้! ล้วนต้องโทษตัวเอง…

ว่าแต่หลัวจั่นอวี่คนนั้นใช่เทียนนั่วหรือไม่กันแน่? ด้านรูปลักษณ์มีความคล้ายคลึงเจ็ดถึงแปดส่วน ระยะเวลาที่ถูกขังอยู่ในเขตหวงห้ามก็ไล่เลี่ยกันกับระยะเวลาที่ลูกชายพลัดหลงเข้าไปในป่าทมิฬตอนนั้น…หากไม่มีอันใดผิดคาด เขาก็คือเทียนนั่ว!

ความจริง เมื่อวานกู้เซี่ยเทียนไปเยี่ยมเยียนหลัวจั่นอวี่มา แน่นอนว่าเขาไปเยี่ยมในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของลูกสาว ทว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหลบหนีเขาหรืออย่างไร เขาจึงคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง…

ยามนี้พวกหลัวจั่นอวี่ล้วนประจำตำแหน่งที่นั่งผู้มีเกียรติด้านล่างแท่น เขากำลังพูดคุยกับเหล่าสหายของเขา ไม่ได้มองมาทางกู้เซี่ยเทียนเลยสักแวบหนึ่ง…

ขั้นเก้าแล้ว! เด็กคนนี้อายุยังน้อยกลับฝึกฝนจนมีพลังวิญญาณขั้นเก้าแล้ว!

เขาจำได้ตอนกู้เทียนนั่วเป็นเด็กก็เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก…

สูงส่งยิ่งกว่าลูกชายคนรองกู้เทียนเฉาของเขาไม่น้อย ความจริง ตอนนั้นเขารักเด็กคนนี้ด้วยใจจริง เพียงแต่เพราะโกรธแค้นมารดาของเขาถึงได้…

ตอนนั้นตัวเขาเองเลอะเลือนเหนือธรรมดาจริง!

ถึงแม้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมจะโดนสำเร็จโทษไปแล้ว ทว่าพวกลิ่วล้อเหล่านั้นมีไม่น้อย ถึงแม้หลายวันมานี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้อสนีบาตสำเร็จโทษคนเหล่านั้นไปแล้ว ทว่ายากที่จะยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ใดเล็ดรอดไปได้ อีกทั้งยังต้องเตรียมการป้องกันผู้ที่จะมาก่อความวุ่นวายให้พวกเขาในวันนี้ด้วย

ดังนั้นวันนี้กองกำลังทหารเกือบทุกคนล้วนออกโรง อยู่ที่นี่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

กู้เซี่ยเทียนเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยในวันนี้ เขาไม่เพียงแต่รวบรวมกองกำลังทหารเพื่อรักษาสงบเรียบร้อยในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งเขายังส่งสายลับไปปะปนอยู่ในกลุ่มชาวบ้านไม่น้อย หากพบบุคคลต้องสงสัยก็ให้จับตาดูไว้…

ทหารคนหนึ่งวิ่งมารายงานเขาว่าพบบุคคลต้องสงสัยบนหลังคาอาคารด้านหลังซ้าย เชิญเขาไปดูเสียหน่อย

“ท่านแม่ทัพ สตรีชุดแดงคนนั้นน่าสงสัยยิ่งนัก นางยืนอยู่ในเงามืดบนหลังคานั้นมาตลอด จดจ้องบนแท่น แต่ก็ซ่อนเร้นเรือนกายมาตลอด ราวกับกลัวว่าจะถูกใครเห็นเข้า”

ทหารคนนั้นรายงานต่อกู้เซี่ยเทียน

กู้เซี่ยเทียนมองตามทิศทางที่นิ้วมือของทหารคนนั้นชี้ไป เสียงตูมดังขึ้นในสมองเขาอย่างฉับพลัน!

ยามนี้สตรีอาภรณ์แดงนางนั้นยืนอยู่ในเงามืดจริงๆ อีกทั้งยังใช้วิชาเร้นกายบางอย่าง หากไม่มองโดยละเอียดก็จะมองไม่เห็นนาง!

เนื่องจากนางเร้นกายกึ่งหนึ่ง กู้เซี่ยเทียนจึงมองไม่เห็นใบหน้านาง ทว่าเขามองแวบเดียวก็จำได้แล้ว นั่นคือหลัวซิงหลาน! รูปร่างนั้น บุคลิกนั้น ท่าทางนั้น…ช่างเหมือนหลัวซิงหลานเหลือเกิน!

หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกมา ก้าวไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน เขาอยากมองเห็นให้ชัดเจนขึ้นอีกสักหน่อย

ทว่าสตรีนางนั้นเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงมองมาทางเขา ทั้งสองสบตากันกลางอากาศ ลมหายใจของกู้เซี่ยเทียนแทบจะหยุดชะงักลง สตรีนางนั้นเหลือบมองเขาแค่แวบหนึ่ง ร่างกายพลันพุ่งทะยาน แปลงเป็นเงาเลือนรางจางหายไป…

“อาหลาน!” กู้เซี่ยเทียนเรียกโพล่งออกมา ร่างกายพุ่งทะยานไปทิศทางที่เงาเลือนรางจางหาย

กู้เซี่ยเทียนไล่ตามสตรีนางนั้นไม่ทัน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของสตรีนางนั้นรวดเร็วเกิน! หายไปอย่างไร้เงาไร้ร่องรอยในพริบตา เขาจะไล่ตามไปก็ไม่รู้ว่าควรไล่ตามไปทางไหนดี…

กู้เซี่ยเทียนยืนอยู่ตรงนั้น นี่คือตำแหน่งสตรีนางนั้นยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้ ที่นี่ยังมีกลิ่นอายบนตัวนางจางๆ ดุจกล้วยไม้กลางหุบเขาว่างเปล่า เสียงดังตึงตังในหัวของเขา กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์บนตัวนาง…

ใช่นางหรือไม่? น่าจะใช่กระมัง? คล้ายกันขนาดนี้! คล้ายกันขนาดนี้!

……………………………………………………………….