ตอนที่433 อยู่ด้วยตลอด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

อาจารย์ที่ยอดเยี่ยม!

คำพูดนี้ของมู่เฉียนซีทำให้ดวงตาของจิ่วเยี่ยเผยให้เห็นถึงความอันตราย!

“ซี เจ้าพูดผิดแล้ว” มู่เฉียนซียังไม่ทันได้ตั้งตัวแต่อย่างใด เขาก็ปฏิบัติด้วยความต่ำช้าเสียก่อนแล้ว การกระทำนี้เป็นการเตือนมู่เฉียนซีว่า เขาคือผู้ชายของนาง

มู่เฉียนซีรู้สึกขมขื่นจริง ๆ ! แค่กล่าววาจาผิดไปเล็กน้อย แต่ค่าชดใช้ที่ต้องเสียไปนั้นช่างใหญ่หลวงซะจนทำให้นางหงุดหงิดใจอย่างมิอาจเทียบได้

ทักษะเทียนซวน นางได้รู้วิธีในการฝึกฝนแล้ว เวลาครึ่งปีก็เหลือไม่มากนัก นางจะต้องไปตามหาดอกเก้าพิฆาตลึกลับอีก ดังนั้นนางไม่อาจเสียเวลาอยู่ในเทือกเขาหนานอู้ต่อไปได้

มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าจะออกจากเทือกเขาหนานอู้ และจะเดินทางไปทางตอนกลางและตอนตกของเซี่ยโจวสักหน่อย อยากจะไปตามหาข่าวเกี่ยวกับดอกเก้าพิฆาตลึกลับ”

“อืม! ” จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว

จิ่วเยี่ยยื่นหน้าไปจูบลงบนแก้มขาวราวหยกของนางอย่างนุ่มนวล และเลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ริมฝีปากอันแดงระเรื่อ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ข้าอยู่กับเจ้าตลอดเวลา” กล่าวจบ ร่างของจิ่วเยี่ยก็อันตรธานหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่มู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้น แต่มู่เฉียนซีรู้ดีว่าเขายังอยู่กับนางตลอดเวลา

ในที่สุดดาวร้ายผู้นั้นก็จากไปสักที อาถิงที่จิตใจหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้เขาก็ปริปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า “นี่! เจ้าผู้หญิงบ้า นี่เจ้าคงจะไม่ได้ชอบผู้ชายเลวทรามต่ำช้าที่เอารัดเอาเปรียบเจ้าผู้นั้นไปแล้วหรอกใช่ไหม! ข้าบอกให้เจ้ารู้เอาไว้เลยนะว่าเจ้านั่นอันตรายมากและยากที่จะรับมือด้วย หากเจ้านั่นมาหลอกเจ้า ล้อเล่นกับความรู้สึกของเจ้า ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะวิ่งหนีไปร้องไห้ที่ไหน”

“ช้ากลัวว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะแก้แค้นก็คงจะแก้แค้นไม่ได้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าจิ่วเยี่ยเป็นคนเช่นนั้นหรือไง? ”

อาถิงแอบพึมพำในใจว่า ‘ก็จริง เจ้านั่นเป็นถึงราชา คงไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกใครเช่นนั้นหรอก แต่ว่า……’

“แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้าจะมั่นใจได้ยังไงกัน? ”

“อาถิง นี่เจ้ากำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่? ”

“ข้าก็แค่อยากจะบอกเจ้าว่าเจ้าคือคนที่ทำพันธสัญญากับข้า คนที่เจ้าควรจะเชื่อใจมากที่สุดก็คือข้า อย่ามัวแต่หลงใหลคลั่งรักจนให้คนแปลกประหลาดอย่างเจ้านั่นมาวางอำนาจบาตรใหญ่มาแทนที่ข้าได้” อาถิงกล่าวพึมพำ

มู่เฉียนซียิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าหน่ะเป็นพันธสัญญาของข้า”

“นอกจากท่านอาของข้า ข้าก็เชื่อใจเจ้าที่สุดแล้ว”

อาถิงกล่าว “อย่างนี้สิค่อยน่าฟังหน่อย”

“อันที่จริงนะ! เจ้ามองผิดไปแค่ครั้งสองครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก รอให้พลังของข้ากลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม ข้าจะจับเจ้าจิ่วเยี่ยบ้านั่นมาต่อยให้เป็นหัวหมูเลย เจ้าจะได้ไม่ต้องไปหลงใหลในความหล่อเหลาของเจ้านั่นอีกแล้ว” อาถิงกล่าวอย่างชอบธรรม

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ข้าก็ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นมาถึงเหมือนกัน”

ถึงอย่างไรจิ่วเยี่ยก็เกินไปจริง ๆ นางกับอาถิงโหยหาในสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือการแก้แค้น

อาถิงกล่าว “เหอะ! จะว่าไปแล้ว ข้าว่าเราสองคนนี่แหละที่เข้าใจกันที่สุดแล้ว” จิ่วเยี่ยบ้านั่นมาทางไหนก็ไสหัวไปทางนั้นเถอะ!

“ก็แน่นอนสิ ก็เรามีพันธสัญญาต่อกันหนิ่” หลังจากที่ปลอบใจศาลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็มุ่งหน้าเดินไปจากป่าหนานอู้

ในตอนที่เข้ามานั้น เป็นเพราะว่านางต้องการฝึกฝน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ นางจึงเลือกเดินทางในเส้นทางที่คดเคี้ยว แต่ตอนนี้ นางจะออกไปเพื่อทำธุระ นางจึงเลือกใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดจากเทือกเขาหนานอู้ไปยังแคว้นหนานเถิง

“โฮ่กกกก! ” แน่นอนว่าเส้นทางนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก มีสัตว์วิญญาณจำนวนมากที่ขวางทางอยู่ สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งเหล่านั้นพรวดไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ มู่เฉียนซีที่ฝึกฝนทักษะตี้ซวนมาได้สำเร็จ ตอนนี้นางถือว่าเหล่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้เป็นคู่ซ้อมของนาง ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง แต่นางก็สามารถเอาชนะมันได้

“ทักษะตี้ซวน! ”

“มังกรเพลิงพิฆาต! ”

“ทักษะเทียนซวน! ”

ตูมมมมม!

เกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรงในป่านหนานอู้

“เอ๊ะ! ” หลังจากที่จัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีตาแต่ไม่มีแววเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็เห็นดอกไม้สีม่วงดอกเล็ก ๆ ดอกหนึ่งอยู่บนต้นไม้

มู่เฉียนซีกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่บริเวณรอบนอกของป่าหนานอู้” มู่เฉียนซีค่อย ๆ เด็ดสมุนไพรวิญญาณนั้นมาอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวชุดขาวผู้หนึ่งก็กระโดดออกมา และกล่าวว่า “แม่นางผู้นี้ นี่คือดอกวิญญาณจื่อชี่ เจ้าโชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอกับสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าเช่นนี้” ใบหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ ดวงตาจ้องมองไปที่ดอกวิญญาณจื่อชี่นั้น เห็นได้ชัดว่านางชื่นชอบมาก

“แม่นาง เจ้าขายดอกวิญญาณจื่อชี่นี้ให้ข้าได้หรือไม่ เจ้าอยากขายราคาสูงแค่ไหนก็ย่อมได้”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ขอโทษด้วย ข้าต้องการดอกวิญญาณจื่อชี่นี้เหมือนกัน ข้าไม่ขายให้คนอื่น” ในสายตาของมู่เฉียนซี สมุนไพรวิญญาณที่ไม่มีอยู่ในสวนสมุนไพรของนางนั้นไม่อาจประเมินค่าได้

หญิงสาวชุดขาวกล่าวว่า “เจ้ารู้จักดอกวิญญาณจื่อชี่ และเจ้าบอกว่ามันมีประโยชน์กับเจ้า หรือว่าเจ้าก็เป็นนักปรุงยาด้วย”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นนักปรุงยาที่อายุน้อยเช่นนี้ ข้าชื่อมู่หรงรุ่ย แล้วแม่นางชื่ออะไร? ” นางยิ้มพลางกล่าว

หญิงสาวผู้นี้มีแววตาที่สดใส ชอบยิ้มแย้มมาก อีกทั้งยังเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย

“ข้าชื่อมู่เฉียนซี” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความนิ่ง

ในทางตอนตกของเซี่ยโจวนางมีชื่อเสียงมาก แต่ในทางตอนกลางน้อยคนที่จะรู้จักชื่อเสียงของผู้นำตระกูลมู่

“ข้ารีบเดินทาง ขอตัวก่อน” มู่เฉียนซีพรวดออกไปทันที

มู่หรงลุ่ยรีบกล่าวว่า “แม่นาง รอข้าก่อน……”

“รอข้าด้วย……”

นางมีความกระตือรือร้นในการวิ่งตามมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก หากนางไม่ใช่หญิงสาวมีหวังต้องกลายเป็นเติ้งถูจื่อที่ไล่ลวนลามสตรีเป็นแน่

“ป่านหนานอู้มันอันตรายมากนะ เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าออกไป! ข้าปกป้องเจ้าได้นะ”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหมือนว่าเจ้าเพิ่งจะเข้ามา จะออกไปแล้วเหรอ? ”

มู่หรงรุ่ยกล่าว “ข้าเข้าป่านหนานอู้ก็เพื่อที่จะมาเก็บสมุนไพร แต่ข้าไม่สบายใจจริง ๆ ที่เห็นน้องสาวเดินทางเพียงลำพังเช่นนี้! ”

“สมุนไพรเอาไว้เก็บคราวหน้าก็ได้ แต่ความปลอดภัยของน้องสาวนั้นสำคัญกว่า”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนใจว่า “ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องกังวล”

“ไม่ได้ กว่าข้าจะได้เจอนักปรุงยาที่อายุน้อยกว่าข้านั้นมันไม่ง่ายเลย ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากเจ้าหน่อย”

ถึงอย่างไรนางก็ตามมาแล้ว อีกอย่างมู่เฉียนซีก็เห็นว่ามู่หรงลุ่ยเองก็มีพรสวรรค์ในการปรุงยา และมีความรู้ในการปรุงยามาก และหลังจากที่ได้ทำความรู้จัก ได้พูดคุยกับมู่เฉียนซี มู่หรงลุ่ยก็ดีอกดีใจจนแทบจะเป็นบ้า นางรีบดึงแขนมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “น้องสาว ไม่สิ ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ ๆ ๆ อาจารย์! ”

“ท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก ข้าขอคารวะท่านเป็นอาจารย์ของข้า ท่านรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ ได้โปรด! ”

มู่เฉียนซี “ข้าไม่เคยรับใครเป็นศิษย์! ”

“เช่นนั้นก็ถือซะว่าเป็นลูกมือก็ได้นะ! ข้าไม่กลัวความทุกข์ยาก ไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย ท่านวางใจได้! ”

“ข้าชอบปรุงยาเงียบ ๆ คนเดียว! ”

มู่หรงรุ่ยพยายามอย่างเต็มที่ แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ยอมรับนางเป็นศิษย์สักที ตลอดทางนั้นดูครึกครื้นมาก ไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากป่าหนานอู้

ในตอนนี้เอง แขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามา พวกเขากล่าวขึ้นว่า “ในที่สุดก็เจอตัวคุณหนูใหญ่มู่หรงสักที”

“คุณหนูใหญ่มู่หรง ไปกับพวกเราสักครู่! เจ้านายของพวกเราคะนึงถึงคุณหนูใหญ่ทุก ๆ คืนวัน”

ต้องบอกเลยว่ามู่หรงรุ่ยเป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตางดงามมาก สีหน้าของนางเคร่งขรึมลง นางรีบกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ท่านอาจารย์ ท่านรีบหนีไป คนพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง”